x close

ครีมกันแดด กับ 5 ผลเสียหากไม่ทาครีมกันแดด รู้ไหมจะเกิดอะไรบ้าง ?

         ครีมกันแดด สำคัญอย่างไร เคยสงสัยไหมว่า ทำไมต้องทาครีมกันแดด ถ้าไม่ทาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับผิวเราบ้าง มาหาคำตอบ พร้อมทราบเคล็ดลับการทาครีมกันแดดให้ถูกวิธีกันดีกว่า
ครีมกันแดด

          เวลาอ่านวิธีดูแลผิวให้สวยใส หลายครั้งก็จะพบข้อแนะนำให้ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยปกป้องผิวจากแสงอาทิตย์ที่แผดเผา แต่รู้หรือไม่ ? เจ้าแดดตัวร้ายไม่ได้แค่ทำให้เกิดความหมองคล้ำ แต่ยังทำร้ายผิวเรามากกว่านั้น แม้กระทั่งการทำงานในที่ร่ม หรือ Work From Home ก็ใช่ว่าจะรอดนะคะ เพราะรังสี UVA สามารถทะลุผ่านกระจกหน้าต่างมายังผิวเราได้อีกเช่นกัน
 

          ถ้าอยากรู้ว่า ไม่ทาครีมกันแดด ผลเสียที่ตามมาจะร้ายแรงแค่ไหน อย่ารอช้า เรามีคำตอบ พร้อมวิธีทาครีมกันแดดให้มีประสิทธิภาพมาบอกต่อกันด้วย ใครที่ไม่ชอบทาครีมกันแดดที่หน้าละก็ รีบเปลี่ยนใจตอนนี้ยังไม่สายนะ

ครีมกันแดดสำคัญอย่างไร

ไม่ทาครีมกันแดดจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

          เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแดดร้อนแรงอยู่ทุกฤดูกาล ซึ่งรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่อยู่ในแสงแดดนั้นเป็นตัวการทำให้เกิดปัญหาผิวมากมาย หากใครที่ไม่ชอบทาครีมกันแดด เตรียมใจไว้เลยว่าอาจเจอกับปัญหาเหล่านี้แน่ ๆ

1. ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ

          เมื่อผิวของเราโดนแสงแดดมาก ๆ แบบไม่มีครีมกันแดดป้องกันไว้เลย ผิวก็จะเริ่มทำกระบวนการปกป้องตัวเองด้วยการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่ม ซึ่งส่งผลให้สีผิวของเราคล้ำขึ้น เห็นจุดด่างดำชัดเจน และสิ่งที่ตามมาติด ๆ ก็คือสีผิวไม่สม่ำเสมอกันด้วย ใครไม่กลัวดำก็ต้องคิดดี ๆ เพราะอาจมีผิวแบ่งสีเป็นลาเต้แทน
ครีมกันแดด

2. ผิวไหม้ เพราะเซลล์ผิวถูกทำลาย

          ความเข้มข้นของรังสี UVA ทำให้ผิวหมองคล้ำไปแล้ว คู่หูอย่าง UVB ก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน เพราะจะทำให้ผิวเกิดอาการแสบร้อน บวมแดง หนักเข้าก็อาจทำให้ผิวไหม้และหลุดลอกได้ การทาครีมกันแดดจึงเปรียบเสมือนการสร้างเกราะป้องกัน เพราะเมื่อเซลล์ผิวถูกทำลายแล้ว บอกเลยว่าถ้าอยากให้กลับมาสู่สภาพเดิมคงต้องใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะค่ะ

3. เพิ่มริ้วรอย หน้าแก่กว่าวัย

          ไม่ใช่แค่กาลเวลาที่พรากความเด็กไปจากเรา แต่แสง UV ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้หน้าดูแก่และมีริ้วรอย อย่างรูปที่โด่งดังมากของชายวัย 69 ปี ที่ทำอาชีพขับรถบรรทุกมา 28 ปี ทำให้หน้าฝั่งซ้ายของเขาถูกแสงแดดทะลุผ่านกระจกมาทำร้ายผิวอยู่ตลอด เมื่อเทียบกับหน้าฝั่งขวาแล้วจึงแตกต่างอย่างชัดเจน หรือลองสังเกตง่าย ๆ ตรงผิวหลังมือของเราจะหยาบกร้านและเหี่ยวง่ายกว่าผิวใต้ร่มผ้า นั่นเพราะรังสี UV ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยเรื่องความกระชับผิว ดังนั้นหากโดนแสงแดดมาก ๆ และไม่ได้ทากันแดดเลยก็จะทำให้ผิวของเราหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และแก่กว่าวัยได้

ภาพจาก : ทวิตเตอร์ @kenglimm

4. ฝ้า กระ ถามหา

          แสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์ใต้ผิวหนังของเราสร้างเม็ดสีมากขึ้น นอกจากส่งผลให้ผิวคล้ำขึ้นแล้ว ยังเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ขึ้นมาให้เห็น โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ อย่าง หน้าผาก ไรหนวด โหนกแก้ม แถมพออายุเยอะขึ้นทั้งฝ้าและกระก็ยิ่งสีเข้มขึ้นด้วย ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ หลอดไฟ แสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน ก็สามารถทำให้เกิดฝ้าได้นะ ทีนี้รู้หรือยังว่าทำไมเราถึงต้องทากันแดดตั้งแต่อายุน้อย ๆ หรือแม้จะทำงานในร่มก็มองข้ามไม่ได้นะ

5. เสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนัง

          การโดนแดดสะสมเป็นระยะเวลานาน ๆ โดยไม่มีการป้องกัน อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังเกิดการพัฒนาไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้นการทาครีมกันแดดก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนังได้มากเลยล่ะค่ะ
ครีมกันแดด

วิธีการเลือกครีมกันแดด

          คราวนี้ก็คงจะเห็นแล้วใช่ไหมว่า ทำไมครีมกันแดดถึงเป็นไอเทมจำเป็นสำหรับการดูแลผิว ส่วนใครที่ไม่ชอบทาครีมกันแดดเพราะทำให้ผิวมันบ้าง เป็นสิวบ้าง หรือเคยแพ้ครีมกันแดด เรามีเคล็ดลับเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมมาฝาก
  • เลือกกันแดดที่ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB โดยสังเกตว่าครีมกันแดดจะมีระบุทั้งค่า PA (Protection Grade ของ UVA) และ SPF (Sun Protection Factor)
     
  • ครีมกันแดดที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ คือ SPF 15-30, PA +++ ถึง ++++ ซึ่งเพียงพอแล้วสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ถ้าต้องออกแดดกลางแจ้งเป็นเวลานานและมีแดดแรงมากก็ให้เลือกซื้อครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป
     
  • เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว อย่างคนที่ผิวมันควรเลือกเนื้อกันแดดที่เป็นเจล หรือเนื้อฟลูอิท ในขณะที่คนผิวแห้งก็จะสามารถเลือกเนื้อที่เป็นครีมได้เลย เพราะจะให้ความชุ่มชื้นกับผิวไปด้วย
     
  • คนที่มีผิวแพ้ง่าย ทาครีมกันแดดแล้วเกิดการระคายเคือง ให้มองหาครีมกันแดดที่ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน สารกันเสีย หรือประเภท Physical sunscreen ที่ประกอบด้วยสารป้องกันแดดสะท้อน เช่น titanium oxide, zinc oxide ซึ่งมีข้อดีคือดูดซึมเข้าร่างกายได้น้อย ทำให้แพ้น้อย แต่ข้อเสียคือ ครีมมักข้น เหนียวเหนอะหนะ หรือทำให้หน้าลอย
     
  • ถ้าทากันแดดแล้วสิวชอบขึ้น อาจเลือกตัวที่มีคำว่า acne-prone หรือ non-comedogenic
ครีมกันแดด

ทาครีมกันแดดให้ถูกวิธี ทำอย่างไรบ้าง ?

          รู้วิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวกันไปแล้ว ทีนี้มารู้จักการทากันแดดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดกันเถอะ
  • ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านประมาณ 20-30 นาที
     
  • ใช้ปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตรของผิวหนังทั่วไป ถ้าเป็นที่ใบหน้าและคอให้ใช้ครีมกันแดดประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ หรือขนาดเท่าไข่มุกเม็ดใหญ่ 2 เม็ด หากใช้โลชั่นให้ใช้ขนาดเหรียญ 10 และอย่าลืมทาใบหูด้วย
     
  • แต้มครีมกันแดดลงบนใบหน้าเล็กน้อยในตำแหน่ง 5 จุด คือ หน้าผาก 1 จุด, แก้ม 2 จุด, จมูก 1 จุด และคางอีก 1 จุด จากนั้นก็ค่อย ๆ เกลี่ยให้ทั่ว โดยวนเป็นวงกลมบนใบหน้าเบา ๆ ให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิวหน้าจนหมดไม่เห็นครีมสีขาว ๆ ทาไปถึงลำคอและด้านหลังที่ไม่มีเสื้อปกปิดด้วยยิ่งดี
     
  • แนะนำให้ทาซ้ำทุก 2-3 ชม. เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
     
  • ควรสังเกตวันหมดอายุของครีมกันแดดด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีกำหนดอายุประมาณ 2-3 ปี นับจากวันที่ผลิต และไม่ควรเก็บครีมกันแดดไว้ในที่ร้อน ๆ
     
  • นอกจากทาครีมกันแดดแล้วก็ยังต้องป้องกันแสงแดดด้วยวิธีอื่น ๆ ด้วย เช่น กางร่ม ใส่หมวก สวมแว่นกันแดด เลือกใส่เสื้อผ้าแขนยาว หรือมีคุณสมบัติในป้องกันแสงแดด อย่างผ้าฝ้ายผสมโพลีเอสเตอร์ ซึ่งจะช่วยป้องกันรังสี UV ได้ถึง 80%

          เห็นภัยจากแสงแดดตัวร้ายกันแล้ว ต้องรีบทาครีมกันแดดกันให้ไว ซึ่งสมัยนี้มีครีมกันแดดให้เลือกสรรมากมายหลายแบบ แค่เสียเวลาทาครีมกันแดดสักนิด ดีกว่าเสียเงินก้อนโตไปกับการแก้ปัญหาผิวนะคะ
 

ขอบคุณข้อมูลจาก : ทวิตเตอร์ DrKengw หมอผิวหนัง, sukumvithospital.com, si.mahidol.ac.th, idskinexpert.com, reidhealth.org, ehe.health, nejm.org

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครีมกันแดด กับ 5 ผลเสียหากไม่ทาครีมกันแดด รู้ไหมจะเกิดอะไรบ้าง ? อัปเดตล่าสุด 19 มิถุนายน 2566 เวลา 16:01:08 20,267 อ่าน
TOP