แพ้ลิปสติก อาการจากการแพ้ส่วนผสมในเครื่องสำอาง ที่อาจทำให้ปากลอก แสบ คัน หรือบวม มาดูสาเหตุและวิธีรักษากัน
ทาลิปสติกแล้วปากลอก แสบ หรือคัน อาจไม่ใช่แค่ปากแห้งธรรมดา เพราะหลายคนไม่รู้ว่าตัวเองแพ้ลิปสติก และหากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาการอาจรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษา แถมยังเสียความมั่นใจได้ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยจะขอพาไปรู้จักสาเหตุ อาการที่ควรระวัง และวิธีรักษาอย่างถูกต้อง พร้อมบอกเคล็ดลับเลือกใช้ลิปสติกให้ปลอดภัย ตามมาดูกันเลย
แพ้ลิปสติก อาการเป็นยังไง ?
อาการแพ้ลิปสติกเกิดขึ้นได้จากการระคายเคือง หรือแพ้ส่วนผสมบางชนิด เช่น น้ำหอม สีสังเคราะห์ หรือสารกันเสีย โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- รู้สึกแสบ คัน หรือระคายเคืองบริเวณริมฝีปาก
- ริมฝีปากแห้ง ลอก แตก หรือเป็นขุยผิดปกติ
- บวมแดงหรือมีผื่นขึ้นรอบปาก
- ในบางรายอาจลามไปที่มุมปากหรือรอบปากเป็นผื่นอักเสบ
แพ้ลิปสติก รักษายังไงดี
หากสาว ๆ มีอาการแพ้ลิปสติก สามารถรับมือได้ตามขั้นตอนเหล่านี้
- หยุดใช้ลิปสติกทันที ที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุของการแพ้
- ล้างริมฝีปากให้สะอาด ด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำเกลืออ่อน ๆ เพื่อขจัดสารตกค้าง
- ทาวาสลีนหรือบาล์มสูตรอ่อนโยน ที่ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยให้ผิวริมฝีปากฟื้นตัว
- ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หากมีอาการรุนแรง เช่น บวมแดงมาก คัน หรืออักเสบ โดยอาจจำเป็นต้องใช้ยาทาแก้แพ้หรือสเตียรอยด์อ่อน ๆ
- ทดสอบการแพ้ ก่อนใช้ลิปสติกใหม่ โดยทาลงบริเวณผิวหลังใบหูหรือต้นแขน แล้วสังเกตอาการ
เคล็ดลับเลือกใช้ลิปสติกให้ปลอดภัย
วิธีเลือกใช้ลิปสติกอย่างปลอดภัย มีหลากหลายแนวทาง เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแพ้ ปากลอก หรือระคายเคือง ดังนี้
- เลือกลิปสติกสูตรอ่อนโยนหรือสำหรับผิวแพ้ง่าย ที่มีคำว่า Hypoallergenic, Dermatologist Tested หรือ Fragrance-Free บนฉลาก
- หลีกเลี่ยงลิปสติกที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน หรือสีสังเคราะห์แรง ๆ
- เลี่ยงลิปสติกแบบติดทนนานหรือแมตต์จัด เพราะมักมีสารเคมีที่ทำให้ปากแห้งและระคายเคืองได้
- สังเกตวันหมดอายุ หากเนื้อ สี หรือกลิ่นเปลี่ยน ควรหยุดใช้ทันที
- บำรุงริมฝีปากสม่ำเสมอ โดยลงลิปบาล์มบำรุงก่อนเพื่อปกป้องริมฝีปาก
ทั้งนี้ สาว ๆ ควรหมั่นสังเกตอาการตัวเองหลังใช้ลิปแท่งโปรด หากมีอาการแพ้รุนแรงและไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ผิวหนังต่อไป






