ปากแตก ปากแห้ง เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่มักจะเจอกันบ่อย ๆ ในช่วงหน้าหนาว ปากแตกเกิดจากอะไร แล้วจะดูแลอย่างไรดี เรามีวิธีแก้ปากแห้งแบบง่าย ๆ มาฝาก เพื่อให้สาว ๆ มีริมฝีปากที่นุ่มชุ่มชื้นตลอดหนาวนี้
เวลาที่เราพูดคุยกับใคร สิ่งแรก ๆ ที่คนจะเห็นคงเป็นริมฝีปาก ดังนั้นคงจะไม่น่ามองเท่าไร ถ้าปากของเราทั้งแห้งและลอก ยิ่งเมื่ออากาศเย็นมาเยือน นอกจากจะต้องหาวิธีดูแลผิวหน้าหนาวแล้ว หลายคนก็มักจะเจอปัญหาปากแตก หน้าหนาว มองแล้วหมดความมั่นใจ ทาลิปสติกแท่งโปรดก็ไม่รอด เพราะปากลอกเป็นขุย บางครั้งเผลอไปแกะก็ยิ่งเป็นแผล เจ็บแสบ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หนำซ้ำยังทำให้ปากคล้ำ ไม่เรียบเนียน ทางที่ดีจึงควรปกป้องและบำรุงเรียวปากตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยวิธีแก้ริมฝีปากแห้ง ปากแตกหน้าหนาว ที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากในวันนี้ รับรองว่าจะช่วยให้ริมฝีปากกลับมามีชีวิตชีวา เนียนนุ่ม ไม่แห้งลอก ตลอดหน้าหนาวอย่างแน่นอน
ปากแตกเกิดจากอะไร ? ทำไมหน้าหนาวถึงมักปากแตก
ในช่วงหน้าหนาว อากาศแห้ง น้ำในร่างกายของเราจึงระเหยออกไปมากเป็นพิเศษ และด้วยสาเหตุนี้เองที่ส่งผลให้ผิวแห้งกว่าปกติ โดยเฉพาะริมฝีปากที่มักแห้งแตกก่อนผิวส่วนอื่น เพราะบริเวณนี้ไม่มีต่อมไขมันไว้เคลือบ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกไปเหมือนผิวบริเวณอื่น ๆ จึงทำให้ปากแตก แห้ง และเป็นขุยได้ง่ายนั่นเอง
วิธีแก้ปากแตก หน้าหนาว
1. งดพฤติกรรมเสี่ยง
บางคนคิดว่าการเลียริมฝีปากจะช่วยให้ปากชุ่มชื้นขึ้น แต่จริง ๆ แล้วพฤติกรรมนี้กลับทำให้ปากแห้งขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นต้องเตือนตัวเองเสมอว่าอย่าเลียหรือเม้มริมฝีปาก รวมถึงแกะหรือลอกส่วนที่แห้งแตก เพราะเป็นการซ้ำเติมผิวหนังให้อ่อนแอมากขึ้น นอกจากนี้ยังควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมี เช่น ในลิปสติก ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้และปากแห้ง ระคายเคืองได้ง่าย อย่างลิปสติก ควรเลือกใช้แบบออร์แกนิกหรือมีสีอ่อน ๆ เพราะปริมาณเม็ดสีจะน้อยกว่าแบบสีเข้ม ส่วนยาสีฟันอาจลองหันมาใช้ยาสีฟันสมุนไพร หรือเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติแทน
2. ดื่มน้ำให้มาก ๆ
ข้อนี้ถือเป็นเรื่องเบสิก แต่ก็สำคัญมาก เพราะสาเหตุหลักที่ทำให้ปากแห้งแตกนั้นส่วนใหญ่มาจากร่างกายขาดน้ำ จึงควรเติมความชุ่มชื้นใต้ผิวหนังด้วยการดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้ร่างกายมีน้ำเพียงพอ นอกจากอาการปากแตกจะค่อย ๆ ดีขึ้นแล้ว ผิวของเรายังเนียนนุ่ม อิ่มน้ำ มากกว่าเดิมอีกด้วย
3. ทาลิปบาล์มเป็นประจำ
ลิปมันหรือลิปบาล์ม เป็น must have ไอเทมสำหรับคนที่ปากแตก แห้ง และลอก เพราะมีส่วนผสมที่จะช่วยเพิ่มและล็อกความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากได้ โดยควรทาลิปบาล์มซ้ำอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้ปากสวยฉ่ำอยู่ตลอดเวลา นอกจากลิปบาล์มแล้วสาว ๆ ยังสามารถใช้น้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว มาทาเคลือบริมฝีปากเพื่อลดอาการปากแห้งแตกและช่วยให้ปากนุ่มขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
