x close

Top 5 ปัญหาเรื่องเดินของหนู



Top 5 ปัญหาเรื่องเดินของหนู (ดวงใจพ่อแม่)

โดย : อารากอน

          หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาตั้งไข่ ลูกน้อยก็เข้าสู่ช่วงเวลาของการก้าวเดินแล้วล่ะ แต่พัฒนาการระหว่างการก้าวเดินแต่ละก้าวนั้น คุณแม่มักจะพบปัญหาหรือข้อกังวลใจมากมาย เราจึงรวบรวมข้อมูลที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.พ.ปริยุทธิ์ เจียรพัฒนาคม รพ.เลิศสิน มาเสนอกันค่ะ

          1. พัฒนาการด้านการเดินของหนู

          ลูกขวบกว่าแล้วทำไมยังไม่เดินค่ะ ?

          ลูกเดินแล้วล้มทุกที เป็นอันตรายกับขาลูกหรือไม่ ?

          หลังจากผ่านเดือนที่ 12-13 ลูกหัดยืนหัดเดินได้คล่องแล้ว แต่ก็จะมีล้มยงโย่ยงหยกบ้าง คุณแม่ไม่ต้องกังวลมากค่ะ เพราะบางครั้งการล้ม (ที่ไม่แรงเกินไป) ทำให้เจ้าหนูรู้สึกสนุกด้วยซ้ำ พอเริ่มเข้าเดือนที่ 15 ลูกจะเดินได้คล่องแคล่ว เล่นเอาคุณพ่อคุณแม่ตามไม่ทันก็มี โดยเฉพาะการขึ้นลงบันได การปีนป่าย

          อย่างไรก็ตาม พัฒนาการด้านการเดินของเด็กในวัยนี้จะเร็วหรือไม่ขึ้นกับเด็กแต่ละคนด้วยนะคะ ถ้าลูกเดินช้าอาจเป็นเพรากล้ามเนื้อของลูกยังทำงานไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่คุณแม่ต้องสังเกตด้วยว่าลูกมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ถ้ามีต้องไปพบแพทย์ค่ะ

          2. สารพันเทคนิคช่วยลูกหัดเดิน

          มีเทคนิคช่วยลูกหัดเดินบ้างไหมคะ ?

          สภาพแวดล้อมที่ช่วยให้ลูกเดินได้ดีควรเป็นอย่างไร ?

          การฝึกให้ลูกเดินนั้น พ่อแม่ควรคอยช่วยเหลือ ชักจูง และเป็นแบบอย่างให้ลูก โดยเฉพาะช่วงกำลังหัดยืนหัดเดินอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ข้อดีคือนอกจากจะป้องกันอันตรายให้ลูกแล้ว ยังเป็นการช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกอีกด้วย

          คุณหมอบอกว่าแรงจูงใจที่จะสร้างให้ลูกนั้น อาจเป็นของเล่นที่ลูกชอบวางล่อไว้ใกล้ๆ และพ่อแม่คอยล่อให้ลูกพยายามเคลื่อนไหวเข้าไปหา อย่างไรก็ดี คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรรีบร้อน เร่งรัดให้ลูกเดินเร็วกว่าความสามารถของเขา ปล่อยไปตามธรรมชาติของพัฒนาการของลูกจะดีกว่า

          การจัดสถานที่ให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งจำเป็นค่ะ พื้นไม่ควรแข็งเกินไป เช่น เป็นพื้นปูนหรือหิน ควรมีที่ให้ลูกเกาะยืนเดินได้และมีบริเวณกว้างขวางพอที่จะค่อยๆ หัดก้าวเดิน ที่สำคัญคือไม่มีของวางขวางเกะกะ ถ้ามีขอบโต๊ะหรือมุมก็ควรจะมีฟองน้ำหรือผ้านุ่มๆ บุกันไว้ เพื่อป้องกันอันตราย

          3. ว้าย...ลูกเดินขาถ่าง

          ลูกเดินขาถ่างค่ะ เป็นเพราะใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปหรือเปล่า ?

          จับลูกยืนบ่อยๆ จะทำให้ขาโก่งหรือเปล่า ?

          อาการเดินขาโก่งหรือขาถ่างของเด็ก ส่วนใหญ่จะเกิดจากความผิดปกติของกระดูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยเด็กอาจเป็นโรคกระดูกอ่อนเพราะได้รับสารอาหารแคลเซียม หรือวิตามินดีไม่เพียงพอ หรือกระดูกโค้งงอตั้งแต่กำเนิด แต่หลังจากเด็กหัดเดินแล้วก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง

          ส่วนการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแล้วเดินขากางจะสามารถแก้ไขได้ค่ะ คือเวลาลูกเดินให้ลองถอดผ้าอ้อมออก แค่นี้ก็ช่วยได้แล้วค่ะ แต่อาการขาโก่งนี้ไม่เกิดอันตรายใดๆ กับเด็กเลย คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้ค่ะ

          4. รองเท้าคู่แรก

          รองเท้าคู่แรกของลูกควรเป็นอย่างไรค่ะ ?

