ปัญหาที่ทำให้เรามูฟออนไปสู่ผิวใสไม่ได้สักที คงไม่มีอะไรน่ารำคาญไปกว่าเรื่องสิวนั่นเองค่ะ เห็นเม็ดเล็กจิ๋วแบบนี้ แต่สร้างความหนักใจไม่น้อยเลยนะ ยิ่งเวลาที่เราเห็นสิวขึ้นมาก็รู้สึกคันไม้คันมือ อยากจะกดสิว บีบสิว ให้หายไปเร็ว ๆ แต่ที่ไหนได้ ยิ่งไปยุ่งกับสิวมากเท่าไร กลับพาเพื่อน ๆ สิวมารุมใบหน้าของเรามากกว่าเดิม งานนี้หลายคนเลยเลือกไปให้คุณหมอกดสิว ผิวจะได้กลับมาสวยใสทันใจ
แต่รู้ไหมคะว่าจริง ๆ แล้ว สิวแต่ละประเภทก็มีวิธีรักษาสิวแตกต่างกันออกไป บางเม็ดก็ควรกด บางเม็ดห้ามกด ไม่เช่นนั้นจากสิวเล็ก ๆ อาจลุกลามใหญ่โตขึ้นมาจนน่าตกใจ ถ้าอย่างนั้น สิวแบบไหนกดได้ สิวแบบไหนกดไม่ได้ ? มาหาคำตอบไปพร้อมกันค่ะ
กดสิวดีไหม ?
การกดสิวถือเป็นการรักษา "เสริม" ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุของการเกิดสิว เพียงแค่ทำให้สิวอุดตันหัวเปิดหลุดออกมา เพื่อช่วยลดการสะสมของไขมันในรูขุมขน ซึ่งต้องใช้ที่กดสิวสะอาด ปลอดเชื้อ และได้มาตรฐาน ส่วนสิวอุดตันหัวปิด ควรละลายสิวอุดตันก่อน หรือทำการเปิดหัวสิว ร่วมกับการกดสิว เพื่อให้การกดง่ายและไม่ทิ้งรอย
แม้ว่าการกดสิวจะช่วยกำจัดสิวอุดตันได้ แต่ในขณะเดียวกัน การกดสิวที่ไม่ถูกวิธี อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียยิ่งเข้าลึกไปในผิวหนัง และสิวเกิดการอักเสบเป็นสิวหัวหนองขึ้นมาได้ รวมทั้งมีโอกาสที่สิวจะเพิ่มมากขึ้น เพราะเชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปรอบ ๆ แถมเวลาที่เราออกแรงกดสิว จะเป็นการทำร้ายเซลล์ผิวให้อ่อนแอ เสี่ยงต่อการเกิดสิวใหม่ได้ง่ายขึ้น หนำซ้ำใบหน้ายังเป็นรอย เกิดแผลเป็นจากสิวและหลุมสิวตามมา ซึ่งรักษาได้ยาก ดังนั้น ควรศึกษาว่าสิวแบบไหนควรกด ไม่ควรกด รวมถึงวิธีกดสิวที่ถูกต้องและปลอดภัยก่อนตัดสินใจทำ
สิวแบบไหนกดได้ แบบไหนกดไม่ได้
สิวแบบไหนกดได้
- สิวหัวดำ สิวแบบนี้อาจจะกดยากสักหน่อย แต่ยังสามารถกดได้อยู่
- สิวหัวขาวเปิด เป็นสิวชนิดอุดตันที่สามารถกดออกได้
- สิวหัวหนอง อักเสบระยะสุดท้าย จึงสามารถกดได้เช่นกัน
สิวแบบไหนห้ามกด
- สิวหัวช้างเม็ดใหญ่ ๆ ถ้าเห็นหนองสามารถกดได้ แต่หากยังไม่เห็นไม่ควรกดเด็ดขาด
- สิวหัวปิด (สิวอุดตันสีขาว)
- สิวที่เรายังไม่เห็นหัว มีอาการบวม ๆ แต่หัวสิวอยู่ลึกเกินไป จึงไม่ควรกด
- สิวอักเสบหัวแดงที่หัวสิวไม่โผล่ แบบนี้อย่ากดเด็ดขาด เพราะยิ่งกดจะยิ่งอักเสบ
กดสิว ทำอย่างไรให้ถูกวิธี
