เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
กระบวนการศัลยกรรมที่เรียกว่า การปลูกถ่ายไขมัน (Fat Transfer, Liposculpture หรือ Lipofilling) คือกระบวนการนำไขมันจากส่วนหนึ่งของร่างกาย ไปถ่ายให้กับบริเวณที่มีปัญหาเหี่ยวย่น ปัญหาเกี่ยวกับความเต็มหรือความฟูของผิว เช่น ปัญหาแก้มตอบ รอยแผลเป็นที่ยุบเป็นหลุม ใต้ตาโหลลึก ต้องการเพิ่มความเต่งตึงให้บั้นท้าย ขาอ่อน มือ หน้าอก หรือต้องการทำให้ผิวหนังที่ซูบตอบเห็นกระดูกปูดโปนชัดเจนดูมนและอ่อนนุ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้หลายคนอาจเกิดความสับสนระหว่างการปลูกถ่ายไขมัน (Fat Transfer) กับการทำศัลยกรรมเพื่อเสริมขนาดให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย (Body Augmentation) ซึ่งการศัลยกรรมทั้งสองรูปแบบนี้มีความแตกต่างอยู่ที่วัสดุที่ใช้เสริมเข้าไป การศัลยกรรมเสริมขนาดคือการเสริมโดยใช้ซิลิโคน ในขณะที่กระบวนการศัลยกรรมโดยการปลูกถ่ายไขมันนั้นเป็นการใช้เซลล์ไขมันจากร่างกายของผู้ป่วยเอง ฉะนั้นจึงไม่เกิดอาการแพ้และมีความอ่อนนุ่มเป็นธรรมชาติมากกว่าด้วย
ผู้ที่เหมาะสมกับการศัลยกรรมปลูกถ่ายไขมัน
เมื่ออายุเลยวัย 30 ขึ้นไป ผิวหนังบางส่วนจะเริ่มสูญเสียความกระชับเต่งตึง อย่างบริเวณใบหน้าหรือมือที่ดูซูบและตอบลงกว่าเก่า แต่ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ หากประสบปัญหาเกี่ยวกับการสูญเสียความเต่งตึงของผิวหนังตามที่กล่าวมาข้างต้น และประสงค์จะเข้ารับการทำศัลยกรรมปลูกถ่ายไขมัน จะต้องมีน้ำหนักที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ มีความแข็งแรงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ มองผลการศัลยกรรมที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองโดยอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง มีมวลไขมันในบริเวณที่จะเป็นแหล่งบริจาคเซลล์ไขมัน (donor site) มากเพียงพอ ซึ่งแพทย์มักเลือกใช้เซลล์ไขมันจากที่ต้นขาหรือบริเวณหน้าท้อง
ก่อนและหลังศัลยกรรมผู้ป่วยจะต้องงดสูบบุหรี่ เนื่องจากมีผลต่อการรักษาตัวของบาดแผล อาจทำให้ประสิทธิภาพของผลสำเร็จหลังการทำศัลยกรรมลดลง อย่างไรก็ดี อายุและกรรมพันธุุ์ของผู้ป่วยก็มีผลกระทบถึงผลจากการทำศัลยกรรมชนิดนี้ด้วย เช่น กรรมพันธุ์ของผู้ป่วยบางราย อาจทำให้เซลล์ไขมันที่ได้รับการปลูกถ่ายลงไปไม่เรียบเสมอกัน เป็นต้น ฉะนั้นจึงควรปรึกษาศัลยแพทย์ของคุณอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำ
กระบวนการศัลยกรรมปลูกถ่ายไขมัน
กระบวนการศัลยกรรมปลูกถ่ายไขมันจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงขึ้นไป ผู้ป่วยจะได้รับยาฆ่าเชื้อและยาชาเพื่อให้ไร้ความรู้สึกแต่ยังคงไม่ง่วงหลับ หรืออาจได้รับการวางยาสลบในกรณีที่มีการทำศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยขั้นตอนในการทำศัลยกรรมปลูกถ่ายไขมันมีดังนี้