          ใส่รองเท้าแตะให้ลูกวัยนี้ได้หรือไม่ ?

          เมื่อลูกเดินได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องเลือกรองเท้าคู่แรกให้ลูกแล้วล่ะค่ะ รองเท้าที่เหมาะกับเด็กควรมีคุณสมบัติต่อไปนี้

          พื้นเรียบ ทำด้วยวัสดุนุ่ม เบา ยืดหยุ่นได้ดี มีรูระบายอากาศไม่หลวมหรือคับจนเกินไป คือควรยาวกว่าเท้าลูกประมาณครึ่งนิ้ว

          ควรเลือกรองเท้าที่มีขอบหุ้มถึงข้อเท้า จะช่วยให้รูปทรงของรองเท้าคงรูป ไม่แบะออก และยังไม่ควรให้ลูกใส่รองเท้าที่มีเชือกผูก เพราะอาจทำให้ลูกสะดุดล้มได้

          ควรสังเกตเท้าของลูกบ่อยๆ และเลือกรองเท้าขนาดที่เหมาะสมให้ลูก

          5. อันตราย!!…รถหัดเดิน

          รถหัดเดินมีประโยชน์จริงเหรอ ?

          เลือกซื้อรถหัดเดินให้ลูกอย่างไรดี ?

          มีบางครอบครัวเลือกใช้รถหัดเดินกับลูก เพราะเข้าใจว่าการใช้รถชนิดนี้จะช่วยให้ลูกฝึกหัดยืนเดินได้เร็ว แต่ความเป็นจริงนั้นทางการแพทย์ไม่แนะนำให้ใช้ค่ะ เพราะท่ายืนและเดินของเด็กในรถหัดเดินจะไม่ใช่ท่าตามปกติ เด็กบางคนขาลอยเหนือพื้น ขาเด็กไม่ได้สัมผัสพื้นจริงเพียงแต่กวาดๆ เท้าไปมาเท่านั้น บางครั้งยังอาจเกิดอันตรายจากการเคลื่อนไหวรถหัดเดินอย่างรวดเร็ว แล้วอาจจะตกจากที่สูงหรือชนสิ่งของตกล้มได้ด้วยค่ะ

          มีข้อมูลแบ๊กอัพขนาดนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่คงมีวิธีส่งเสริมและช่วยเหลือให้เจ้าตัวเล็กหัดเดินอย่างสนุกสนาน และปลอดภัย แต่อ๊ะ...อ๊ะ...ที่สำคัญถ้าลูกยังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งเร่งรัดเชียวค่ะ ใจเย็นๆ รอหนูพร้อมอีกนิด แล้วทุกอย่างจะไปได้สวยแน่นอน