ถ้าอยากกดสิวแบบไม่เสี่ยงหน้าพัง ควรใช้อุปกรณ์แทนการใช้นิ้วหรือเล็บมือ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เป็นสิวอักเสบ ตามด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ล้างใบหน้าให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าและโฟมหรือเจลล้างหน้า
2. เปิดรูขุมขนด้วยการใช้ผ้าขนหนูสะอาดชุบน้ำอุ่น บิดหมาด ๆ แล้ววางโปะไว้บนผิวหน้าประมาณ 10 นาที
3. ระหว่างที่เปิดรูขุมขน ให้แช่อุปกรณ์กดสิวในแอลกอฮอล์เอาไว้ก่อนประมาณ 10 นาที
4. กดสิวโดยใช้ที่กดสิวด้านที่เป็นห่วง ทำมุมกับผิว 45 องศา เริ่มจากกดหัวสิวเม็ดที่คิดว่าน่าจะได้ โดยให้หัวสิวอยู่ตรงกลางห่วง กดลงไปเบา ๆ จนหัวสิวออกหมด เนื่องจากถ้าหัวสิวเม็ดนั้นออกไม่หมดจะทำให้เกิดสิวซ้ำขึ้นมาได้ หากเป็นสิวหัวดำ สิวอุดตัน อาจเอาปลายเข็มแหลม ๆ สะกิดที่หัวสิวให้เปิดก่อนแล้วจึงกด
5. หลังจากกดสิวเสร็จแล้ว ให้ใช้สำลีชุบน้ำเกลือสำหรับล้างแผล เช็ดเบา ๆ ให้ทั่ว โดยเฉพาะบริเวณที่กดสิว เพื่อฆ่าเชื้อและทำความสะอาด จากนั้นใช้ยาทารักษาสิวแต้มบริเวณสิวหัวอักเสบจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
คำเตือน : ใครยังไม่เชี่ยวชาญการกดสิว แนะนำให้ไปหาหมอจะดีที่สุด อย่ากดสิวเอง เพราะอาจทำให้เกิดรอยแผลและเจ็บตัวฟรี ส่วนใครที่กดสิวเก่งแล้ว อย่าลืมทาครีมบำรุงป้องกันรอยแผลจากการกดสิวด้วย จะได้ไม่มีรอยแดง รอยสิว มารบกวนบนใบหน้า
วิธีรักษาสิว สำหรับสิวที่ไม่ควรกด
สิวที่ไม่มีหัว ควรรักษาเบื้องต้นด้วยการใช้ยาแต้มสิว ยาทาสิว ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่ทำให้ผิวแห้ง ลดอาการอักเสบ ทาหลังจากล้างหน้าทั้งเช้า-เย็น หรือแต้มระหว่างวันก็ได้ สิวก็จะไม่ลุกลามและค่อย ๆ ยุบแห้งลงไปเอง โดยไม่ทิ้งรอยดำ รอยแดง หรือหลุมสิวเอาไว้
ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบมาก แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อฉีดสิว โดยแพทย์อาจพิจารณาฉีดยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์เข้าไปในตำแหน่งที่เกิดสิวอักเสบนั้นก็จะช่วยลดอาการอักเสบและทำให้สิวยุบบวมลง หลังจากสิวยุบแล้วควรใช้ยาทาป้องกันรอยสิวร่วมด้วย
เห็นไหมคะว่าสิวแต่ละแบบมีการรักษาแตกต่างกันออกไป แค่รู้จักประเภทของสิวที่เป็น และจัดการอย่างถูกวิธี ก็สามารถโบกมือลาปัญหาสิวไปได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก : healthline.com, medicalnewstoday.com, si.mahidol.ac.th, tanapornclinic.com