ดับร้อน...ลูกดื้อ วีนตลาดแตก (M&C แม่และเด็ก)
ดื้อ วีน ขี้โมโหสุด ๆ ถือว่า เป็นเรื่องชิว ๆ มากสำหรับเด็กวัยนี้ หากไม่เป็นล่ะซิ น่ากลุ้มใจมากกว่า แต่ถ้าลูกน้อย รักษาความดื้อ ขี้วีนสุด ๆ ไว้เหมือนกะปิรักษาความเค็ม หรือทีวีไทย รักษาความน้ำเน่าของละครไว้เสมอต้นเสมอปลายแล้วล่ะก็ อนาคตของลูก ตอบแบบไม่ฟันธง ก็รู้เลยว่า ออกในแง่ไหนมากกว่ากัน
ทำไม!! หนูถึงดื้อขนาดนี้นะ
การที่ลูกเอาแต่ใจตัวเอง พอไม่ได้อะไรก็วีนสุดฤทธิ์สุดเดช สาเหตุส่วนใหญ่ ก็คือ พ่อแม่มีเวลาให้ลูกน้อย โดยเฉพาะเด็กในวัย 2 - 3 ขวบค่ะ ควรให้เวลาคุณภาพลูกมาก ๆ พ่อแม่บางคนมองข้ามช่วงนี้ไป คิดว่าไปฝึกตอนโตก็ยังทัน ผิดค่ะ ช้าไปแล้ว การปล่อยให้ทีวีเลี้ยงลูก หรือให้เล่นกับพี่เลี้ยง ตรงนี้เป็นการใช้เวลาด้วยกันแค่ตัว แต่ใจไม่ได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งบางคนก็อาจชดเชยด้วยสิ่งของ ทำให้เด็ก ๆ คิดว่า ความรักคือสิ่งของ พอวันหลังอยากได้ความรัก ก็เลยเรียกร้องสิ่งของ เลยส่งผลให้ความมั่นคงทางอารมณ์ต่ำสุด ๆ ค่ะ
เมื่อเกิดอาการดื้อ วีนสุด ๆ
ก่อนอื่น คุณแม่ต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หากมีอาการลุ่มร้อนในหัวใจเหมือนเจอรักแรกพบ อิ อิ หากร้อนทั้งคู่ ไม่ดีแน่ ๆ กรณีเป็นเรื่องอันตรายเกี่ยวกับร่างกาย หรือทรัพย์สิน ก็ให้จับเจ้าตัวน้อยแยกห่างออกมาก่อนประมาณ 2 ช่วงตึก เกินไปนิด อิ อิ จากนั้นก็ถามตรง ๆ เลยค่ะ ตามประสาคอลูกทุ่งว่า อะไรเป็นสาเหตุให้เจ้าประคุณทูนหัวเกิดอาการเจ ไม่เข้าใจชีวิตขึ้นมา
น้ำเย็นเข้าลูบ
หลังจากนั้นจึงใช้น้ำเย็นลูบเข้าไว้ก่อนแล้ว ดราม่าเข้าใส่เลยค่ะ ประมาณรักสุดหัวใจ แม้เจ้าประคุณลมเสียขนาดไหนก็ตาม จนขาใหญ่ของเราอารมณ์เริ่มสงบลง แล้วจึงค่อยพยายามคิดหาเหตุผลที่ดูดีมีชาติตระกูล พูดให้เข้าใจอย่างสั้น ๆ และง่าย ๆ ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นไม่ดีอย่างไร
หากยุทธการน้ำเย็นเข้าลูบไม่ได้ผล แถมเจ้าตัวยังเกิดอาการดิ้นเป็นจังหวะ เค ป๊อป อีกล่ะก็ปล่อยเลยค่ะ ปล่อยดิ้นให้พอใจ แต่ถ้าหากเกิดทุบตีพ่อแม่ ทำลายข้าวของ แล้วล่ะก็ ให้จับมือแน่น ๆ จนกว่าเจ้าตัวมีอาการสงบ หลังจากนั้น ค่อยกลับไปพูดให้เข้าอีกรอบ
หากรู้สึกว่า เจ้ายังไม่ออก ยังประทับอยู่อีกล่ะก็ จนคุณแม่สะกดอารมณ์แม่พระไว้ไม่อยู่แล้วล่ะก็ ให้มองหา A Door เลยค่ะ แล้วเชิดหน้า ไม่ให้เสียฟอร์ม เดินจากไปเพื่อสงบอารมณ์ (กรณีที่มีคนที่ไว้ใจหรือใจเย็นกว่าอยู่ข้าง ๆ สามารถไว้เนื้อเชื่อใจให้ดูแลแทนได้สักครู่)
รอสักพักจนอาการเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะเด็กจะเริ่มคิดได้มากกว่าเดิม เมื่อได้เห็นแม่อันเป็นที่รักเดินทำสีหน้าไม่บอกบุญเดินจากไป เด็กทุกคนรักแม่ค่ะ เขาย่อมไม่อยากให้แม่ไม่รัก ทีนี้ น้ำขึ้นให้รีบตัก แต่จะตักได้ดีเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับการแก้สถานการณ์ตอนนั้นว่า มีความเฉียบขาดเพียงใด
รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี
หากยังไม่หายอีก เจ้าพ่อเจ้าแม่ยังคงประทับอยู่อีก ตามสุภาษิตโบราณ "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี" แต่ช้าก่อน คุณแม่สมัยใหม่คงทำใจตีลูกไม่ลง เพราะตีไปคนที่เจ็บยิ่งกว่าก็คือ ตัวเราเองค่ะ และยิ่งตี ลูกก็ยิ่งกลัวเรามากขึ้น พฤติกรรมจะหายไปก็แค่ต่อหน้าเราเท่านั้น จึงไม่ใช่วิธีการที่ดีสักเท่าไหร่ เก็บไว้เป็นไม้ตายก้นหีบดีกว่า
ก็ให้ลองใช้เทคนิคปรับพฤติกรรมแบบฝรั่งมังค่า เขาก็มีเขียนมาหลากหลายตำรา จนคนเขียนก็เริ่มเบื่อ ๆ ตัวเอง แต่กระนั้น พูดอีกรอบก็ได้ ก็ใช้วิธี Time Out โดยจัดมุมห้อง หรือมุมใดมุมหนึ่งในบ้านก็ได้ ซึ่งมุมนั้นควรเงียบ ไม่มีสิ่งใดเร้าความสนใจ แต่ก็ไม่ควรเงียบสงัดจนแลดูน่ากลัว เดี๋ยวลูกเกิดอาการจิตหลอน หลังจากพาไปอยู่ที่มุมสงบอย่างละมุนละม่อมแล้ว เวลาที่ใช้ก็พิจารณาตามอายุของเด็ก เช่น เด็กอายุ 3 ขวบ ก็ใช้ 3 นาที หากอาการดังกล่าวยังมีอีก ก็ให้จับ Time Out ซ้ำอีก จนไม่มีพฤติกรรมดังกล่าวอีกต่อไป
ตีลูกดีหรือไม่?
การเลี้ยงลูกนั้น ไม่มีศาสตร์ตายตัว เพราะเด็กแต่ละคนก็มีนิสัยแตกต่างกันไป ตามสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดู แต่สำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ต้องพยายามทำความเข้าใจธรรมชาติของลูก เพราะพ่อแม่เปรียบเสมือนครูคนแรกของลูก และต้องไม่เบื่อที่จะสอน และเมื่อไม่เบื่อที่จะสอน การตีนั้นก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป เพราะการสอนนั้น สามารถสอนซ้ำไปซ้ำมาได้ และเมื่อเขามีพฤติกรรมที่ดีขึ้น การรู้จักชมเชย ให้กำลังใจก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย
ฝึกใช้เหตุผล...ให้เป็นนิสัย
พ่อแม่ควรใช้ความพยายามในการสังเกตความต้องการของลูก ทั้งทางด้านจิตใจ และด้านร่างกาย ด้วยการสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้อบอุ่นค่ะ สร้างเวลาคุณภาพวันละไม่ต่ำกว่า 30 นาที หากไม่มีเวลามากนัก ทำกิจกรรมร่วมกัน รับฟังสิ่งที่ลูกอยากจะบอกเล่า พร้อมทั้งฝึกการใช้เหตุผลกับลูกจนเกิดเป็นนิสัย ด้วยคำพูดที่เข้าใจง่าย ไม่เน้นหลักการมากเกินไปค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก