x close

เทคนิคจัดการปัญหา ถุงใต้ตา ให้หมดไป

ศัลยกรรมถุงใต้ตา



จัดการปัญหา "ถุงใต้ตา" ให้หมดไป (emaginfo)

          ผิวหนังบริเวณใต้ตานั้นบอบบางและหลวมอยู่แล้ว แน่นอนว่าทุกคนมักจะประสบกับปัญหาถุงใต้ตา อันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ซึ่งเราไม่สามารถยับยั้งให้มันเกิดขึ้นได้ แต่เราสามารถจัดการกับมันได้หากดูแลอย่างถูกวิธี

      "ถุงใต้ตา" คืออะไร

          ถุงใต้ตา มี 2 ลักษณะ คือ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม

          ถุงใต้ตาแท้ เกิดจากระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกายทำงานผิดปกติ ปกติแล้วคนเราจะมีก้อนไขมันสามก้อนอยู่ใต้ตา ก้อนไขมันเหล่านี้จะค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นไปตามอายุ แต่สำหรับบางคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาแท้ อาจจะสังเกตเห็นถุงใต้ตาได้ตั้งแต่อายุยี่สิบต้น ๆ

          ส่วนถุงใต้ตาเทียม เป็นอาการบวมนํ้าที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตาล่าง อาจมีสาเหตุมาจากระบบการไหลเวียนในร่างกายไม่ดี ทําให้มีของเหลวไปคั่งอยู่ที่ใต้ตามักมาจากพฤติกรรมอันไม่ปกติ เช่น อดนอน ทํางานหนัก (ดึก) ร้องไห้บ่อยครั้ง ชอบขยี้ตา ใช้สายตามากเกินไป หากพักผ่อนนอนหลับเพียงพอ หมั่นประคบเย็นที่ดวงตาเป็นประจํา อาการดังกล่าวก็จะค่อย ๆ หายไปได้เอง

      รู้สาเหตุของปัญหา "ถุงใต้ตา"

          การหลีกเลี่ยงความเสื่อมสภาพของผิวบริเวณรอบดวงตาก่อนวัยอันควรนั้น เราจำเป็นที่จะต้องรู้ถึงสาเหตุของปัญหานั้นก่อนอย่างแท้จริง เพื่อเตรียมตัวรับมือและทำการป้องกันต่อไป ดังนั้นเรามาเริ่มที่สาเหตุของการที่มีรอยดำ รอยคล้ำที่ใต้ตากันก่อน

          ในทางการแพทย์ต้องแยกให้ชัดว่าปัญหาถุงใต้ตาดังกล่าว เกิดจากไขมัน หรือกล้ามเนื้อ ซึ่งถุงไขมันจริง ๆ ก็คือ ถุงไขมันที่อยู่ในเบ้าตาคนเรา มีด้วยกัน 5 ถุง อยู่เหนือเปลือกตาบน 2 ถุง และใต้เปลือกตาล่าง 3 ถุง ถุงใต้ตาล่างที่เคลื่อนออกมาและมีปัญหาบ่อย ๆ จะมีอยู่ 2 ถุง คือ ถุงกลาง (Middle Fat) และบางส่วนของถุงไขมันด้านใน (Inner Fat)

          สาเหตุนั้นมีได้หลายอย่าง เช่น เกิดจากพันธุกรรม โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหอบหืด หรือโรคภูมิแพ้ กลุ่มนี้มักจะพบรอยดำที่ใต้ตา อาการตาแห้งตลอดจนการแพ้สารต่าง ๆ เช่น แพ้มาสคาร่า ซึ่งอาจจะมีการสะสมของมาสคาร่า ทำให้รู้สึกคัน พอคันแล้วก็จะถู จะขยี้ที่ตา จึงทำให้ไปกระตุ้นเกิดเป็นริ้วรอยและทิ้งรอยดำไว้ได้

          การอดนอนนั้น จะทำให้การไหลเวียนของโลหิตไม่ดี สารอาหารในเลือดลดลง เส้นเลือดตีบ รอยคล้ำที่ใต้ตาก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น ถ้าหากปล่อยให้เป็นเวลานาน ๆ เส้นเลือดก็จะเปราะและแตกได้ง่าย ทำให้เกิดสารตกค้างใต้ตา และทำให้ตาคล้ำได้

ศัลยกรรมถุงใต้ตา

      การแก้ปัญหา "ถุงใต้ตาล่าง"

          นอกจากเพื่อความสวยงามแล้ว ต้องคํานึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งการผ่าตัดทํา เพื่อแก้ปัญหาถุงไขมันใต้ตาร่องลึก และเก็บผิวหนังส่วนเกินออก ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง แลดูไม่เหนื่อยล้า เหมาะสําหรับผู้ที่มีถุงไขมันใต้ตามากผิดปกติ รวมทั้งผิวใต้ตาหย่อนคล้อย ทั้งนี้ ผลของการผ่าตัดไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยตีนกาที่เกิดขึ้นแล้วได้ (Crow Feet)

