ผิวแห้ง กับ ผิวขาดน้ำ ฟังดูแล้วก็เหมือนจะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วสาเหตุของผิวทั้ง 2 อย่างนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีปัญหาผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำกันแน่
สาว ๆ หลายคนคงเคยประสบกับปัญหาผิวแห้งมาบ้างไม่มากก็น้อย ทั้งช่วงหน้าหนาวที่อากาศดูดเอาความชื้นจากร่างกายของเราไปจนผิวแห้งแตกลอก หรือจะเป็นช่วงหลังอาบน้ำแล้วลืมทาครีมบำรุง ผิวก็แห้งไปจนบางทีเราถึงกับออกอาการคันผิว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันผิวหน้าของสาว ๆ บางคนกลับดูมันเยิ้ม กระดาษซับมันนับ 10 แผ่นก็เอาไม่อยู่ แต่มาตอนนี้ทำไมถึงมีผิวหน้าที่แห้งได้ แล้วจะนิยามให้ตัวเองเป็นคนผิวแบบใดกันแน่ เวลาซื้อครีมบำรุงผิวก็เลือกไม่ถูก ว่าสรุปแล้วเราเป็นคนผิวแห้งหรือผิวมัน แต่จริง ๆ แล้วปัญหาผิวแห้งมีเบื้องหลังซ่อนลึกมากกว่านั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจะช่วยสาว ๆ แก้ไขข้อข้องใจกันว่าที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ คือ ผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำกันแน่ แล้วอาการทั้ง 2 อย่าง แตกต่างกันมากไหม
ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ต่างกันอย่างไร
ผิวแห้งกับผิวขาดน้ำแตกต่างกันตรงที่ ผิวแห้งคือลักษณะของผิวพรรณที่มีมาแต่กำเนิด เช่นเดียวกันกับคนที่มีผิวมันและผิวผสมนั่นเอง ส่วนผิวขาดน้ำเป็นอาการที่เกิดได้กับคนทุกประเภทผิว จะเป็นสาวผิวมันเยิ้ม หรือสาว ๆ ที่มีผิวผสมต่างก็เกิดอาการผิวขาดน้ำได้ทั้งสิ้น โดยปัญหาผิวแห้งและผิวขาดน้ำนั้นจะมีลักษณะของอาการและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนี้
ผิวแห้ง
สำหรับคำว่าผิวแห้งนั้นอย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าใช้กับประเภทของผิว การสังเกตว่าใครมีผิวแห้ง ให้ลดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือมอยส์เจอไรเซอร์ หากเป็นสาวผิวมันหรือผิวผสมเชื่อแน่ว่าจะต้องมีการผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวชั้นบนจนทำให้หน้าดูฉ่ำวาว แต่สำหรับสาวผิวแห้งแล้วหากขาดการบำรุงไป รับรองได้ว่าผิวจะต้องแห้ง, ลอก, แดง จนเป็นขุยในที่สุด ซึ่งอาการผิวแห้งนี้ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากกรรมพันธุ์เสียมากกว่า เราไม่สามารถใช้เทคโนโลยีใดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการผิวแห้งได้เลย มีเพียงแค่การบำรุงไม่ให้ผิวแห้งหนักไปกว่าเดิมเท่านั้นเอง
สำหรับวิธีดูแลผิวสำหรับคนผิวแห้ง สาว ๆ ที่มีผิวแบบนี้ควรเลือกใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าซึ่งมีความอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้ผิวแห้งตึง ครีมบำรุงที่ใช้ก็ต้องมีความชุ่มชื้นมากพอ แม้แต่แป้งพัฟก็ต้องใช้แป้งพัฟสำหรับคนผิวแห้งโดยเฉพาะ ยิ่งเป็นเครื่องสำอางของโซนเกาหลีที่เน้นความฉ่ำก็จะยิ่งเหมาะมาก แต่ถ้าเกิดใช้แป้งพัฟเนื้อแมตต์คงได้เห็นริ้วรอยร่องลึกอย่างชัดเจนแน่นอน
อาการผิวขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกสภาพผิว ต่อให้มีผิวมันเยิ้มแค่ไหนเมื่อถึงหน้าหนาวหรือนอนในที่อากาศเย็น ๆ ก็อาจประสบกับปัญหาผิวขาดน้ำได้อยู่ดี โดยอาการที่จะแสดงว่ามีปัญหาผิวขาดน้ำก็คือ ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย เป็นต้น ทั้งนี้นอกจากอากาศเย็นจะทำให้เราขาดน้ำได้แล้ว การเผชิญหน้ากับแสงแดดโดยไม่ได้ทาครีมกันแดด เพื่อเป็นการปกป้องผิวก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำได้เช่นกัน เนื่องจากรังสียูวีในแสงแดดได้เข้าไปทำลายคอลลาเจน รวมทั้งยังดูดเอาความชื้นบนผิวของเราออกไป นั่นจึงทำให้ผิวขาดน้ำได้ แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนก็ตาม
ทางที่ดี วิธีดูแลผิวเพื่อป้องกันผิวขาดน้ำ สาว ๆ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ประมาณ 8 แก้วต่อวัน พร้อมทั้้งอย่าลืมทาครีมกันแดด SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป และต้องมี Pa +++ ทุก ๆ 2 ชั่วโมง เท่านี้ก็หมดกังวลเรื่องผิวขาดน้ำไปได้เลย
