วิธีฟอกสีผมด้วยตัวเอง ทำอย่างไรไม่ให้ผมแห้งเสีย พร้อมเผยความแตกต่างของการล้างสีผม กัดสีผม และฟอกสี หาคำตอบได้ที่นี่เลย

ก่อนอื่นเลย หลายคนอาจจะยังสับสนกับคำว่า "ฟอกสี" และ "การกัดสี" อันที่จริงแล้ว 2 อย่างนี้คือวิธีการเดียวกัน นั่นคือ ทำให้ผมที่ดำเข้มดูอ่อนลง เมื่อย้อมสีใหม่จะได้สีติดสวยตามที่เราต้องการ ส่วนคำที่สับสนอีก 1 คำคือ การล้างสีผม ซึ่งวิธีนี้จะต่างจากการกัดหรือฟอก เพราะเป็นการล้างสีผมเดิมที่เคยทำมา พอย้อมสีผมเฉดใหม่จะได้ไม่เพี้ยนไปมากนั่นเอง
2. อุปกรณ์สำหรับฟอกสีผม
อุปกรณ์สำหรับฟอกสีผมก็หาซื้อได้ง่าย ๆ ตามร้ายขายอุปกรณ์เสริมสวยทั่วไป ส่วนค่าใช้จ่ายก็ขึ้นอยู่กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่เราชอบ ใครสะดวกราคาไหนก็หาซื้อกันตามนี้ได้เลย
1. ไฮโดรเยนเปอร์ออกไซด์ (โดยเลือกใช้ตั้งแต่ 6% , 9% และ12% ตามความต้องการ ยิ่งสูงมากยิ่งกัดสีได้ดี แต่เส้นผมก็แห้งเสียมากขึ้นด้วย)
2. ผงฟอกสีผม (ผงฟอกสีขาวสำหรับคนที่อยากย้อมผมเฉดสีอ่อนมาก ๆ เช่น สีพาสเทล ส่วนผงฟอกสีบลอนด์เหมาะกับสีที่เข้มขึ้นมาอีก)
4. แปรงหรือหวี กิ๊บ
5. ปิโตรเลียมเจลลี และผ้าคลุมกันเปื้อน

1. วิธีฟอกสีผมไม่ให้ด่าง สำหรับสาว ๆ ที่มีหนังศีรษะมันหรือใส่ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ควรเริ่มจากการสระผมให้สะอาดและเป่าจนแห้งสนิทก่อนฟอกสีผม เพราะน้ำมันบนเส้นผมจะส่งผลให้ฟอกสีไม่ติดจนเห็นเป็นสีด่าง ๆ
2. หวีหรือสางผมให้เรียบร้อย แล้วแบ่งผมออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ จากนั้นจึงใช้ปิโตรเลียมเจลลีทาบริเวณกรอบหน้า ใบหู ท้ายทอยให้ทั่ว เพื่อป้องกันไม่ให้ระคายเคืองผิวหนัง
4. ค่อย ๆ ใช้แปรงทาครีมที่ผสมไว้ลงบนเส้นผมบริเวณท้ายทอย ไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยเว้นโคนผมประมาณ 1/2 นิ้ว ทิ้งไว้ 20 นาที จากนั้นจึงใช้แปรงทาบริเวณโคนผมที่เหลือไว้ทั้งหมด
5. ทิ้งไว้ 10 นาที (หรือได้เฉดสีผมอ่อนลงตามต้องการ) แล้วล้างออกด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยนให้สะอาด เป่าผมให้แห้งสนิทก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

