บอย ปกรณ์ แจงแทน ! เผยสาเหตุ หน่อง ธนา ร้องไห้กลางวงสื่อ ตอนพูดเรื่องบวช

          กลายเป็นเรื่องดราม่าขึ้นมาทันที สำหรับกรณีที่ หน่อง ธนา ร้องไห้กลางวงนักข่าว ขณะให้สัมภาษณ์เรื่องที่กำลังจะเข้าพิธีบวช โดยไม่ได้เชิญใครไปงาน ทำให้แฟน ๆ แห่ให้กำลังใจเจ้าตัวกันเป็นจำนวนมาก

          อ่านข่าว : เกิดอะไรขึ้น !? หน่อง ธนา หลั่งน้ำตากลางวงสัมภาษณ์ หลังถูกถามบวชแต่ไม่เชิญใคร

          ล่าสุด (25 พฤศจิกายน 2565) บอย ปกรณ์ พระเอกดังพี่ชายของ หน่อง ก็ออกมาเปิดใจถึงเหตุที่น้องชายร้องไห้กลางวงสัมภาษณ์ด้วยว่า ได้คุยกับหน่องถึงเรื่องนี้แล้ว ความจริงแล้วไม่ได้มีอะไรใหญ่โตอย่างที่ทุกคนคิดเลย และเราก็ได้เห็นคลิปสัมภาษณ์ด้วย ที่หน่องพูดถึงเรื่องบวช แล้วก็พูดถึงเรื่องความเครียดของเขา เราก็รับรู้ได้ว่าช่วงนี้เขามีความเครียดจริง ๆ ทั้งเรื่องงานของเขาด้วย และน่าจะมีเรื่องอื่น ๆ อีก

          พูดตรง ๆ ว่าผมอาจจะไม่รู้ก็ได้ คือเราเป็นพี่น้องกันก็จริง แต่เราก็ไม่ได้รู้เรื่องทุกเรื่องของเขา ที่เรารู้หลัก ๆ คือเรื่องงานของเขา ผมก็ถามเขาเมื่อวานทำไมมันมีอะไร เขาก็บอกว่าช่วงนี้เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว เหมือนกับใจไม่ค่อยนิ่ง เขาก็มีหลายเรื่องให้เขาคิด ทั้งเรื่องที่เขาต้องเตรียมจะบวชแล้วด้วย เรื่องที่เขามีหลายอย่างที่ต้องเคลียร์ แต่หลัก ๆ แล้วมันไม่มีอะไรใหญ่โต

          ส่วนดราม่าในโซเชียลเราก็เห็นตามหน้าเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ก็ขอบคุณแทนน้องชายผมที่คอยเป็นห่วงเป็นใยความรู้สึกของหน่อง ตอนนี้หน่องก็โอเคแล้วครับ ผมขอพูดอีกนิดหนึ่งแล้วกัน ไม่ได้จะออกตัวแทนใคร ผมอยากจะพูดความจริงที่เกิดขึ้นแล้วกัน ความจริงแล้วพี่นักข่าวได้มีการโทร. ไปคุยกัยหน่องแล้ว ความจริงเป็นพี่นักข่าวที่รู้จักกันอยู่แล้ว หน่องก็ไม่ได้ติดใจอะไร คือคุยกันเรียบร้อย ไม่มีอะไร แต่อย่างที่บอกขอบคุณ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงความรู้สึกหน่อง ขอบคุณมากจริง ๆ

          เมื่อวานผมกับแม่ก็อยู่กับหน่องด้วย ทุกคนก็ถามก็เป็นห่วงหน่องว่าเป็นอะไรหรือเปล่า หน่องก็บอกมีความเครียดเรื่องงาน แต่ผมก็เชื่อลึก ๆ ว่าอาจจะมีเรื่องอื่นอีก ที่เป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่ได้บอกเรา ถามว่าเคยเห็นเขาเป็นแบบนี้ไหม คือก็เป็น คืออยากจะบอกว่าหน่องในลุคที่ทุกคนเห็นเนี่ย เป็นหน่องที่ลั้ลลาบางทีก็พูดอะไรไปเรื่อย ติสท์ ๆ บ้าง แต่ความจริงหน่องเขามีมุมนี้ของเขาอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่ถ้าเขาเครียดหรือเขามีอะไรในใจ บางเขาจะไม่ค่อยพูด แต่เราสังเกตรับรู้ได้เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ช่วงนี้อาจจะมีหลาย ๆ อย่าง เรื่องของเวลาที่กระชั้นเข้ามา เดี๋ยวต้องบวชแล้วมันเลยทำให้เขามีความกดดันข้างใน

          ถามว่าพี่น้องช่วยฮีลใจกันยังไง คือผู้ชายมันก็คุยกันแบบผู้ชาย ก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวมันก็ผ่านช่วงนี้ไป เดี๋ยวก็ดีขึ้น ผู้ชายมันไม่ต้องพูดอะไรเยอะครับ