1. ยาฆ่าเชื้อและยาชาจะถูกฉีดยังบริเวณที่จะเป็นแหล่งเซลล์ไขมันตั้งต้น และบริเวณที่มีปัญหาซึ่งต้องการปลูกถ่ายไขมันลงไป
2. เซลล์ไขมันจะถูกถ่ายออกมาด้วยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งของ การดูดไขมัน
3. ไขมันที่ถูกดูดออกมานั้น จะถูกนำไปผ่านกระบวนการปั่นแยก จากนั้นนำเซลล์ไขมันที่ได้ฉีดเข้าสู่บริเวณที่ต้องการรับการรักษาโดยตรง
หลังการทำศัลยกรรมจะใช้เวลาราว 2-4 วัน เพื่อให้หลอดเลือดฝอยเข้าเกาะเซลล์ไขมัน และนำเลือดมาหล่อเลี้ยงตามปกติ แต่อย่างไรก็ดีในระหว่างช่วงเวลานั้น เซลล์ไขมันที่ได้รับการปลูกถ่ายไปประมาณ 60% อาจตายลงไป ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติของการปลูกถ่ายไขมัน ในกระบวนการศัลยกรรม แพทย์จึงฉีดเซลล์ไขมันเข้าไปยังบริเวณปลูกถ่ายในปริมาณมากเพื่อเผื่อในส่วนที่ปลูกไม่ติดด้วย ทั้งนี้ผู้ป่วยมักต้องเข้ารับการฉีดเติมไขมัน เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุด
การพักฟื้นหลังการศัลยกรรมปลูกถ่ายไขมัน
หลังขั้นตอนการศัลยกรรม ผิวบริเวณที่ผ่านการปลูกถ่ายไขมันทั้งสองแห่ง (บริเวณถ่ายและบริเวณรับ) จะมีอาการแดงอยู่ราว 2 วัน และผ้าพันแผลจะยังคงอยู่จนถึงวันที่ 3 แพทย์จึงจะอนุญาตให้เอาออกและให้คุณอาบน้ำได้ อาการฟกช้ำจะค่อย ๆ จางลงใน 4-5 วัน ส่วนอาการบวมจะยังคงปรากฏอยู่อีกราว 2-3 สัปดาห์ แพทย์อาจสั่งยาแก้ปวดให้คุณกินเพื่อบรรเทาอาการปวดและไม่สบายผิว ในช่วงเวลาพักฟื้นอยู่บ้านราว 3 สัปดาห์ คุณจำเป็นต้องมีผู้ดูแลในการทำกิจวัตรประจำวัน และงดกิจกรรมหนัก ๆ ทุกประเภท
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในการศัลยกรรมปลูกถ่ายไขมัน
เช่นเดียวกับการศัลยกรรมทั่ว ๆ ไป การศัลยกรรมปลูกถ่ายไขมันก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้
อาการฟกช้ำ
บวม
รอยแดง
ไขมันกระจุกตัวเป็นก้อนใต้ผิวหนัง
ผิวหนังขรุขระไม่สม่ำเสมอ
อักเสบ
ตุ่มฝี
เลือดออกมากกว่าปกติ
รอยแผลเป็น
เกิดความไม่สมดุลของสัดส่วน หากมีการปลูกถ่ายไขมันมากกว่า 2 บริเวณขึ้นไป
การศัลยกรรมปลูกถ่ายไขมันนับเป็นกระบวนการเพื่อแก้ไขฟื้นฟูผิวที่หย่อนยานและขาดความเต่งตึงได้เป็นอย่างดี และปราศจากอาการแพ้เนื่องจากร่างกายต่อต้านสิ่งที่ใส่เสริมลงไป เพราะเป็นเซลล์ไขมันจากร่างกายของผู้ป่วย สามารถทำได้กับบริเวณต่าง ๆ ทั่วร่างกายไม่เฉพาะเจาะจงเพียงที่หน้าเท่านั้น แต่ตัวผู้จะเข้ารับการศัลยกรรมเองก็ต้องศึกษาข้อมูลจากหลายแหล่งหรือจากผู้มีประสบการณ์ และเลือกทำกับศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์และไว้วางใจได้เท่านั้นด้วยนะคะ