เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คุณผู้หญิงหลายคนคงจะเคยได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ว่า ผิวที่สุขภาพดีต้องมีค่า pH ที่เหมาะสม แต่เอ.. ค่า pH สำหรับผิวนี่มันคืออะไรกันนะ สำคัญอย่างไร ถ้าอยากมีผิวดีแล้วต้องมี pH เท่าไหร่ และทำยังไงบ้าง มาไขคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย
อะไรคือค่า pH ของผิวหน้า ?
ตอนเด็ก ๆ สมัยประถมปลายถ้ายังจำได้คงพอจะนึกออกอยู่ลาง ๆ ว่า อาจารย์เคยวัดค่าความเป็นกรดด่างของสารต่าง ๆ (ที่ให้ทำกระดาษลิตมัสใช้เองจากการเอาไปจุ่มน้ำคั้นจากดอกอัญชัญและดอกเฟื่องฟ้ายังไงล่ะคะ) โดยใช้หน่วยว่า pH .. เพราะฉะนั้น เจ้า pH ที่ว่าก็คือสภาพความเป็นกรด-ด่าง ของผิวหน้าเรานั่นเอง
แล้วค่า pH ที่เหมาะสมของผิวหน้าต้องเป็นอย่างไร ?
สภาพผิวที่ดีต้องมีค่า pH ที่เหมาะสม สำหรับผิวหน้าของเราจะมีชั้นที่เรียกว่า "เอซิด แมนเทิล" (acid mantle) หรือชั้นของความเป็นกรดอ่อน ๆ เคลือบผิวหน้าเอาไว้ ชั้นเอซิด แมนเทิล ที่ว่านี้ทำหน้าที่เป็นเกราะเคลือบผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้นไปง่าย ๆ พร้อมทั้งปกป้องจากแบคทีเรียและมลภาวะต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กันด้วย โดยจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมีสภาพความเป็นกรดที่ประมาณ pH 5.5 ค่ะ
ทำไมเราถึงต้องใส่ใจกับค่า pH บนใบหน้าล่ะ ?
เมื่อคุณมีสุขภาพผิวหน้าที่ดี คุณจะรู้สึกได้โดยสังเหตุจากเมื่อแต่งหน้าก็ติดผิวดี เมคอัพแล้วเนียนสวย เมื่อใช้ครีมบำรุงผิวก็ตอบสนองต่อสารบำรุงเป็นอย่างดี ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีให้ค่า pH ของผิวที่สมดุลเหมาะสม แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ค่า pH เริ่มแปรปรวน ผิวก็จะเริ่มออกอาการรวนเร ไม่ว่าจะเป็นสิวขึ้น เห่อแดง ผิวแห้ง หรือจู่ ๆ เกิดอาการผิวเกิดแพ้ง่ายขึ้นมา นอกจากนี้แพทย์ผิวหนังยังพบว่าผิวที่ถูกทิ้งให้อยู่ในสภาพเป็นด่างมากเกินไป มีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยได้ง่าย และถูกทำร้ายจากแสงแดดได้มากด้วย คราวนี้รู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าทำไมเราจึงควรใส่ใจค่า pH ของผิวหน้า
วิธีรักษาสภาพ pH ของผิวหน้าให้เหมาะสม
แม้ค่า pH ของผิวหน้าจะแปรปรวนรวนเรได้ง่าย แต่ก็มีหลายต่อหลายวิธีที่จะช่วยรักษาสมดุลของค่าความเป็นกรด-ด่างนี้ ให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสม ทั้งยังเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไรมากไปกว่าการกินให้ดี บำรุงผิวให้เหมะสม ดังเช่นวิธีที่เรานำมาฝากต่อไปนี้เลยค่ะ
โทนเนอร์น้ำมะนาว
