วิธีเลือกแป้งพัฟให้เข้ากับสีผิว แม้เราจะลองทดสอบสีของแป้งพัฟก่อนซื้ออย่างดีแล้ว สุดท้ายสีที่ได้ก็ไม่ตรงกับสีผิวอยู่ดี แล้วจะมีวิธีไหนไหมที่ช่วยให้เรา เลือกสีแป้งผสมรองพื้นได้อย่างตรงใจและตรงสี เพราะซื้อแป้งแต่ละทีก็ใช้เงินไปไม่น้อยนะ
แป้งพัฟ หรือแป้งผสมรองพื้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในยามแต่งหน้า ยิ่งหากอยากให้ผิวดูสวยเนียนใสด้วยแล้ว แป้งโปร่งแสงธรรมดาทั่วไปที่ไม่ออกสีคงจะยังไม่เพียงพอต่อการปกปิดนัก
การใช้แป้งพัฟที่ช่วยในการปกปิดรอยสิว จุดด่างดำ และความหมองคล้ำบนใบหน้าจึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสาว ๆ หลายคน แต่การเลือกแป้งพัฟที่ช่วยในการปกปิดได้ดี อีกทั้งยังต้องมีสีที่กลืนกินไปกับผิวเดิมไม่คล้ำหรือขาวจนเกินไปนั้นคงจะเป็นเรื่องยากไปสักหน่อย เพราะคนเรามีผิวหลายเฉดสี แป้งพัฟในท้องตลาดก็มีหลากสีต่างกันไปเช่นกัน เพื่อช่วยให้สาว ๆ หมดห่วงกับปัญหานี้ กระปุกดอทคอมจึงขอเอาวิธีเลือกแป้งพัฟให้เข้ากับสีผิวมาฝากกันค่ะ
1. ควรทดสอบสีแป้งกับผิวหน้าเราโดยตรง
ข้อผิดพลาดที่หลายคนมักจะทำเมื่อต้องลองทดสอบสีแป้งคือการทาลงไปบนข้อมือ เพราะเข้าใจว่าสีข้อมือใกล้เคียงกับผิวหน้ามากที่สุด แต่ความจริงแล้วสีผิวบนใบหน้าของเราแตกต่างจากผิวส่วนอื่นอย่างสิ้นเชิง ลองยกมือขึ้นมาเทียบกับใบหน้าเราดูจะรู้ทันทีว่าสีผิวที่ข้อมือกับใบหน้ามีความต่างกัน คราวหน้าหากต้องการเลือกสีรองพื้นที่ถูกต้องควรลองกับผิวหน้าโดยตรง
แป้ง สำหรับผิวขาวเหลือง - ควรลองแป้งพัฟที่มีสีออกเหลืองดูก่อน หากเข้ากันกับหน้าพอดีก็ไม่ต้องเปลี่ยน แต่หากใช้แล้วหน้าดูเหลืองซีดเกินไป ควรหาแป้งพัฟที่มีสีออกชมพูขึ้นมาสักนิดเพื่อแก้ความเหลืองของผิวหน้า
แป้งพัฟสำหรับคนผิวขาวมาก - คนที่มีผิวขาวมากหากใช้แป้งเบอร์ขาวไปเลยอาจทำให้ได้ผิวที่ขาวซีดดูสุขภาพไม่ดี ควรเลือกใช้รองพื้นที่มีสีดรอปกว่าหน้าสักหนึ่งเบอร์ จะเป็นโทนเหลืองหรือโทนชมพูขึ้นอยู่กับอันเดอร์โทนของเรา
ผิวสองสีใช้แป้งเบอร์อะไร - วิธีการเลือกแป้งพัฟให้เข้ากับสีผิวของคนผิวสองสีดูจะเป็นเรื่องยากสักนิดหากใช้เครื่องสำอางแบรนด์ไทย เนื่องจากมีการผลิตเฉดสีออกมาน้อยมาก ควรมองแป้งพัฟจากเเบรนด์ต่างประเทศเป็นตัวเลือกแรก ๆ ก่อน อีกทั้งคนที่มีผิวสองสีควรเลือกแป้งเบอร์ที่ขาวกว่าผิวหน้าจริงสัก 1 เฉด จะช่วยปรับสีผิวให้ไม่ดรอประหว่างวันได้
2. ลองใช้แป้งกับแสงธรรมชาติและแสงไฟนีออน