          เรื่องบวชก็คุยกัน ถ้าจะทำอะไรพวกนี้มันเป็นเรื่องสำคัญของที่บ้านอยู่แล้ว ต้องมาปรึกษากันอยู่แล้ว ความจริงหน่องก็อยากบวชมานานแล้ว เราก็อยากบวช แต่เรื่องภารกิจหน้าที่มันยังไม่สามารถหาจังหวะลงล็อกได้ ส่วนหน่องตอนนี้เขาสามารถที่จะเคลียร์ทุกอย่างได้ ก็มาลงล็อกช่วงนี้ เป็นจังหวะต้องตอนนี้แล้ว ถ้าเกิดไม่เป็นตอนนี้ก็ไม่รู้จะมีจังหวะได้บวชอีกเมื่อไหร่ ก็เลยเป็นสาเหตุที่ว่ามีความปุบปับนิดหนึ่ง และเมื่อถูกถามว่าเป็นการบวชแก้บนไหม หนุ่มบอยก็ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องแบบนั้น

          คือการบวชเนี่ย ก็คือลูกผู้ชายครั้งหนึ่งบวชเพื่อทดแทนบุญคุณของทั้งพ่อทั้งแม่ด้วย ก็เป็นปกติ แต่หน่องเขาอยากบวชเอง เพราะที่บ้านภัทรบวชแล้ว หน่องกำลังจะบวช เหลือผมก็อยากบวช ความจริงผมควรจะบวชได้ตั้งนานแล้ว แต่จังหวะมันไม่มีเพราะว่าพอบวชเสร็จต้องรอผมยาว งานมันก็มีต่อเนื่องเข้ามาเรื่อย ๆ เลยยังไม่สามารถหาจังหวะที่ลงล็อกได้เท่านั้นเอง

          ส่วนที่เขาร้องไห้ ทำให้หลายคนเป็นกังวลว่าเกิดอะไรขึ้นไหมเกี่ยวกับเรื่องที่จะบวช คือมองว่าพอมันมีความเครียดเรื่องเวลาที่บีบเข้าใจ และพูดเรื่องนี้บวกกับว่าเขามีความตื้นตัน ดีใจปนเข้ามาด้วยว่าในที่สุดก็ได้บวชแล้ว ได้ทำตามที่ตัวเองอยากจะทำ คือแล้วแต่บ้านคิดยังไงอาจจะไม่เหมือนกัน แต่สำหรับบ้านผมการบวชคือการทดแทนบุญคุณให้กับบุพการีของเรา มันเป็นอะไรที่เราอยากทำให้อยู่แล้ว อยากให้ทุกคนร่วมอนุโมทนาบุญให้กับหน่องด้วย มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่ทุกคนตีความไป

          หนุ่มบอย ยังเปิดใจถึงเรื่องที่โพสต์ฟาดคนไม่ซื่อตรงกลางไอจีสตอรี่ด้วยว่า ความจริงแล้วผมก็เป็นคนที่ ผมเป็นคนไม่ค่อยเวลารู้สึกอะไรก็ตาม หรือเจอเหตุการณ์อะไรก็ตาม ผมเป็นคนไม่ค่อยโพสต์ ไม่ค่อยเล่า ไม่ค่อยออกสื่อ โดยเฉพาะเป็นเรื่องซีเรียส แต่เมื่อวานผมรู้สึกอึดอัดจริง ๆ มันเจอเหตุการณ์อะไรมา ผมว่าทุกคนก็คงเจอกันหมดแหละในชีวิต มันก็เจอทั้งคนที่ดีกับเรา คนที่ไม่ดีกับเรา ไม่ซื่อตรงกับเรามันคงเจอกันเรื่อย ๆ แต่ผมเพิ่งเจอมา แค่รู้สึกพอมานั่งคิด เออ ชีวิตนี้ก็เจออย่างนี้เยอะเหมือนกันนะ

          ความจริงแล้วอยากจะบอกว่าที่ผ่านมาที่เจอมันก็มีหลากหลายเรื่องราว มันเลยดึงเรื่องเก่า ๆ มาด้วย มันอึดอัดมาก ๆ เลยลงไป คือเวลาเจอปัญหาก็เคลียร์ไป มันก็มีทั้งที่เคลียร์ได้เคลียร์ไม่ได้ คาราคาซัง ส่วนเคสนี้ก็กำลังเคลียร์อยู่ คือมันทำให้เราคิดว่าหรือเราใจดีกับเขามากเกินไป เขาเลยคิดว่าจะทำอะไรกับเราก็ได้เหรอ ถามว่าต้องระมัดระวังยังไง คงเปลี่ยนอะไรยาก ผมก็เป็นของผมแบบนี้มานานแล้ว เวลาได้ติดต่อกับใคร หรือรู้จักกับใคร ผมค่อนข้างให้ใจ เราก็ทำดีกับเขาเต็มที่เหมือนที่เราเป็นนั่นแหละ ถ้ามันจะเกิดก็คงต้องให้มันเกิด แต่อะไรที่มันเกิดขึ้นก็คงเป็นบทเรียนให้เราในครั้งต่อไป เราก็ระวังตัวให้มากขึ้นแค่นั้นเอง อาจจะไว้ใจคนได้แต่ระวังมากขึ้นนิดหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นเราต้องทำตัวให้เข้าถึงยากแล้ว ต้องหวาดระแวงตลอดเวลา ต้องขึงขัง เราก็เป็นแบบที่เราเป็นนี่แหละ