จากกรณีที่ หญิงลี ศรีจุมพล ออกมาชี้แจงประเด็นนักร้องลูกทุ่งสาวโลก 2 ใบ ยอมรับว่ามีการพูดคุยกับหนุ่มอื่นแต่ยืนยันว่าไม่ได้คบซ้อน เพราะห่างกับแฟนก่อนแล้ว อีกทั้งยังโดนฝ่ายชายคุกคาม ขโมยของจนเสียหายไปกว่า 3 แสนบาท และเห็นหลักฐานเป็นแชตที่ฝ่ายชายคุยกับเพื่อนเรื่องให้กอบโกยจากตัวเองให้ได้มากที่สุดคาตา
(อ่านข่าว หญิงลี ศรีจุมพล น้ำตาคลอ แจงปมโลก 2 ใบ รับได้คุยแต่ไม่ได้คบซ้อน เจ็บปวดเจอคุกคาม)
ล่าสุด (13 ธันวาคม 2566) ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทางช่อง 3 ได้ออกมาเปิดเผยบทสัมภาษณ์ของ คุณเบนซ์ คู่กรณีของ หญิงลี ที่ออกมาโต้กลับฝ่ายนักร้องดังแบบหนังคนละม้วนว่า วันนี้ขอเปิดหน้า เนื่องจากว่าไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้ว สิ่งที่จะเล่ามันคือความจริง เนื่องจากก่อนหน้านี้มานักข่าวหลายสำนักติดต่อมา แต่ตนไม่เคยออกมาพูด ซึ่งเมื่อวานนี้ที่ฝ่ายหญิงออกมาพูด มีสิ่งที่พาดพิงตนเยอะพอสมควร ทำให้คนรอบข้าง คนที่รู้จักมองในด้านลบ
และจริง ๆ แล้วไม่ได้อยากออกสื่อ หรือออกมาแฉ เพราะหากจะทำคงทำไปตั้งนานแล้ว แต่ก็เลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลใด ๆ กับใครเลย แต่วันนี้ครอบครัวของตนเห็นว่าตนถูกหมายเรียกจากตำรวจ ทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนถึงขั้นนอนไม่หลับ ตนจึงอยากออกมาพูดในความถูกต้อง
คุณเบนซ์ เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับฝ่ายหญิงเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งตนทำอาชีพฟรีแลนซ์ รับถ่ายภาพในวันนั้น แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้เจอกันเลย จนเมื่อช่วงปีที่แล้วตนได้มาเป็นตากล้องเก็บภาพในงานคอนเสิร์ตและมีโอกาสได้เจอหญิง จึงไปสวัสดีเขา จากนั้นเขาก็ให้ผู้จัดการมาบอกกับตนว่าให้ไปรอหลังเวที ซึ่งหลังจากฝ่ายหญิงถ่ายภาพกับแฟนคลับเสร็จ เขาเดินมากอดตน กอดอยู่สักพักใหญ่ จนผู้จัดการมาสะกิดบอกว่า ดูไม่ดีแล้ว เขาจึงบอกให้ทางผู้จัดการมาขอเบอร์ ขอไลน์ ตนไว้ ซึ่งตอนนั้นตนไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่า เผื่อมีงาน มีคอนเน็กชั่น จึงให้เบอร์และไลน์ไป
วันรุ่งขึ้นฝ่ายหญิงมีการทักแชตไลน์ มาสอบถามว่าตนทำงานอะไร ตนก็เล่าให้ฟัง จากนั้นเขาถามตนว่า เงินพอใช้ไหม ตนก็บอกไปว่าพอที่จะประคองตัวเองได้ จากนั้นเขาโอนเงินให้ 5,000 บาท หลังจากวันนั้นเขาติดต่อให้ตนไปหา เพื่อที่จะไปคุยงาน เนื่องจากเขาต้องขึ้นคอนเสิร์ต พอตนไปถึง รองานจบ เขาชวนไปกินข้าว ตนก็รู้สึกเอะใจ ว่าทำไมถึงชวนไปกินข้าว แต่ตนก็ไป จากนั้นก็พูดคุยกันมากขึ้น ต่างคนก็ต่างมีใจให้กัน และฝ่ายหญิงบอกว่าตามหาคนแบบตนมานานแล้ว การที่เราได้มาเจอกันถือว่าเป็นพรหมลิขิต
หลังจากนั้นเพียง 2-3 วัน ฝ่ายหญิงได้ชักชวนตนไปอาศัยอยู่ที่บ้านด้วยในฐานะคนรัก แต่ช่วยเหลือในการทำงาน โดยให้ตนดูแลเรื่องขับรถ ดูแลเรื่องของที่พัก รวมถึงการเดินทางไปงานคอนเสิร์ต ซึ่งฝ่ายหญิงให้เงินตนเดือนละ 20,000 บาท ซึ่งคนในบ้านรวมถึงทีมงานรับรู้ความสัมพันธ์ของตนและฝ่ายหญิงทั้งหมด
ตอนนั้นตนรู้อยู่แล้วว่าฝ่ายหญิงเคยมีคนคุยมาก่อน ซึ่งตนก็ได้สอบถามกับฝ่ายหญิงว่า แล้วผู้ชายคนอื่นที่เคยคบหากันคืออะไร แต่ฝ่ายหญิงบอกว่า จบแล้ว เคลียร์ไปแล้ว ตนจึงมั่นใจที่จะเข้าไปอยู่ในบ้านโดยไม่ต้องปิดบังอะไร
แต่หลังจากคบหากันสักพัก มีอยู่วันหนึ่งฝ่ายหญิงเดินทางไปที่รีสอร์ตบ่อยมาก ตนจึงเกิดความสงสัยว่า ไปทำอะไร ฝ่ายหญิงบอกว่าไปเคลียร์ปัญหากับคนเก่า สาเหตุที่ไปเพราะเรื่องทำงาน ซึ่งตอนนั้นตนก็หึงหวง แต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากไม่มีหลักฐาน จากนั้นก็มีปากเสียงกัน ทะเลาะกันมาตลอด