สีของแป้งมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอเมื่ออยู่ภายใต้แสงที่ต่างกันออกไป บางครั้งเมื่ออยู่ใต้แสงไฟ สีของแป้งอาจดูกลมกลืนไปกับผิวจนเราคิดว่าแป้งสีนี้เหมาะกับเราที่สุดแล้ว หากเราลองไปยืนท่ามกลางแสงธรรมชาติตอนกลางวันสีแป้งนั้นอาจเด่นลอยเกินไปก็ได้ เนื่องจากอุณหภูมิของแสงมีผลโดยตรงกับสีผิวของเราที่สะท้อนออกมาการทดลองใช้แป้งตามสภาวะแสงต่าง ๆ สักหนึ่งวันจะช่วยให้เราตัดสินใจเลือกสีแป้งได้ดีขึ้น
3. เลือกสีแป้งตามอันเดอร์โทนผิว
อย่างที่บอกไปแล้วช่วงต้นว่ามีวิธีสังเกตอันเดอร์โทนของเราได้อย่างไร การเลือกแป้งรองพื้นก็ควรเลือกตามอันเดอร์โทนของเราด้วย หากเรามีผิวอันเดอร์โทนเหลืองก็ควรใช้แป้งที่ออกไปทางเหลือง หากมีอันเดอร์โทนสีชมพูควรเลือกแป้งที่ออกสีอมชมพู แต่สำหรับคนที่มีอันเดอร์โทนสีกลาง ๆ อาจเลือกยากสักหน่อยเนื่องจากสามารถใช้ได้ทั้งสีชมพูและเหลือง ต้องดูสีผิวโดยรวมอีกทีว่าใช้แป้งพัฟโทนสีไหนถึงเข้ากับผิวมากที่สุด
4. เลือกสีแป้งพัฟให้เข้ากันกับสีครีมรองพื้น
นอกจากสีแป้งพัฟจะต้องเข้ากับสีผิวเราแล้วที่สำคัญยังต้องเข้ากันกับสีครีมรองพื้นของเราด้วย หากเลือกสีแป้งพัฟที่สว่างกว่าสีครีมรองพื้นจะทำให้ดูหน้าเทา และหากเลือกสีแป้งพัฟที่คล้ำกว่าสีครีมรองพื้น ผลลัพธ์ที่ออกมาหน้าจะดูหมองและดรอปไปเลยทันที ดังนั้นแล้วควรใช้สีครีมรองพื้นเดิมมาตัดสินใจว่าควรใช้แป้งพัฟสีอะไรด้วยจะดีที่สุด
5. สอบถามกับ B.A. ประจำเคาน์เตอร์โดยตรง
โดยปกติเครื่องสำอางแต่ละแบรนด์จะมี B.A.ที่ผ่านการฝึกมาโดยตรงเรื่องเครื่องสำอางอยู่แล้ว อีกทั้งชื่อเรียกของแป้งพัฟแต่ละแบรนด์ก็มีชื่อที่ต่างกันออกไปถึงแม้จะมีโทนสีเดียวกันก็ตาม ดังนั้นเพื่อความแน่ใจทุกครั้งที่ซื้อแป้งพัฟ ควรสอบถามกับ B.A. โดยตรงจะดีที่สุด
การเลือกรองพื้นมีปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสีผิว แสงในสถานที่ต่าง ๆ ความหมอง ความดรอประหว่างวัน แต่หากได้เลือกหาแป้งพัฟที่เหมาะกับเราจนเจอแล้ว คงจะรู้สึกดีเหมือนเจอเพื่อนคู่ใจเลยทีเดียว เพราะไม่ต้องคอยกังวลเรื่องการซื้อแป้งพัฟในครั้งถัดไปอีกเลย ขอเพียงแค่ยอมเสียเวลาค้นหาสีผิวและทดลองใช้แป้งพัฟแบบจริง ๆ จัง ๆ สักครั้งก็พอ
ขอบคุณข้อมูลจาก : wikihow.com, stylecraze.com, fitnessmagazine.com
