บายศรีสู่ขวัญ…ผูกพันสองเรา


บายศรีสู่ขวัญ…ผูกพันสองเรา (i DO)


          “พิธีบายศรีสู่ขวัญ” ประเพณีที่นิยมปฏิบัติกันในพิธีการงานมงคลทางท้องถิ่นภาคเหนือ และภาคอีสานของไทย ถือกันว่าเป็นสิริมงคลอันดีสำหรับคู่บ่าวสาวที่จะทำพิธีสู่ขวัญ


          “พิธีสู่ขวัญ” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “พิธีบายศรีสู่ขวัญ” เป็นพิธีเก่าแก่ของชาวไทยแทบทุกภาค การทำพิธีอาจจะผิดแผกแตกต่างกันไปบ้าง แต่หลักใหญ่ๆ ยังคงเหมือนกัน

          พิธีสู่ขวัญนี้จะทำกันได้ในทุกโอกาส ทั้งในมูลเหตุแห่งความดีและไม่ดี พิธีสู่ขวัญจึงเป็นได้ทั้งการแสดงความชื่นชมยินดี และเป็นการปลอบใจให้เจ้าของขวัญ ตามความเชื่อที่ว่าคนเราเมื่อเกิดมาในโลกจะมี “ขวัญ” ประจำกายคอยช่วยพิทักษ์รักษาเจ้าของขวัญให้มีความสวัสดี ดังนั้น พิธีสู่ขวัญจึงถือเป็นประเพณีสำคัญที่จะทำพิธีเรียกขวัญให้มาสถิตอยู่กับตัว


          การทำ “พิธีบายศรีสู่ขวัญ” นิยมกันมากทางภาคเหนือและภาคอีสาน โดยจะทำพิธีในช่วงสำคัญของชีวิต อาทิเช่น การทำขวัญเดือนสำหรับเด็กทารก การทำขวัญนาค การทำขวัญเมื่อหายป่วย รวมทั้งพิธีสู่ขวัญคู่บ่าวสาวในวันแต่งงาน ซึ่งนับว่าเป็นช่วงสำคัญที่สุดอีกช่วงหนึ่งของชีวิต

          เมื่อมี “พิธีบายศรีสู่ขวัญ” แล้ว ก็จะไม่มีพิธี “หลั่งน้ำพระพุทธมนต์และประสาทพร” อย่างประเพณีที่ชาวภาคกลางมักถือปฏิบัติ


          พิธีบายศรีสู่ขวัญนี้จะกระทำหลังจากเสร็จพิธีรับสินสอดทองหมั้นก็ได้ หรือจะรวมอยู่ในพิธีไหว้ผีบรรพบุรุษก็ได้ ขั้นตอนการทำขวัญจะแตกต่างกันออกไปตามความเชื่อดั้งเดิมในแต่ละท้องถิ่น โดยผู้ทำพิธีต้องเป็นนักปราชญ์ผู้ฉลาดหรือผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือการทำพิธีจึงจะเกิดสิริมงคล





          ประวัติความเป็นมาของพิธีบายศรีนั้นไม่มีหลักฐานแน่นอน แต่มีข้อสันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเชื่อว่าบายศรีนี้น่าจะได้คติมาจากพราหมณ์ซึ่งเข้ามาทางเขมร เพราะคำว่า “บาย” เป็นภาษาเขมรแปลว่า ข้าวสุก ส่วนคำว่า “ศรี” มาจากภาษาสันสกฤต ตรงกับภาษาบาลีว่า “สิริ” แปลว่า มิ่งขวัญ


          นอกจากนี้ ในส่วนของเครื่องบายศรีที่ใช้ใบตองเป็นหลักนั้น ตรงตามคติของพราหมณ์ที่ว่าใบตองเป็นของบริสุทธิ์สะอาด เมื่อนำมาใส่อาหารจะไม่มีมลทินของอาหารเก่าแปดเปื้อนเหมือนการใช้ถ้วยชาม จึงนำใบตองมาทำเป็นกระทงสำหรับใส่อาหารในพิธีการต่างๆ

          รวมทั้งพิธีบายศรี คำว่าบายศรีตามพจนานุกรมจึงแปลว่า ภาชนะที่จัดตกแต่งให้สวยงามเป็นพิเศษด้วยใบตอง และดอกไม้สด เพื่อเป็นสำรับใส่อาหารคาวหวานในพิธีสังเวยบูชาและพิธีทำขวัญต่างๆ





          ในการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญจะมีเครื่องใช้สำคัญอยู่ 2 อย่าง คือเครื่องบูชาพาขวัญหรือเครื่องบายศรีตามประเพณี และด้ายดิบนำมาจับเป็นวงยาวพอที่จะผูกรอบแขนหรือรอบข้อมือได้

          ในการจัดเครื่องบายศรีนี้ ถือว่าเป็นของสูงเพราะเป็นเครื่องสังเวยเทพยดา ดังนั้ นจะต้องจัดด้วยพานแล้วนำใบตองมาเย็บเป็นบายศรี การจัดพานบายศรีงานแต่งยังต้องเริ่มจัดโดยคนบริสุทธิ์ คือเป็นคนดี มีผัวเดียวเมียเดียว โดยอาจมาเพียงมาจับๆ แตะๆ ตอนเริ่มจัดพานพอเป็นพิธีแล้วให้คนอื่นจัดต่อไปจนเสร็จ แต่ต้องจัดทั้งพานบายศรีของฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาว


          พานบายศรีจะถูกจัดและตกแต่งด้วยใบตองอย่างสวยงามเป็นชั้นๆ จะมีความสูงที่ 3 ชั้น หรือ 7 ชั้นก็ได้