สังเกตได้ว่าอาการร่วมกันของทั้ง 2 ปัญหาผิวคือผิวจะดูแห้ง ลอกเป็นขุย ซึ่งมีปัจจัยหลักเรื่องความชุ่มชื้นในผิวไม่เพียงพอ ดังนั้นหากสาว ๆ คนไหนที่ไม่อยากมีริ้วรอยก่อนวัยอันเกิดจากอาการผิวแห้งและขาดน้ำ ก็ต้องเร่งบำรุงและเติมน้ำให้ผิวตลอดเวลา และต่อให้เป็นคนผิวมันแค่ไหนแต่ปัญหาผิวแห้งก็เกิดขึ้นได้เสมอหากดื่มน้ำไม่เพียงพอ และบำรุงผิวได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยปัญหาผิวพรรณคือสิ่งที่แก้ได้ยากมาก ดังนั้นต้องหาทางป้องกันเอาไว้ก่อนจะดีที่สุดนะคะ
ข้อมูลจาก : purewow.com, healthline.com, dermalogica.com
ผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ต่างกันอย่างไร
ผิวแห้งกับผิวขาดน้ำแตกต่างกันตรงที่ ผิวแห้งคือลักษณะของผิวพรรณที่มีมาแต่กำเนิด เช่นเดียวกันกับคนที่มีผิวมันและผิวผสมนั่นเอง ส่วนผิวขาดน้ำเป็นอาการที่เกิดได้กับคนทุกประเภทผิว จะเป็นสาวผิวมันเยิ้ม หรือสาว ๆ ที่มีผิวผสมต่างก็เกิดอาการผิวขาดน้ำได้ทั้งสิ้น โดยปัญหาผิวแห้งและผิวขาดน้ำนั้นจะมีลักษณะของอาการและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนี้
สำหรับคำว่าผิวแห้งนั้นอย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าใช้กับประเภทของผิว การสังเกตว่าใครมีผิวแห้ง ให้ลดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือมอยส์เจอไรเซอร์ หากเป็นสาวผิวมันหรือผิวผสมเชื่อแน่ว่าจะต้องมีการผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวชั้นบนจนทำให้หน้าดูฉ่ำวาว แต่สำหรับสาวผิวแห้งแล้วหากขาดการบำรุงไป รับรองได้ว่าผิวจะต้องแห้ง, ลอก, แดง จนเป็นขุยในที่สุด ซึ่งอาการผิวแห้งนี้ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากกรรมพันธุ์เสียมากกว่า เราไม่สามารถใช้เทคโนโลยีใดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการผิวแห้งได้เลย มีเพียงแค่การบำรุงไม่ให้ผิวแห้งหนักไปกว่าเดิมเท่านั้นเอง
สำหรับวิธีดูแลผิวสำหรับคนผิวแห้ง สาว ๆ ที่มีผิวแบบนี้ควรเลือกใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าซึ่งมีความอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้ผิวแห้งตึง ครีมบำรุงที่ใช้ก็ต้องมีความชุ่มชื้นมากพอ แม้แต่แป้งพัฟก็ต้องใช้แป้งพัฟสำหรับคนผิวแห้งโดยเฉพาะ ยิ่งเป็นเครื่องสำอางของโซนเกาหลีที่เน้นความฉ่ำก็จะยิ่งเหมาะมาก แต่ถ้าเกิดใช้แป้งพัฟเนื้อแมตต์คงได้เห็นริ้วรอยร่องลึกอย่างชัดเจนแน่นอน
ผิวขาดน้ำ
อาการผิวขาดน้ำสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกสภาพผิว ต่อให้มีผิวมันเยิ้มแค่ไหนเมื่อถึงหน้าหนาวหรือนอนในที่อากาศเย็น ๆ ก็อาจประสบกับปัญหาผิวขาดน้ำได้อยู่ดี โดยอาการที่จะแสดงว่ามีปัญหาผิวขาดน้ำก็คือ ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย เป็นต้น ทั้งนี้นอกจากอากาศเย็นจะทำให้เราขาดน้ำได้แล้ว การเผชิญหน้ากับแสงแดดโดยไม่ได้ทาครีมกันแดด เพื่อเป็นการปกป้องผิวก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำได้เช่นกัน เนื่องจากรังสียูวีในแสงแดดได้เข้าไปทำลายคอลลาเจน รวมทั้งยังดูดเอาความชื้นบนผิวของเราออกไป นั่นจึงทำให้ผิวขาดน้ำได้ แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนก็ตาม
ทางที่ดี วิธีดูแลผิวเพื่อป้องกันผิวขาดน้ำ สาว ๆ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ประมาณ 8 แก้วต่อวัน พร้อมทั้้งอย่าลืมทาครีมกันแดด SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป และต้องมี Pa +++ ทุก ๆ 2 ชั่วโมง เท่านี้ก็หมดกังวลเรื่องผิวขาดน้ำไปได้เลย
สังเกตได้ว่าอาการร่วมกันของทั้ง 2 ปัญหาผิวคือผิวจะดูแห้ง ลอกเป็นขุย ซึ่งมีปัจจัยหลักเรื่องความชุ่มชื้นในผิวไม่เพียงพอ ดังนั้นหากสาว ๆ คนไหนที่ไม่อยากมีริ้วรอยก่อนวัยอันเกิดจากอาการผิวแห้งและขาดน้ำ ก็ต้องเร่งบำรุงและเติมน้ำให้ผิวตลอดเวลา และต่อให้เป็นคนผิวมันแค่ไหนแต่ปัญหาผิวแห้งก็เกิดขึ้นได้เสมอหากดื่มน้ำไม่เพียงพอ และบำรุงผิวได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยปัญหาผิวพรรณคือสิ่งที่แก้ได้ยากมาก ดังนั้นต้องหาทางป้องกันเอาไว้ก่อนจะดีที่สุดนะคะ
ข้อมูลจาก : purewow.com, healthline.com, dermalogica.com