การใช้แป้งพัฟที่ช่วยในการปกปิดรอยสิว จุดด่างดำ และความหมองคล้ำบนใบหน้าจึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสาว ๆ หลายคน แต่การเลือกแป้งพัฟที่ช่วยในการปกปิดได้ดี อีกทั้งยังต้องมีสีที่กลืนกินไปกับผิวเดิมไม่คล้ำหรือขาวจนเกินไปนั้นคงจะเป็นเรื่องยากไปสักหน่อย เพราะคนเรามีผิวหลายเฉดสี แป้งพัฟในท้องตลาดก็มีหลากสีต่างกันไปเช่นกัน เพื่อช่วยให้สาว ๆ หมดห่วงกับปัญหานี้ กระปุกดอทคอมจึงขอเอาวิธีเลือกแป้งพัฟให้เข้ากับสีผิวมาฝากกันค่ะ
มารู้จักโทนสีผิวที่แท้จริงของเรากันก่อน
เพื่อเป็นตัวช่วยในการเลือกหาสีแป้งพัฟได้อีกทาง หากรู้จักอันเดอร์โทนสีผิวที่แท้จริงของเราก็ช่วยให้เลือกสีแป้งพัฟได้ง่ายขึ้น โดยอันเดอร์โทนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดชีวิต ต่างจากสีผิวที่มีขาวขึ้น ดำขึ้นอยู่เรื่อย เราสามารถรู้จักอันเดอร์โทนที่แท้จริงของเราได้จากเส้นเลือดบนข้อมือ ลองไปที่ที่มีแสงส่องถึงหรือนั่งใต้หลอดไฟ แล้วมองไปที่ข้อมือจะเห็นว่ามีเส้นเลือดอยู่ ซึ่งเส้นเลือดแต่ละคนจะมีสีที่ต่างกันดังนี้
- เส้นเลือดบนข้อมือมีสีเขียว แสดงว่าเป็นคนที่มีอันเดอร์โทนผิวเหลือง
- เส้นเลือดบนข้อมือสีฟ้าหรือม่วง แสดงว่าเป็นคนที่มีอันเดอร์โทนผิวชมพู
- เส้นเลือดบนข้อมือผสมระหว่างสีฟ้าและเขียวดูแล้วแยกไม่ออก แสดงว่าเป็นคนที่มีอันเดอร์โทนผิวแบบกลางๆ
5 วิธีเลือกแป้งพัฟให้เข้ากับสีผิว
1. ควรทดสอบสีแป้งกับผิวหน้าเราโดยตรง
ข้อผิดพลาดที่หลายคนมักจะทำเมื่อต้องลองทดสอบสีแป้งคือการทาลงไปบนข้อมือ เพราะเข้าใจว่าสีข้อมือใกล้เคียงกับผิวหน้ามากที่สุด แต่ความจริงแล้วสีผิวบนใบหน้าของเราแตกต่างจากผิวส่วนอื่นอย่างสิ้นเชิง ลองยกมือขึ้นมาเทียบกับใบหน้าเราดูจะรู้ทันทีว่าสีผิวที่ข้อมือกับใบหน้ามีความต่างกัน คราวหน้าหากต้องการเลือกสีรองพื้นที่ถูกต้องควรลองกับผิวหน้าโดยตรง
แป้ง สำหรับผิวขาวเหลือง - ควรลองแป้งพัฟที่มีสีออกเหลืองดูก่อน หากเข้ากันกับหน้าพอดีก็ไม่ต้องเปลี่ยน แต่หากใช้แล้วหน้าดูเหลืองซีดเกินไป ควรหาแป้งพัฟที่มีสีออกชมพูขึ้นมาสักนิดเพื่อแก้ความเหลืองของผิวหน้า
แป้งพัฟสำหรับคนผิวขาวมาก - คนที่มีผิวขาวมากหากใช้แป้งเบอร์ขาวไปเลยอาจทำให้ได้ผิวที่ขาวซีดดูสุขภาพไม่ดี ควรเลือกใช้รองพื้นที่มีสีดรอปกว่าหน้าสักหนึ่งเบอร์ จะเป็นโทนเหลืองหรือโทนชมพูขึ้นอยู่กับอันเดอร์โทนของเรา
ผิวสองสีใช้แป้งเบอร์อะไร - วิธีการเลือกแป้งพัฟให้เข้ากับสีผิวของคนผิวสองสีดูจะเป็นเรื่องยากสักนิดหากใช้เครื่องสำอางแบรนด์ไทย เนื่องจากมีการผลิตเฉดสีออกมาน้อยมาก ควรมองแป้งพัฟจากเเบรนด์ต่างประเทศเป็นตัวเลือกแรก ๆ ก่อน อีกทั้งคนที่มีผิวสองสีควรเลือกแป้งเบอร์ที่ขาวกว่าผิวหน้าจริงสัก 1 เฉด จะช่วยปรับสีผิวให้ไม่ดรอประหว่างวันได้
2. ลองใช้แป้งกับแสงธรรมชาติและแสงไฟนีออน
สีของแป้งมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอเมื่ออยู่ภายใต้แสงที่ต่างกันออกไป บางครั้งเมื่ออยู่ใต้แสงไฟ สีของแป้งอาจดูกลมกลืนไปกับผิวจนเราคิดว่าแป้งสีนี้เหมาะกับเราที่สุดแล้ว หากเราลองไปยืนท่ามกลางแสงธรรมชาติตอนกลางวันสีแป้งนั้นอาจเด่นลอยเกินไปก็ได้ เนื่องจากอุณหภูมิของแสงมีผลโดยตรงกับสีผิวของเราที่สะท้อนออกมาการทดลองใช้แป้งตามสภาวะแสงต่าง ๆ สักหนึ่งวันจะช่วยให้เราตัดสินใจเลือกสีแป้งได้ดีขึ้น
3. เลือกสีแป้งตามอันเดอร์โทนผิว
อย่างที่บอกไปแล้วช่วงต้นว่ามีวิธีสังเกตอันเดอร์โทนของเราได้อย่างไร การเลือกแป้งรองพื้นก็ควรเลือกตามอันเดอร์โทนของเราด้วย หากเรามีผิวอันเดอร์โทนเหลืองก็ควรใช้แป้งที่ออกไปทางเหลือง หากมีอันเดอร์โทนสีชมพูควรเลือกแป้งที่ออกสีอมชมพู แต่สำหรับคนที่มีอันเดอร์โทนสีกลาง ๆ อาจเลือกยากสักหน่อยเนื่องจากสามารถใช้ได้ทั้งสีชมพูและเหลือง ต้องดูสีผิวโดยรวมอีกทีว่าใช้แป้งพัฟโทนสีไหนถึงเข้ากับผิวมากที่สุด
นอกจากสีแป้งพัฟจะต้องเข้ากับสีผิวเราแล้วที่สำคัญยังต้องเข้ากันกับสีครีมรองพื้นของเราด้วย หากเลือกสีแป้งพัฟที่สว่างกว่าสีครีมรองพื้นจะทำให้ดูหน้าเทา และหากเลือกสีแป้งพัฟที่คล้ำกว่าสีครีมรองพื้น ผลลัพธ์ที่ออกมาหน้าจะดูหมองและดรอปไปเลยทันที ดังนั้นแล้วควรใช้สีครีมรองพื้นเดิมมาตัดสินใจว่าควรใช้แป้งพัฟสีอะไรด้วยจะดีที่สุด
5. สอบถามกับ B.A. ประจำเคาน์เตอร์โดยตรง
โดยปกติเครื่องสำอางแต่ละแบรนด์จะมี B.A.ที่ผ่านการฝึกมาโดยตรงเรื่องเครื่องสำอางอยู่แล้ว อีกทั้งชื่อเรียกของแป้งพัฟแต่ละแบรนด์ก็มีชื่อที่ต่างกันออกไปถึงแม้จะมีโทนสีเดียวกันก็ตาม ดังนั้นเพื่อความแน่ใจทุกครั้งที่ซื้อแป้งพัฟ ควรสอบถามกับ B.A. โดยตรงจะดีที่สุด
การเลือกรองพื้นมีปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสีผิว แสงในสถานที่ต่าง ๆ ความหมอง ความดรอประหว่างวัน แต่หากได้เลือกหาแป้งพัฟที่เหมาะกับเราจนเจอแล้ว คงจะรู้สึกดีเหมือนเจอเพื่อนคู่ใจเลยทีเดียว เพราะไม่ต้องคอยกังวลเรื่องการซื้อแป้งพัฟในครั้งถัดไปอีกเลย ขอเพียงแค่ยอมเสียเวลาค้นหาสีผิวและทดลองใช้แป้งพัฟแบบจริง ๆ จัง ๆ สักครั้งก็พอ
ขอบคุณข้อมูลจาก : wikihow.com, stylecraze.com, fitnessmagazine.com