4. สครับริมฝีปาก ผลัดเซลล์ผิวเก่า
ใครที่ปากแตกแต่อาการยังไม่หนักมากจนถึงขั้นแสบหรือเลือดออก ลองมาสครับริมฝีปากเพื่อกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไปกันค่ะ ซึ่งสูตรก็ไม่ยาก แค่ใช้น้ำตาลทรายแดงผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอกอย่างละ 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาถูทั่วริมฝีปากอย่างเบามือ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดออก สามารถทำได้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยทำให้ริมฝีปากที่ลอกหลุดออกได้ แต่ไม่ควรทำทุกวันเพราะอาจเป็นการรบกวนผิวได้ แล้วก็อย่าลืมทาลิปบาล์มบำรุงทุกครั้งหลังสครับเพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นด้วยนะคะ
5. ทาลิปมาสก์ บำรุงริมฝีปากก่อนนอน
ถ้าแค่ลิปบาล์มยังเอาไม่อยู่ มาเพิ่มอีกหนึ่งรูทีนด้วยการทาหรือพอกลิปมาสก์กันค่ะ เพราะตัวลิปมาสก์นี้เต็มไปด้วยสารอาหารและวิตามิน รวมถึงส่วนผสมอย่างเชียร์บัตเตอร์หรือน้ำมันที่มีความหนากว่าลิปบาล์มทั่วไป จึงช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้นขึ้นในชั่วข้ามคืน แก้อาการปากแตกและเป็นขุยได้ แค่ทาบาง ๆ ก่อนนอน หรือถ้าเป็นแบบแผ่นไฮโดรเจลก็แปะทิ้งไว้สัก 15 นาที ตอนเช้าตื่นมาจะสัมผัสได้เลยว่าปากนุ่มและอวบอิ่มขึ้น
6. ใช้น้ำผึ้งสมานแผลปากแตก มีเลือดออก
น้ำผึ้งมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อ ป้องกันการอักเสบ อีกทั้งยังช่วยสมานแผลให้หายเร็ว ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ดังนั้นใครที่มีอาการปากแตกจนถึงขั้นเลือดออกซิบ ๆ และแสบแดง ให้นำน้ำผึ้งมาทาที่ริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดออก ทำเป็นประจำจะช่วยบรรเทาอาการปากแตกได้และทำให้ริมฝีปากนุ่มนวลชวนมองยิ่งขึ้น
7. กินอาหารที่มีวิตามินและอาหารเสริม
บำรุงริมฝีปากจากภายนอกอาจไม่พอ ต้องบำรุงจากภายในควบคู่กันไปด้วย อย่างการกินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเอ บี ซี และโอเมก้า 3 ในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี, ข้าวกล้อง, ผักใบเขียว, ถั่วเปลือกแข็ง, ผลไม้ตระกูลเบอร์รี, โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ซึ่งอาหารเหล่านี้จะช่วยทำให้ผิวพรรณและริมฝีปากมีสุขภาพดีและชุ่มชื้น ยิ่งกินยิ่งดีต่อร่างกาย
8. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ปากแห้ง
ไม่เพียงแต่การเลือกกิน แต่สาว ๆ ควรรู้ถึงสิ่งที่ไม่ควรกินด้วย เพราะทำให้ปากแห้งแตกได้ง่าย โดยควรหลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด อาหารที่มีกรด มีรสเปรี้ยว หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ หลังกินอาหารแล้วควรล้างปากทุกครั้ง เพื่อไม่ให้กรดไปลดความชุ่มชื้นของริมฝีปาก และที่สำคัญคือควรเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีผลต่อการขับน้ำออกจากร่างกายและทำให้ปากแตกได้ง่ายนั่นเอง
วิธีแก้ปากแตก แห้ง ลอก ในช่วงหน้าหนาวที่เรานำมาฝาก จะช่วยให้คุณเป็นเจ้าของริมฝีปากนุ่มละมุน เรียบเนียน และสุขภาพดีอยู่เสมอ รับรองว่าสวยรอดตลอดฤดูกาลแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก : theguardian.com, health.clevelandclinic.org, aad.org, healthshots.com