หลังจากนั้นฝ่ายหญิงได้บินกลับมาที่กรุงเทพฯ ตนก็ไปรอรับเขา แต่ฝ่ายหญิงบอกว่าวันนี้เราไม่เข้าบ้านดีกว่าไหม ไปนอนที่บ้านของคนสนิทของเขา ซึ่งตนกับเขาก็ไปนอนบ้านคนสนิทได้ 1 คืน พอตื่นเช้ามา ฝ่ายหญิงทำท่าทีกังวลใจ ตนจึงถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร พอวันรุ่งขึ้นเขามีการคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนานถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งตนก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนอะไร สักพักเขาเดินออกมาหน้าตาตื่น เขาบอกว่า "ผู้ชายคนหนึ่งจะเข้ามานะ ค่อย ๆ คุยกันนะใจเย็น ๆ" ซึ่งตนก็บอกไปว่า "ผมไม่ได้อยากมีปัญหา คุณบอกว่าคุณเคลียร์ไปแล้ว คุณก็ต้องเป็นคนคุยเอง"
ยืนยันว่าที่ทำไปเนื่องจากต้องป้องกันตัวเอง เพราะฝ่ายหญิงเรียกคนมาหลายคน กลัวจะไม่ปลอดภัย ขณะเดียวกันเขาก็ให้คนในบ้านสองคนมาทำร้ายตน โดยทุบเข้าที่ท้ายทอยตน จากนั้นได้แย่งโทรศัพท์มือถือไป หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงก็ไปแจ้งความตนในข้อหาบุกรุก
คุณเบนซ์ ยังได้เผยถึงเรื่องกล้องที่หายว่า ฝ่ายหญิงเคยบอกกับตนว่า กล้องวิดีโอ ที่ไม่ได้ใช้งาน สามารถนำไปปล่อยเช่าหารายได้เสริมได้ ซึ่งบางทีตนก็นำกล้องไปปล่อยเช่า แต่สาเหตุที่กล้องหายไปนั้น ตนไม่ทราบ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเอาไป ซึ่งก่อนหน้านั้น ตนเคยบอกกับฝ่ายหญิงแล้วว่า กล้องหายให้ไปแจ้งความ แต่ฝ่ายหญิงกลับเฉย ซึ่งหากฝ่ายหญิง คิดว่าตนเป็นคนเอาไป หากมีหลักฐานให้เอาออกมายืนยันได้เลย
จากนั้นฝ่ายชายมาถึงที่บ้าน ตนก็อยู่ในบ้าน มีปากเสียงกันปะทะอารมณ์กันไป-มา จากนั้นฝ่ายชายได้พูดขึ้นมาว่า "มึงจะหยุดไหม ถ้าไม่หยุด เดียวกูจะหยุดมึงเอง" พร้อมชักปืนขึ้นมาจ่อที่หัวของตน จากนั้นเจ้าของบ้านโทรศัพท์หาตำรวจ พอเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา ฝ่ายชายได้นำปืนขึ้นไปแอบข้างบนบ้าน พอตำรวจตรวจค้นก็พบปืนพร้อมกระสุนเต็มแม็ก ซึ่งสาเหตุที่ตนไม่ดำเนินคดีเนื่องจากฝ่ายหญิงได้ขอร้องไว้ หลังจากวันนั้นตนก็จับได้ว่าฝ่ายหญิงคุยกับฝ่ายชาย (คนเก่า) ทำนองว่า "ให้ฝ่ายชายรอ กำลังเคลียร์กับผมอยู่" แต่สิ่งที่ฝ่ายหญิงคุยกับตน คือบอกว่าเคลียร์กับอีกฝ่ายไปแล้ว จึงทำให้ตนรับไม่ได้ และตกลงกันว่าตนจะออกจากบ้านไปวันที่ 19 เมษายน
แต่สุดท้ายตนอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้แล้วรู้สึกอึดอัด และเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจออกจากบ้านมาในวันที่ 16 เมษายน แต่ฝ่ายหญิงก็เข้ามาถามตนว่า ทำไมถึงรีบไป ทำไม่ถึงไม่อยู่เก็บเกี่ยวความสุขกันก่อน แต่ตนก็บอกว่าไม่แล้วรู้สึกอึดอัด หลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็บอกให้ตนเอาโทรศัพท์ของตนไปให้เขา ซึ่งตนก็ไม่ยอม ฝ่ายหญิงจึงเรียกคนในบ้านออกมา ตนเห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลฟ์ แต่ไม่ได้ต้องการแฉ เป็นการไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่ได้เป็นสาธารณะ
ส่วนเรื่องของแชต ตนยอมรับว่ามีการคุยแชตกับอดีตคนเคยคุยจริง และเมื่อนักร้องดังรู้ จึง โทร. ไปหาอดีตคนเคยคุยของตน และบอกให้เลิกยุ่งกับตน ซึ่งข้อความแชตอดีตคนเคยคุยของตนได้ตอบกลับมาด้วยความโมโหและประชดประชันตน หาว่าตนเป็นแมงดา กอบโกยอะไรฝ่ายหญิงได้ก็ให้กอบโกยมาให้หมด ถ้าอ่านทั้งประโยคมันคือการประชดประชันว่าไม่น่ากลับมาคบกับตนเลย