วิธีรักษาสิว ให้หายขาด โดยเฉพาะสิวสเตียรอยด์ที่รักษายาก และใช้เวลานาน มาดูกันว่าต้องทำอย่างไรหน้าจึงจะกลับมาใสดังเดิม พร้อมทำความรู้จักว่า สิวสเตียรอยด์ คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร
สิว กลายเป็นปัญหาฮอตฮิตที่ทำให้สาว ๆ หลายคนถึงกับกุมขมับ ไม่ว่าจะเป็น สิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวเสี้ยน และโดยเฉพาะ "สิวสเตียรอยด์"
ที่ทำอย่างไรก็ไม่หายสักที จนบางคนเริ่มท้อ เพราะหมดเงินรักษาไปเป็นหมื่น ๆ
เพียงเพราะหลงคำเคลมจากโฆษณาเครื่องสำอางที่อันตรายและไม่ได้มาตรฐาน
ตอนใช้หน้าขาวใสข้ามคืนแต่พอหยุดใช้กลับหน้าพัง สิวบุกแบบจัดเต็ม
แถมยังต้องใช้เวลารักษากันเป็นปี ๆ อีกต่างหาก
วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำความรู้เกี่ยวกับ สิวสเตียรอยด์ มาฝากกัน โดยจะพาไปทำความรู้จักกับสิวประเภทนี้ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำวิธีรักษาสิวที่ถูกต้องและตรงจุด บอกเลยงานนี้ได้เวลากำราบสิวสเตียรอยด์ให้อยู่หมัดกันแล้ว
สิวสเตียรอยด์ หรือ Acneiform Eruption ที่แปลว่า ผื่นที่มีลักษณะคล้ายสิว โดยเป็นตุ่มหนองและตุ่มน้ำ บางครั้งจะขึ้นพร้อมกันทีเดียวหรืออาจค่อย ๆ ทยอยขึ้น แต่ไม่ว่าขึ้นช้าหรือเร็วทุกเม็ดจะมีลักษณะเหมือนกัน ซึ่งต่างจากสิวทั่วไป ที่มีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น สิวอุดตัน สิวหัวดำ และสิวอักเสบ ปะปนกันขึ้นกับระยะของสิว
![วิธีรักษาสิว วิธีรักษาสิว]()
เครื่องสำอางหรือครีมมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ที่ช่วยเนรมิตหน้าขาวใส ไร้สิว ซึ่งเห็นผลเร็วในช่วงแรก ๆ แต่เมื่อใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จะเกิดอาการที่เรียกว่า ผิวหน้าติดสารสเตียรอยด์ ทำให้ผิวบอบบาง แพ้ง่าย และเป็นสิว
สาว ๆ หลายคนคงหงุดหงิดกับสิวที่ชอบขึ้นก่อนวันสำคัญ โดยทางออกที่ดีที่สุดคือการฉีดสิว เพราะช่วยให้สิวยุบแบบรวดเร็วทันใจภายใน 24-48 ชั่วโมง แต่รู้หรือไม่ว่าสารที่ใช้ฉีดสิวคือสารสเตียรอยด์ ดังนั้นการฉีดสิวเป็นประจำอาจทำให้ผิวหน้าติดสารสเตียรอยด์ได้
การใช้ยารักษาสิวผสมสารสเตียรอยด์ ซึ่งช่วยรักษาผื่นแพ้ ผื่นคัน รวมถึงลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน หรือใช้ในปริมาณที่สูงเกินไปจะทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแตกลาย ผิวบอบบางแพ้ง่าย และเป็นสิวตามมา
![วิธีรักษาสิว วิธีรักษาสิว]()
สิวสเตียรอยด์ มักเกิดจากการอักเสบของรูขุมขน โดยมีการปล่อยของเสียต่าง ๆ ออกมาจากเซลล์ ซึ่งเมื่อไปรวมตัวกับน้ำมันที่ผลิตออกมาจากต่อมไขมันจึงทำให้เกิดเป็นสิวเห่อขึ้นมา
1. หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรปราศจากสบู่ น้ำหอม AHA/BHA และกรดวิตามินเอ
3. เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เน้นฟื้นบำรุงและเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
4. งดนวดหน้า ขัดหน้า หรือลอกหน้า เพราะเป็นการรบกวนผิว ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองได้
5. หลีกเลี่ยงการออกแดด เพราะผิวที่โดนแดดนอกจากจะฟื้นตัวช้าแล้ว ยังกระตุ้นให้สิวเห่ออีกด้วย
6. ดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด และพักผ่อนให้เพียงพอ
7. สำหรับใครที่ไม่แพ้เหงื่อตัวเองแนะนำให้ออกกำลังกาย เนื่องจากเหงื่อและความร้อนในร่างกายจะช่วยทำความสะอาดรูขุมขน
8. หากอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลงแนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที

วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำความรู้เกี่ยวกับ สิวสเตียรอยด์ มาฝากกัน โดยจะพาไปทำความรู้จักกับสิวประเภทนี้ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำวิธีรักษาสิวที่ถูกต้องและตรงจุด บอกเลยงานนี้ได้เวลากำราบสิวสเตียรอยด์ให้อยู่หมัดกันแล้ว
สิวสเตียรอยด์ คืออะไร ?
สิวสเตียรอยด์ หรือ Acneiform Eruption ที่แปลว่า ผื่นที่มีลักษณะคล้ายสิว โดยเป็นตุ่มหนองและตุ่มน้ำ บางครั้งจะขึ้นพร้อมกันทีเดียวหรืออาจค่อย ๆ ทยอยขึ้น แต่ไม่ว่าขึ้นช้าหรือเร็วทุกเม็ดจะมีลักษณะเหมือนกัน ซึ่งต่างจากสิวทั่วไป ที่มีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น สิวอุดตัน สิวหัวดำ และสิวอักเสบ ปะปนกันขึ้นกับระยะของสิว

สิวสเตียรอยด์ เกิดจากอะไร
1. เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์
เครื่องสำอางหรือครีมมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ที่ช่วยเนรมิตหน้าขาวใส ไร้สิว ซึ่งเห็นผลเร็วในช่วงแรก ๆ แต่เมื่อใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จะเกิดอาการที่เรียกว่า ผิวหน้าติดสารสเตียรอยด์ ทำให้ผิวบอบบาง แพ้ง่าย และเป็นสิว
2. การฉีดสิว
สาว ๆ หลายคนคงหงุดหงิดกับสิวที่ชอบขึ้นก่อนวันสำคัญ โดยทางออกที่ดีที่สุดคือการฉีดสิว เพราะช่วยให้สิวยุบแบบรวดเร็วทันใจภายใน 24-48 ชั่วโมง แต่รู้หรือไม่ว่าสารที่ใช้ฉีดสิวคือสารสเตียรอยด์ ดังนั้นการฉีดสิวเป็นประจำอาจทำให้ผิวหน้าติดสารสเตียรอยด์ได้
3. ยารักษาสิวผสมสารสเตียรอยด์
การใช้ยารักษาสิวผสมสารสเตียรอยด์ ซึ่งช่วยรักษาผื่นแพ้ ผื่นคัน รวมถึงลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน หรือใช้ในปริมาณที่สูงเกินไปจะทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแตกลาย ผิวบอบบางแพ้ง่าย และเป็นสิวตามมา

จุดเริ่มต้นของการเกิดสิวสเตียรอยด์
สิวสเตียรอยด์ มักเกิดจากการอักเสบของรูขุมขน โดยมีการปล่อยของเสียต่าง ๆ ออกมาจากเซลล์ ซึ่งเมื่อไปรวมตัวกับน้ำมันที่ผลิตออกมาจากต่อมไขมันจึงทำให้เกิดเป็นสิวเห่อขึ้นมา
วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์
1. หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรปราศจากสบู่ น้ำหอม AHA/BHA และกรดวิตามินเอ
3. เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เน้นฟื้นบำรุงและเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
4. งดนวดหน้า ขัดหน้า หรือลอกหน้า เพราะเป็นการรบกวนผิว ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองได้
5. หลีกเลี่ยงการออกแดด เพราะผิวที่โดนแดดนอกจากจะฟื้นตัวช้าแล้ว ยังกระตุ้นให้สิวเห่ออีกด้วย
6. ดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด และพักผ่อนให้เพียงพอ
7. สำหรับใครที่ไม่แพ้เหงื่อตัวเองแนะนำให้ออกกำลังกาย เนื่องจากเหงื่อและความร้อนในร่างกายจะช่วยทำความสะอาดรูขุมขน
8. หากอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลงแนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
สิวสเตียรอยด์เป็นสิวที่ค่อนข้างรักษายากและต้องใช้เวลา
ดังนั้นสาว ๆ
คนไหนที่ไม่อยากเป็นสิวประเภทนี้แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริง
ไม่อย่างนั้นอาจต้องมานั่งเสียใจภายหลังก็เป็นได้