          ชั้นล่าง ประกอบไปด้วยกรวยข้าวซึ่งหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ดอกไม้ ข้าวต้ม ไข่ต้ม ขนม กล้วย อ้อย มีดด้ามแก้ว และเงินบริสุทธิ์ที่ทำเป็นแห่งหรือก้อนที่เรียกว่าเงินฮาง


          ส่วนชั้นที่ 2 ขึ้นไปจะตกแต่งด้วยดอกไม้ใบตอง อย่างดอกฝาง ดอกดาวเรือง ดอกรัก ใบเงิน ใบคำ ใบคูน ใบยอป่า ดอกไม้เหล่านี้มีความหมายเป็นมงคล อย่างดอกรักซึ่งหมายถึงความรักที่มั่นคง ดอกดาวเรืองซึ่งหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองและไปชัยพฤกษ์ หรือใบคูนซึ่งหมายถึง การมีอายุยืนยาว


          ที่พานบายศรีชั้นบนสุดจะมีใบศรี ด้ายผูกข้อมือ และเทียนสำหรับเวียนศีรษะ

          นอกจากพานบายศรีแล้ว ในพิธียังต้องเตรียมเครื่องบูชาและสิ่งประกอบอื่น ได้แก่ ขันบูชาและพานขนาดกลางสำหรับวางผ้า 1 ผืน แพร 1 วา หวี กระจกเงา น้ำอบน้ำหอม สร้อย แหวน และยังต้องมีอาหารคาวหวาน แก้วน้ำเย็น แก้วน้ำส้มป่อย และแก้วเหล้า สำหรับหมอขวัญดื่มหรือจุ่มด้วยดอกไม้สำหรับประพรมพานบายศรีด้วย





          พานบายศรีที่จัดแต่งเสร็จแล้วจะถูกนำมาวางไว้ในที่อันเหมาะสม เพื่อรอเวลาทำพิธี เมื่อได้เวลาสู่ขวัญแล้วจึงจะยกออกไปตั้งไว้บนผ้าของคู่บ่าวสาวที่อยู่ท่ามกลางญาติมิตร

          พิธีจะเริ่มจากเจ้าสาวจับพานบายศรีตรงหน้าเจ้าบ่าว ส่วนเจ้าบ่าวจะจับพานบายศรีตรงหน้าเจ้าสาว โดยจับไขว้ให้แขนอยู่ด้านบนซึ่งเรียกกันว่า “สู่ขวัญกลับก่าย” คือ แขนฝ่ายชายก่ายแขนฝ่ายหญิง หลังจากนั้นผู้ที่ทำขวัญหรือ “หมอขวัญ” จะนำไข่ต้มมาเป็นของเสี่ยงทาย โดยปอกไข่แล้วตัดไข่เป็นสองซีกตามแนวตั้ง จากนั้นจะทำนายโดยดูจากไข่แดง หากเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งแสดงว่ามีจิตใจโลเล แต่ถ้าไข่แดงอยู่ตรงกลางพอดีแสดงว่าทั้งคู่มีจิตใจรักมั่นคง


          จากนั้นจะขอให้ผู้หญิงที่เป็น “แม่ใหญ่” หมายถึง สตรีซึ่งมีคุณสมบัติดีงาม เป็นผู้ที่ได้รับการเคารพนับถือ อยู่ในศีลในธรรม สามียังมีชีวิตอยู่และมีสุขภาพแข็งแรง ยังรักใคร่กันดี มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์เป็นสุข ทำพิธีป้อนไข่ โดยเอาไข่ซีกบนกับปั้นข้าวเหนียวเล็กๆ ใส่ไว้ที่มือขาวเพื่อป้อนเจ้าบ่าว และเอาไข่ซีกล่างกับปั้นข้าวเหนียวขนาดเล็กๆ เท่ากัน ใส่ไว้ที่มือซ้ายเพื่อป้อนเจ้าสาว ขณะที่ป้อนจะเอามือขวาอยู่เหนือมือซ้าย ซึ่งในการป้อนไข่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวต้องกินและกลืนจริงๆ ห้ามคายออกมาเด็ดขาด


          หลังจากนั้นจะมีการผูกขวัญแก่คู่บ่าวสาว โดยให้บิดา มารดา ญาติ และแขกที่มารวมงานผูกข้อมือคู่บ่าวสาว จะผูกมือเดียวหรือทั้งสองมือก็ได้และอาจจะผู้เส้นเดียว หรือ 3 เส้น หรือ 5 เส้นก็ได้ การผูก 3 เส้น หมายถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนการผูก 5 เส้นหมายถึงพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ในพิธีผูกขวัญนี้พ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นคนผูกข้อมือให้เจ้าบ่าวและพ่อแม่ ฝ่ายเจ้าบ่าวจะเป็นคนผูกข้อมือให้เจ้าสาว การปฏิบัติเช่นนี้เรียกว่าการับขวัญเขยและรับขวัญสะใภ้


          การทำพิธีบายศรีสู่ขวัญในวันแต่งงานขึ้นอยู่กับความพอใจของคู่บ่าวสาวว่าจะทำหรือไม่ แต่ก็นับได้ว่าเป็นพิธีที่มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย สำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างเป็นสิริมงคลในอนาคตต่อไป



เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ฉบับเดือนกันยายน-ตุลาคม 2551

 

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
บายศรีสู่ขวัญ…ผูกพันสองเรา อัปเดตล่าสุด 7 ตุลาคม 2552 เวลา 19:02:32 6,107 อ่าน
TOP
x close