มะนาวเป็นวัตถุดิบในการดูแลผิวที่หาได้ง่ายและราคาก็แสนสบายกระเป๋า การดื่มน้ำเปล่าผสมน้ำมะนาวช่วยกระตุ้นการขับถ่ายรักษาสมดุลของร่างกาย ส่วนการรักษาความสมดุลของค่า pH บนใบหน้า ก็เพียงแค่ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา + น้ำสะอาด 1/2 ถ้วย ผสมกันแล้วใช้แทนโทนเนอร์ในการเช็ดหน้า มันจะช่วยปรับสภาพผิวและค่า pH ให้เหมาะสม ทำให้ผิวสดชื่น และยังช่วยฆ่าแบคทีเรียบางชนิดบนผิวหน้าด้วย
ปรับสมดุลด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล (apple cider vinegar)
แม้จะมีกลิ่นแรงแสบจมูกไปหน่อย แต่น้ำส้มสายชูแอปเปิล หรือแอปเปิลไซเดอร์ วีนีการ์ ก็มีประโยชน์กับผิวมากมาย ผสมน้ำส้มสายชูแอปเปิล 1 ส่วนกับน้ำ 8 ส่วน ใส่กระบอกฉีด แล้วฉีดให้ทั่วผิวกายก่อนอาบน้ำ หลังอาบน้ำเสร็จชะล้างแล้วก็ใช้น้ำแอปเปิลไซเดอร์ที่ผสมไว้นี้แทนโทนเนอร์ในการเช็ดหน้าอีกครั้งด้วย
กินอาหารเพิ่มความเป็นด่างบ้าง
อ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งสงสัย ว่าทำไมเราถึงบอกให้กินอาหารเพิ่มความเป็นด่าง ทั้ง ๆ ที่สภาพ pH ที่สมดุลของผิวตกไปอยู่ที่เป็นกรดนิด ๆ เหตุผลก็คือ สภาพที่เหมาะสมของร่างกายควรมีเลือดเป็นด่างอ่อน ๆ คือประมาณ pH 7.3 แต่อาหารที่ในปัจจุบันนี้หลาย ๆ อย่างชักนำให้สมดุลร่างกายเปลี่ยนไปในทางเป็นกรด เช่น อาหารแปรรูปต่าง ๆ น้ำอัดลม ขนมหวานจัด หรืออาหารจังค์ฟู้ดทั้งหลายแหล่ จึงควรต้องกินอาหารที่เพิ่มความเป็นด่างเข้าไปเพื่อรักษาสมดุล อาทิเช่น ผักคะน้า พริกคาเยน กระเทียม แครอท และกะหล่ำ เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลของความเป็นด่าง ออกซิเจนก็จะละลายในเลือดได้ดีขึ้น ช่วยในการย่อยอาหารได้ดีขึ้น เป็นผลให้ผิวสดใสตามมานั่นเอง
ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแบบ soap-free
ไม่ต้องกลัวว่าถ้าล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสบู่ หรือ soap-free แล้วหน้าจะไม่สะอาด ที่จริงแล้วหน้าคุณจะยังสะอาดเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกตึง ๆ ผิวหลังล้างหน้าจะหายไป (หลาย ๆ คนรู้สึกคุ้นชินว่าอาการที่ว่านี้คือสัญลักษณ์ของผิวสะอาด .. ซึ่งไม่ถูกต้องนะจ๊ะ) อาการตึงผิวที่ว่าเกิดจากผิวหน้าถูกชะล้างมากเกินไป สมดุล pH ของผิวก็เสียไปด้วย จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบ soap-free ปราศจากสบู่ปราศจากสารชะล้างแทน เพราะฉะนั้นก่อนซื้อก็อย่าลืมอ่านฉลากให้ละเอียดด้วยนะ
ทีนี้ก็ได้รู้จักค่า pH ของใบหน้า ความสำคัญของมัน และการดูแลผิวให้มีสภาพความเป็นกรด-ด่าง ที่เหมาะสมกันไปแล้ว อย่าลืมลองนำไปช้กันดูนะคะ จะได้มีสุขภาพผิวหน้าที่แข็งแรง ผิวจะได้สวยเปล่งปลั่งสุขภาพดีกันถ้วนหน้าเลยไงล่ะ ;)