4. ข้อควรระวังในการฟอกสีผมด้วยตัวเอง
1. หากคุณไม่เคยย้อมสีผมมาก่อน บอกเลยว่าไม่จำเป็นต้องฟอกสีผมให้ผมเสียเลย เพียงแค่ลงสีรอบแรกด้วยสีโทนสว่างแล้วตามด้วยสีที่ต้องการ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสีผมสวยแบบไม่ต้องเสี่ยงผมเสียแล้ว
2. สำหรับใครที่มีแผลหรือสะเก็ดแผลบนหนังศีรษะจะต้องรอให้แผลหายสนิทก่อนทำเคมี เพราะอาจจะทำให้แผลเกิดการอักเสบ แสบร้อน หรือระคายเคืองได้ แนะนำให้เว้นระยะอย่างน้อย 2 สัปดาห์
3. สาว ๆ คนไหนรู้ตัวว่าหนังศีรษะของตัวเองบอบบางแพ้ง่าย แนะนำให้ทำตามคำแนะนำข้างกล่องอย่างเคร่งครัด เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง แสบร้อนหนังศีรษะ และเกิดแผลผุพองได้
4. หลีกเลี่ยงน้ำยาฟอกสีผมที่มีส่วนผสมของเกลือโลหะย้อมผม (Metallic hair dyes) โดยมีสารออกฤทธิ์สำคัญคือ ตะกั่วอะซิเตด หรือซิลเวอร์ไนเตรต ทำให้เสี่ยงผมช็อต หนังศีรษะเกิดการระคายเคือง และเมื่อใช้ไปนาน ๆ จะเกิดการสะสมของโลหะหนัก ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย
5. หากใครไม่มั่นใจว่าสภาพผมของเราสามารถฟอกสีผมได้หรือไม่ แนะนำให้ลองหยิบช่อผมเล็ก ๆ บริเวณท้ายทอยขึ้นมา 1 ช่อ จากนั้นนำน้ำยาฟอกสีผมป้ายลงบาง ๆ ที่เส้นผม แล้วห่อด้วยฟอยล์ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที โดยระหว่างนี้ให้คอยสังเกตเส้นผมเป็นระยะ ๆ ถ้าเส้นผมหยิกหยอย หรือกลายเป็นวุ้น แสดงว่าผมของสาว ๆ ไม่ควรฟอกสีผมโดยเด็ดขาด
6. ระมัดระวังอย่าให้น้ำยาฟอกสีผมโดนใบหน้า หรือเข้าตาเป็นอันขาด เพราะในน้ำยาฟอกสีผมประกอบด้วยสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งทำหน้าที่กัดสีผมของเราให้อ่อนลง และสามารถกัดหนังศีรษะ และผิวของเราจนมีอาการแสบร้อนได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ขณะกำลังฟอกสีผมจึงต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

5. วิธีดูแลเส้นผมหลังฟอกสีผม
1. สระผมให้น้อยที่สุด
หลังฟอกสีผมจะสังเกตเห็นได้ชัดว่าเส้นผมของสาว ๆ จะเริ่มแห้งเหมือนไม้กวาด โดยวิธีที่จะช่วยให้เส้นผมกลับมาดูสวยสุขภาพดีอีกครั้ง นอกจจากการบำรุงแล้ว ยังต้องเว้นระยะเวลาให้การสระผมด้วย เพราะในการสระผมแต่ละครั้งจะชะล้างน้ำมันที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผมและหนังศีรษะให้หลุดออกไปด้วย
2. เลือกใช้แชมพูที่ช่วยถนอมสีผม
หากสาว ๆ ต้องการล็อคสีผมให้สวยยาวนาน แนะนำให้ใช้แชมพู และทรีตเมนต์สำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ เพราะจะช่วยดูแลเส้นผมให้สีสวยติดทนยาวนาน ไม่เฟด หรือหลุดง่าย อีกทั้งยังช่วยบำรุงเส้นผมที่ผ่านการฟอกสีให้กลับมาดูสุขภาพดีอีกครั้งด้วย
3. หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนเพื่อจัดแต่งทรงผม
อย่างที่รู้กันดีว่าการฟอกสีผมเป็นการเปิดเกล็ดผม และเปลี่ยนโครงสร้างของเส้นผม ซึ่งทำให้เส้นผมแห้ง เปราะหักง่าย และแตกปลาย เพราะฉะนั้น การใช้ความร้อนเพื่อจัดแต่งทรงผม จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้เส้นผมของสาว ๆ แห้งเสียมากกว่าเดิม แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนทุกครั้งก่อนหนีบ ม้วนลอน หรือไดร์ผม
4. อย่าหวีผมตอนผมเปียก
เส้นผมที่ผ่านการฟอกมีความอ่อนแอ และเปราะขาดได้ง่าย หากหวีผมตอนผมเปียกก็จะยิ่งทำให้ผมขาดร่วงได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ควรรอให้ผมแห้งแล้วค่อย ๆ หวี โดยเริ่มจากปลายผมไล่ขึ้นไปจนถึงบริเวณโคนผม วิธีหวีผมแบบนี้จะช่วยทำให้หวีได้ง่าย และลดการขาดร่วงของเส้นผมด้วย
5. เปลี่ยนมาใช้ผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์
ผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์มีความนุ่มและดูดซับน้ำได้ดี ทำให้ผมแห้งไว้ ด้วยเหตุนี้จึงช่วยลดเวลาให้การไดร์ผมไปได้มากเลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นการถนอมเส้นผมไม่ให้เสียหายจากการถูกความร้อนเป็นเวลานาน ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : bustle.com, allure.com, stylecraze.com, buro247.sg, hairfluence.com