สิวเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
- ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไป - น้ำมันที่มากเกินไปจะไปอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดสิวในที่สุด
- การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว - เมื่อเซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่ถูกกำจัดออกไป ก็จะอุดตันรูขุมขนและเกิดเป็นสิวได้เช่นเดียวกัน
- แบคทีเรีย Propionibacterium Acnes - เมื่อแบคทีเรียชนิดนี้เกิดขึ้นในรูขุมขน ก็จะทำให้สิวขึ้น
- ผิวหนังอักเสบ - จนเกิดรอยแดง และเกิดเป็นสิวนูนขึ้นใต้ผิวหนัง
รักษาสิวยังไงดี ไม่ให้กลับมาเป็นสิวอีก
เมื่อสิวเกิดขึ้นบนใบหน้าแล้ว ก็ต้องหาวิธีรักษา โดยเฉพาะสิวอักเสบที่เป็นตุ่มนูน ๆ เจ็บ ๆ ใต้ผิวหนัง ที่กว่าจะหายก็ใช้เวลานาน จะมีวิธีใดบ้าง มาดูกันเลย
1. ล้างหน้าให้สะอาดก่อนรักษาสิว โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและปราศจากน้ำหอม
2. ประคบน้ำแข็ง เพื่อลดอาการปวดและบวม โดยใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งไว้ ประคบที่สิว 5-10 นาที แล้วเว้นระยะประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะประคบซ้ำ
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสาร Benzoyl Peroxide 2% เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว (หาซื้อได้ตามร้านขายยา) แต้มบาง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวบริเวณอื่นระคายเคืองได้
4. ประคบอุ่นเมื่อเริ่มมีหัวสิว สำหรับสิวที่ดูมีหัวแล้วแต่ยังเอาออกมาไม่ได้ ให้นำผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาดประคบที่สิวประมาณ 10-15 นาที ทำวันละ 3-4 ครั้ง เพื่อให้หัวสิวปล่อยหนองออกมา แล้วค่อยเจาะเอาหนองออก เมื่อเอาหนองที่สิวออกได้จะทำให้สิวแห้งเร็วขึ้น
5. อย่าบีบ เค้น แกะสิว ไม่อย่างนั้นจะทำให้สิวอักเสบยิ่งขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ รวมถึงทำให้เกิดแผลเป็นด้วย
6. อย่าแต้มสิวด้วยยาสีฟัน ยาสีฟันมีส่วนผสมหลายอย่าง เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เบกกิ้งโซดา แอลกอฮอล์ และเมนทอล ที่สามารถอุดตันรูขุมขนและทำให้ระคายเคืองผิวได้ ให้ใช้ยาแต้มสิวโดยเฉพาะทาบาง ๆ หลังล้างหน้า จะช่วยให้สิวยุบลงอย่างปลอดภัยกว่า
ป้องกันสิวอย่างไร ช่วยให้หน้าใสไร้สิว
เมื่อรักษาสิวให้หายแล้ว ก็ถึงเวลาป้องกันไม่ให้สิวกลับมาอีก ต้องทำอย่างไรบ้าง มาดูกันค่ะ
1. อย่าจับใบหน้า นอกจากล้างหน้าให้สะอาดแล้ว ก็พยายามอย่าเอามือไปจับใบหน้าบ่อย ๆ เพราะมือของเราสัมผัสกับสิ่งของรอบตัวตลอดเวลา ทำให้เสี่ยงต่อการนำแบคทีเรียไปโดนใบหน้าได้ง่าย นอกจากจะทำให้เกิดสิวใหม่แล้ว ยังกระตุ้นให้สิวเดิมอักเสบยิ่งขึ้นด้วย
2. เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อย ๆ ปลอกหมอนเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรก น้ำมัน และแบคทีเรียจากใบหน้า ผม รวมไปถึงฝุ่นในห้อง และอาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสิวได้ จึงควรเปลี่ยนปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
3. ล้างแปรงแต่งหน้าเป็นประจำ แปรงแต่งหน้าก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สะสมเอาความมันและสิ่งสกปรกบนใบหน้าของเราไว้ เมื่อแปรงสกปรก ๆ สัมผัสใบหน้านานวันเข้าก็จะก่อให้เกิดสิวได้ ดังนั้นจึงควรล้างแปรงแต่งหน้าสัปดาห์ละครั้งเช่นกัน
4. อย่าสครับผิวแรง บางคนรู้สึกว่าการสครับผิวจะช่วยให้ผิวหน้าสะอาดกริบ แต่การขัดใบหน้าแรง ๆ หรือบ่อยจนเกินไปจะทำให้ผิวระคายเคือง และเป็นสิวได้ง่ายขึ้น ดังนั้นควรสครับผิวอย่างเบามือ และทำแค่สัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอ
5. สระผมให้สะอาดเสมอ เพราะผมมีความมันที่คอยดักจับสิ่งสกปรกและฝุ่นละมอง เมื่อเส้นผมสัมผัสโดนใบหน้า ก็จะไปกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่าย ทางที่ดีจึงควรสระผมให้สะอาด และอย่าทิ้งไว้หลายวันจนเกินไป
6. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ถูกขั้นตอน โดยหลังจากล้างหน้าให้สะอาดแล้ว ก็ควรใช้โทนเนอร์เพื่อกระชับรูขุมขน จากนั้นหากเป็นสิวให้แต้มยาแต้มสิวก่อน แล้วจึงตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบาเพื่อไม่ให้เกิดการอุดตัน และอย่าประโคมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้
7. พยายามงดอาหารที่กระตุ้นสิว อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูง มักจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้ง่าย เช่น ของมัน ของทอด ของหวานต่าง ๆ ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้นจนเกิดสิว
8. ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน แดดแรง ๆ มีผลต่อการผลิตน้ำมันบนใบหน้า ดังนั้นจึงควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SFP15 ขึ้นไปจะช่วยปกป้องผิวไม่ให้แสบไหม้และป้องกันไม่ให้เกิดสิวได้
9. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำมัน ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีน้ำมันสามารถอุดตันรูขุมขนได้ ซึ่งเหมาะกับผิวแห้งที่ผลิตน้ำมันตามธรรมชาติได้ไม่เพียงพอ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผสมน้ำมันจะทำให้โอกาสเกิดสิวลดน้อยลง
10. พยายามหลีกเลี่ยงความเครียด เนื่องจากความเครียดมักจะทำให้อาการอับเสบต่าง ๆ ในร่างกายแย่ลง รวมไปถึงสิวด้วย
ถ้าอยากมีหน้าใสไร้สิวไม่ใช่เรื่องยากค่ะ พยายามรักษาให้หายตามคำแนะนำที่เราได้บอกไป พร้อมหาวิธีป้องกันไม่ให้สิวเกิดขึ้นใหม่ เท่านี้หน้าของคุณก็จะเนียนใส ไม่ต้องคอยปกปิดแล้วล่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : aad.org, glamour.com, medicalnewstoday.com