โดย : อารากอน          หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาตั้งไข่ ลูกน้อยก็เข้าสู่ช่วงเวลาของการก้าวเดินแล้วล่ะ แต่พัฒนาการระหว่างการก้าวเดินแต่ละก้าวนั้น คุณแม่มักจะพบปัญหาหรือข้อกังวลใจมากมาย เราจึงรวบรวมข้อมูลที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ น.พ.ปริยุทธิ์ เจียรพัฒนาคม รพ.เลิศสิน มาเสนอกันค่ะ                                         หลังจากผ่านเดือนที่ 12-13 ลูกหัดยืนหัดเดินได้คล่องแล้ว แต่ก็จะมีล้มยงโย่ยงหยกบ้าง คุณแม่ไม่ต้องกังวลมากค่ะ เพราะบางครั้งการล้ม (ที่ไม่แรงเกินไป) ทำให้เจ้าหนูรู้สึกสนุกด้วยซ้ำ พอเริ่มเข้าเดือนที่ 15 ลูกจะเดินได้คล่องแคล่ว เล่นเอาคุณพ่อคุณแม่ตามไม่ทันก็มี โดยเฉพาะการขึ้นลงบันได การปีนป่าย           อย่างไรก็ตาม พัฒนาการด้านการเดินของเด็กในวัยนี้จะเร็วหรือไม่ขึ้นกับเด็กแต่ละคนด้วยนะคะ ถ้าลูกเดินช้าอาจเป็นเพรากล้ามเนื้อของลูกยังทำงานไม่เต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร แต่คุณแม่ต้องสังเกตด้วยว่าลูกมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ถ้ามีต้องไปพบแพทย์ค่ะ                                         การฝึกให้ลูกเดินนั้น พ่อแม่ควรคอยช่วยเหลือ ชักจูง และเป็นแบบอย่างให้ลูก โดยเฉพาะช่วงกำลังหัดยืนหัดเดินอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ข้อดีคือนอกจากจะป้องกันอันตรายให้ลูกแล้ว ยังเป็นการช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกอีกด้วย          คุณหมอบอกว่าแรงจูงใจที่จะสร้างให้ลูกนั้น อาจเป็นของเล่นที่ลูกชอบวางล่อไว้ใกล้ๆ และพ่อแม่คอยล่อให้ลูกพยายามเคลื่อนไหวเข้าไปหา อย่างไรก็ดี คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรรีบร้อน เร่งรัดให้ลูกเดินเร็วกว่าความสามารถของเขา ปล่อยไปตามธรรมชาติของพัฒนาการของลูกจะดีกว่า           การจัดสถานที่ให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งจำเป็นค่ะ พื้นไม่ควรแข็งเกินไป เช่น เป็นพื้นปูนหรือหิน ควรมีที่ให้ลูกเกาะยืนเดินได้และมีบริเวณกว้างขวางพอที่จะค่อยๆ หัดก้าวเดิน ที่สำคัญคือไม่มีของวางขวางเกะกะ ถ้ามีขอบโต๊ะหรือมุมก็ควรจะมีฟองน้ำหรือผ้านุ่มๆ บุกันไว้ เพื่อป้องกันอันตราย                     อาการเดินขาโก่งหรือขาถ่างของเด็ก ส่วนใหญ่จะเกิดจากความผิดปกติของกระดูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยเด็กอาจเป็นโรคกระดูกอ่อนเพราะได้รับสารอาหารแคลเซียม หรือวิตามินดีไม่เพียงพอ หรือกระดูกโค้งงอตั้งแต่กำเนิด แต่หลังจากเด็กหัดเดินแล้วก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง           ส่วนการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแล้วเดินขากางจะสามารถแก้ไขได้ค่ะ คือเวลาลูกเดินให้ลองถอดผ้าอ้อมออก แค่นี้ก็ช่วยได้แล้วค่ะ แต่อาการขาโก่งนี้ไม่เกิดอันตรายใดๆ กับเด็กเลย คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้ค่ะ                     เมื่อลูกเดินได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องเลือกรองเท้าคู่แรกให้ลูกแล้วล่ะค่ะ รองเท้าที่เหมาะกับเด็กควรมีคุณสมบัติต่อไปนี้           พื้นเรียบ ทำด้วยวัสดุนุ่ม เบา ยืดหยุ่นได้ดี มีรูระบายอากาศไม่หลวมหรือคับจนเกินไป คือควรยาวกว่าเท้าลูกประมาณครึ่งนิ้ว           ควรเลือกรองเท้าที่มีขอบหุ้มถึงข้อเท้า จะช่วยให้รูปทรงของรองเท้าคงรูป ไม่แบะออก และยังไม่ควรให้ลูกใส่รองเท้าที่มีเชือกผูก เพราะอาจทำให้ลูกสะดุดล้มได้           ควรสังเกตเท้าของลูกบ่อยๆ และเลือกรองเท้าขนาดที่เหมาะสมให้ลูก                             มีบางครอบครัวเลือกใช้รถหัดเดินกับลูก เพราะเข้าใจว่าการใช้รถชนิดนี้จะช่วยให้ลูกฝึกหัดยืนเดินได้เร็ว แต่ความเป็นจริงนั้นทางการแพทย์ไม่แนะนำให้ใช้ค่ะ เพราะท่ายืนและเดินของเด็กในรถหัดเดินจะไม่ใช่ท่าตามปกติ เด็กบางคนขาลอยเหนือพื้น ขาเด็กไม่ได้สัมผัสพื้นจริงเพียงแต่กวาดๆ เท้าไปมาเท่านั้น บางครั้งยังอาจเกิดอันตรายจากการเคลื่อนไหวรถหัดเดินอย่างรวดเร็ว แล้วอาจจะตกจากที่สูงหรือชนสิ่งของตกล้มได้ด้วยค่ะ           มีข้อมูลแบ๊กอัพขนาดนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่คงมีวิธีส่งเสริมและช่วยเหลือให้เจ้าตัวเล็กหัดเดินอย่างสนุกสนาน และปลอดภัย แต่อ๊ะ...อ๊ะ...ที่สำคัญถ้าลูกยังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งเร่งรัดเชียวค่ะ ใจเย็นๆ รอหนูพร้อมอีกนิด แล้วทุกอย่างจะไปได้สวยแน่นอน



เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย 
 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตรสารดวงใจพ่อแม่




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
Top 5 ปัญหาเรื่องเดินของหนู อัปเดตล่าสุด 9 กันยายน 2552 เวลา 17:13:53 2,397 อ่าน
TOP