          สมัยก่อนการแก้ปัญหาด้วยการดึงไขมันใต้ตาออก ช่วยทําให้สภาพผิวดูดีขึ้นได้นั้น เนื่องมาจาก "ร่อง" ที่มีอยู่เดิม ถูกถุงไขมันมากองสะสม ทําให้ "ร่อง" จึงยังดูลึกขึ้น เมื่อนําถุงไขมันออก จึงดูเหมือน "ร่อง" ตื้นขึ้นนั่นเอง (คนไข้บางราย การเอาถุงไขมันออกอาจให้ผลดีขึ้นได้จริง)

          ปัจจุบันแนวโน้มการผ่าตัดถุงไขมันใต้ตาเปลี่ยนไป (Paradigm Shift) สมัยก่อนจะผ่าตัดเอาถุงไขมันออกเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อติดตามผลการรักษา พบว่าคนไข้เกิดปัญหา "ร่องตาลึก" ขึ้นจนมองเห็นได้ชัด เพราะการนําถุงไขมันใต้ตาออกไม่ว่าจากด้านนอก หรือออกจากด้านใน แล้วใช้พลังงานเลเซอร์รักษาควบคู่เพื่อให้ผิวกระชับขึ้นนั้น ได้ผลเพียงแค่ชั่วคราว "ร่องตา" ดังกล่าวก็ยังแก้ไม่หายเป็นที่มาของวิธีการรักษาแนวใหม่ ที่ใช้การผ่าตัดเก็บถุงไขมันใต้ตาไว้ มาถมลงใน "ร่อง" แทนการเอาออก ซึ่งในระยะแรก ๆ ของการรักษานี้ไม่เป็นที่ยอมรับกันนักในหมู่ศัลยแพทย์ กระทั่งเห็นผลที่สร้างความพึงพอใจให้กับคนไข้เป็นอย่างมาก

      วิธีลดถุงใต้ตา อย่างง่าย ๆ

          แม้ปัญหาถุงใต้ตาจะมีทางแก้ไข ทางที่ดีเราควรป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ โดยเริ่มจากการปฏิบัติตัวเองเสียใหม่ เช่น

          1. อย่าให้กล้ามเนื้อตาล้าเกินไป ด้วยการอย่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ให้พักสายตาทุก 15 นาที ด้วยการมองออกไปไกล ๆ จะทำให้ดวงตาไม่เกิดอาการล้า พร้อมปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้แสงพอเหมาะ อย่าขยี้ตา หากรู้สึกอ่อนล้าให้นวดคลึงเบา ๆ และควรบริหารดวงตาเพื่อคลายความตึงเครียด ด้วยการกลอกตาไปรอบ ๆ เป็นวงกลม สัก 5-6 รอบ ใช้นิ้วนางทั้ง 2 นิ้วแตะที่หัวตาแต่ละข้าง คลึงเบา ๆ แบบกดจุดนาน 1-2 วินาที

มันฝรั่ง

          2. หั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำพอกบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น เนื่องจากมันฝรั่งมีคาร์โบไฮเดรตที่พบได้ในข้าว ข้าวโพด หรือมันฝรั่ง ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของผิวบริเวณรอบดวงตาได้

          3. ใช้ถุงชาใช้แล้ว ชุบน้ำพอเปียก มาวางไว้ที่ตาก่อนนอนก็หายเช่นกัน

          4. น้ำสะอาดก็ช่วยได้นะ เพราะดวงตาต้องอาศัยน้ำเป็นส่วนประกอบ และช่วยในการทำงาน หากมีน้ำหล่อเลี้ยงไม่เพียงพออาการแสบแดง ก็จะตามมา ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยบำรุงดวงตา และสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้เป็นอย่างดี

          5. เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนเป็นสาร ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิว ช่วยในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้อย่างเห็นผล ยิ่งถ้าได้ผสานคุณค่าจาก โปร-วิตามินบี 5 ด้วยแล้ว จะช่วยให้ผิวรอบดวงตา คงความชุ่มชื้น สวยสดใสได้อย่างยาวนาน











ขอบคุณข้อมูลจาก Nirunda Clinic (Facebook.com/Nirunda)
ลิขสิทธิ์บทความของ emaginfo.com
ติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เทคนิคจัดการปัญหา ถุงใต้ตา ให้หมดไป อัปเดตล่าสุด 11 มกราคม 2559 เวลา 11:58:38 75,095 อ่าน
TOP