
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ในแวดวงศัลยกรรมปัจจุบันนี้ มีนวัตกรรมเพื่อการแก้ปัญหาผิวหน้ามากมาย ทั้งการการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมริ้วรอยให้ตื้นขึ้น การยิงเลเซอร์เพื่อกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนใต้ชั้นผิวทำให้ผิวหน้าเนียนกระชับ การลอกผิวให้หน้าใส กำจัดจุดด่างดำ การกรอผิวให้ริ้วรอยและรอยแผลเป็นดูตื้นขึ้น หรือการฉีดโบท็อกซ์เพื่อยับยั้งการเกิดริ้วรอย แต่หากเป็นปัญหาเรื่องผิวขาดความกระชับ หย่อนยาน จนทำให้หนังตาตก หนังเป็นรอบพับเห็นริ้วรอยลึกชัดเจน หรือผิวหย่อนจนเกิดคางสองชั้น วิธีที่จะแก้ปัญหาได้ดีที่สุด ยังคงเป็นการ "ศัลยกรรมยกกระชับผิวหน้า" อยู่นั่นเอง
การศัลยกรรมยกกระชับผิวหน้า (facelift surgery) นี้ เป็นกระบวนการศัลยกรรมผิวเพื่อความสวยงามแบบแรก ๆ ที่มี แต่ก็ถูกกระบวนการที่ทันสมัยกว่าในปัจจุบันเข้าแทนที่ เพื่อแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ที่ตรงจุด และเจ็บตัวน้อยกว่า แต่การศัลยกรรมยกกระชับผิวหน้าก็ยังคงได้เปรียบกว่าในเรื่องของผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยลงตามอายุ เพราะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และเห็นผลที่ดี คือผิวหน้าดูตึงขึ้น ไม่คล้อยห้อยลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกเช่นเดิม ว่าแล้วเรามาทำความรู้จักการศัลยกรรมยกกระชับผิวหน้าให้มากกว่านี้กันดีกว่าค่ะ







เพื่อการเตรียมตัวที่ดีในการเข้ารับการผ่าตัด แพทย์จะแนะนำให้คุณงดอาหาร ยา และพฤติกรรมบางอย่าง ที่จะส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและการรักษาตัวของบาดแผล รวมทั้งสอบประวัติการใช้ยาของคุณด้วย



อย่างไรก็ตาม หากคุณรับประทานยาที่มีความเสี่ยงใด ๆ อยู่ อย่าเพิ่งหยุดยาเองโดยกระทันหัน แต่ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณก่อนเสมอ

การปรึกษากับแพทย์ศัลยกรรมเป็นสิ่งที่คุณต้องทำเป็นอันดับหนึ่ง ก่อนตัดสินใจว่าต้องการผ่าตัดดึงผิวหน้าจริงหรือไม่ เมื่อตัดสินใจแล้ว แพทย์จึงดูรูปหน้า ความยืดหยุ่นของผิว โครงหน้า และลักษณะปัญหาของคุณ เพื่อพิจารณารูปแบบการศัลยกรรมผ่าตัดเป็นลำดับถัดไป




กระบวนการผ่าตัดโดยทั่วไปนั้นใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละกรณี หลังจากนั้นผู้ป่วยมักต้องนอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อพักฟื้น ทั้งนี้หลังการผ่าตัด 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยอาจมีอาการสลึมสลือจากฤทธิ์ยาระงับประสาทหรือยาสลบ รวมทั้งแพทย์จะต่อสายยางเพื่อระบายเลือดที่คั่งบางส่วนออกจากบาดแผล ผู้ป่วยอาจมีอาการเปลือกตา หรือส่วนอื่น ๆ ของใบหน้าบวม แต่ก็จะค่อย ๆ ยุบลงได้ และผ้าพันแผลที่พันมาหลังผ่าตัด อาจถูกแทนที่ด้วยผ้ายืดเพื่อช่วยกระชับ และลดอาการบวม
หลังการผ่าตัด 2 วัน ผู้ป่วยสามารถสระผมได้ และหลังจากนั้นจำเป็นต้องงดเว้นกิจกรรมที่ออกแรงมาก จนกว่าอาการบวมของแผลจะหายไป ซึ่งอาจใช้เวลาราว 4-6 สัปดาห์ แผลคุณจะเริ่มหายและดูดีขึ้น สามารถออกไปทำกิจกรรมเบา ๆ กับคนใกล้ชิด อย่างกินข้าวกับเพื่อนหรือคนครอบครัวได้ภายใน 2-3 เดือน แต่อย่างไรก็ดี ยิ่งมีเวลารักษาบาดแผลนาน ใบหน้าก็จะดูเข้ารูปมากขึ้นตามไปด้วย

การศัลยกรรมยกกระชับผิวหน้า ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับกระบวนการผ่าตัดทั่วไป โดยความเสี่ยงที่อาจขึ้นได้มีดังนี้














การศัลยกรรมกระชับผิวหน้านับเป็นการแก้ปัญหาผิวหย่อนยานลงตามวัย แต่ก็ต้องไม่สับสนกับปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าซึ่งเป็นคนละกรณีกัน อย่างไรก็ตามในการการผ่าตัดยกกระชับผิวหน้า อาจมีกระบวนการอื่น ๆ เข้ามาเสริมอย่างการศัลยกรรมตกแต่งเปลือกตา การฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ได้ผลของใบหน้าที่มีผิวหน้ากระชับขึ้น และริ้วรอยดูเรียบตื้นขึ้นตามที่ต้องการ แต่ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการแบบไหนผู้ที่สนใจก็ต้องหาข้อมูลอย่างละเอียด และปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งนะคะ