เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ริมฝีปากแห้ง เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากสาเหตุพื้นฐานอย่างอากาศแห้ง ผิวขาดน้ำ แพ้สารบางอย่าง หรืออาจเป็นอาการชี้บ่งถึงความเจ็บป่วย อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดตาม ก็ทำให้รู้สึกเจ็บจากอาการแห้งแตกได้อยู่ดี ถ้าเช่นนั้นจะรับมือกับอาการเช่นนี้ได้อย่างไร มาดูกันค่ะ
1. เลือกใช้ลิปบาล์มที่เหมาะสม
ลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียม, เชียร์ บัตเตอร์, กรดไฮยาลูโรนิก เอซิด และ ซิลิโคน จะช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นของริมฝีปากได้ดี นอกจากนี้ให้เลือกลิปปาล์มที่มีเนื้อเหนียว มากกว่าแบบที่มีเนื้อเป็นแว็กซ์มันเงา เพราะสามารถซึมซับลงบำรุงริมฝีปากได้ ไม่ใช่เพียงแค่เคลือบผิวด้านนอกเท่านั้น และหากคุณประสบปัญหาริมฝีปากแห้งแตกมากเป้นพิเศษ ให้ใช้ลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ซึ่งจะช่วยบำรุงฟื้นฟูโครงสร้างผิวได้ด้วย
2. เลือกใช้ลิปบาล์มที่ไม่เติมแต่งสารสังเคราะห์กลิ่นและสี
สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย จำเป็นมากที่จะต้องเลือกใช้ลิปบาล์มที่ไม่มีส่วนผสมของสารสังเคราะห์แต่งกลิ่นและสี เพราะสามารถทำผิวที่ริมฝีปากเกิดการระคายเคือง เกิดเม็ดผื่นที่รอบริมฝีปาก หรือริมฝีปากเห่อบวมได้
3. สังเกตอาการแพ้ของริมฝีปาก
ริมฝีปากอันบอบบาง อาจตอบสนองต่อส่วนผสมบางอย่างในผลิตภัณฑ์ที่เราอุปโภคได้โดยไม่ทันสังเกต ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก หรือแม้กระทั่งโฟมล้างหน้า ซึ่งเป็นตัวนำมาสู่ปัญหาริมฝีปากแห้งแตกโดยไม่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ หากพบว่าริมฝีปากมีอาการตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์ใดอย่างผิดปกติ ควรหยุดใช้ทันที
4. หากริมฝีปากแห้งแตกมากผิดปกติ ควรไปพบแพทย์
ในบางรายมีอาการริมฝีปากแห้งแตกมากผิดปกติ ในกรณีเช่นนี้ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัด และทำการรักษา โดยอาการริมฝีปากแห้งแตกมาก โดยเฉพาะที่บริเวณมุมปากทั้งสองข้าง อาจเป็นอาการของโรคริมฝีปากอักเสบ(Perleche) ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับยาต้านเชื้อราเพื่อรักษาอาการ
ฟังดูแล้วอาการริมฝีปากแห้งแตกไม่ใช่เรื่องที่นิ่งนอนใจได้เลยนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูแลริมฝีปากของคุณให้สุขภาพดีอยู่เสมอด้วยค่ะ