ผลัดเซลล์ผิวหน้าคืออะไร มาทำความรู้จักวิธีดูแลผิวให้กระจ่างใส พร้อมส่องเทคนิคบำรุงผิว เพื่อการเผยผิวสดใส และทำให้แต่งหน้าติดทนขึ้น
การดูแลผิวหน้าเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการผลัดเซลล์ผิวหน้า ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผิวหน้าดูสดใสและเรียบเนียนขึ้น โดยการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป แต่สำหรับหลายคนอาจจะกลัวว่าจะทำให้ผิวระคายเคืองง่าย กระปุกดอทคอมจึงขอพาไปทำความรู้จักว่าการผลัดเซลล์ผิวคืออะไร และมีวิธีดูแลผิวอย่างไรให้กระจ่างใส บอกเลยว่าไม่อันตรายอย่างที่คิด
ผลัดเซลล์ผิวหน้าคืออะไร
การผลัดเซลล์ผิวหน้าคือกระบวนการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหน้า เพื่อเผยผิวใหม่ที่สดใสและเรียบเนียนขึ้น ช่วยให้ผิวสามารถดูดซึมครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวได้ดีขึ้น และลดปัญหาผิวหมองคล้ำหรือสิวอุดตัน
ข้อดีของการผลัดเซลล์ผิวหน้า
สำหรับใครที่สงสัยว่าเราจำเป็นต้องผลัดเซลล์ผิวไหม ทำแล้วดียังไง มาดูข้อดีตามนี้เลยค่ะ
- ผิวหน้าดูสดใสขึ้น : การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้สิ่งสกปรกและความหมองคล้ำที่เคลือบบนผิวหลุดออกไปด้วย จึงช่วยให้ผิวดูมีชีวิตชีวาและกระจ่างใส
- รูขุมขนกระชับขึ้น : เนื่องจากการผลัดเซลล์ผิวจะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของสิว
- ลดเลือนริ้วรอย : การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ
- ผิวดูเรียบเนียนขึ้น : ช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและมีความนุ่มนวล
ผลัดเซลล์ผิวหน้าทำได้กี่วิธี
การผลัดเซลล์ผิวมีหลายวิธี ทั้งทำเองได้ด้วยตัวเองและวิธีทางการแพทย์ ดังนี้
1. ผลัดเซลล์ผิวด้วยสกินแคร์ - เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้หลากหลาย
ขั้นตอนการทำ :
- ทำความสะอาดผิวหน้า
- ทาครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของกรดอ่อน ๆ เช่น กรดผลไม้ (AHA) หรือกรดซาลิไซลิก (BHA)
- ทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่แนะนำ (ประมาณ 10-15 นาที)
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ข้อดี : เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย
- ข้อควรระวัง : ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดหลังการทำ
2. การผลัดเซลล์ผิวด้วยเครื่องมือ - เดี๋ยวนี้มีเครื่องมือหลายแบบที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวหน้าได้ ทั้งเครื่องนวดหน้า แปรงขัดหน้า และสามารถทำได้ด้วยตัวเองเช่นกัน
ขั้นตอนการทำ :
- ทำความสะอาดผิวหน้า
- ใช้แปรงหรือเครื่องนวดหน้าที่มีหัวนวดอ่อนนุ่มนวดเบา ๆ บนผิวหน้าเป็นวงกลม สามารถใช้คู่กับสกินแคร์หรือคลีนซิ่งได้
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ข้อดี : เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวธรรมดา
- ข้อควรระวัง : ควรหลีกเลี่ยงการนวดแรงเกินไป เพื่อป้องกันการระคายเคือง
3. การผลัดเซลล์ผิวด้วยการสครับผิว - อีกหนึ่งวิธีที่หลายคนนิยมทำ เพราะง่าย และสามารถทำได้ด้วยตัวเองเช่นกัน
ขั้นตอนการทำ :
- ทำความสะอาดผิวหน้า
- ใช้สครับที่มีส่วนผสมของเม็ดบีดส์เล็ก ๆ หรือเจลสครับผิว
- ขัดเบา ๆ บนผิวหน้าเป็นวงกลม
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ข้อดี : ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ข้อควรระวัง : ควรเลือกสครับที่มีเม็ดบีดส์ละเอียด หรือเจลสครับผิวสูตรอ่อนโยน เพื่อป้องกันการระคายเคือง
4. หัตถการทางการแพทย์
หัตถการทางการแพทย์เป็นอีกตัวเลือกที่ใช้เวลาไม่นาน แต่สามารถให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยต้องดำเนินการภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย สำหรับการผลัดเซลล์ผิวสามารถใช้ 2 เทคนิคในการทำ ได้แก่
4.1 การเลเซอร์ (Pico Plus Laser)
Pico Plus Laser เป็นเครื่องเลเซอร์ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย เช่น ลดริ้วรอย รักษาหลุมสิวกว้าง ลดรอยแผลเป็น รอยดำรอยแดง และปัญหาผิวอื่น ๆ ด้วยเทคโนโลยี Picosecond Laser ที่ปล่อยแสงเลเซอร์ในระยะเวลาสั้นมาก เม็ดสีใต้ผิวหนังจะถูกทำลายอย่างละเอียด และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
4.2 การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peeling)
Chemical Peeling หรือ Phenol Peel คือการลอกหน้าผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี เพื่อรักษาสิว ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ แก้ผิวหมองคล้ำ โดยรักษาแบบทำลายเซลล์ผิวให้น้อยที่สุด
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการผลัดเซลล์ผิวหน้า
แม้การผลัดเซลล์ผิวหน้าจะเป็นสิ่งที่ดีและควรทำ แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน ดังนี้
- ไม่ควรผลัดเซลล์บ่อยเกินไป : การผลัดเซลล์ผิวหน้ามากเกินไปอาจทำให้ผิวบางและระคายเคืองได้
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด : หลังการผลัดเซลล์ผิวหน้า ผิวจะไวต่อแสงแดด ควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง
- เลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพผิว : ควรเลือกวิธีการผลัดเซลล์ผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ : หากมีปัญหาผิวพรรณ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการทำ
การผลัดเซลล์ผิวหน้าเป็นวิธีที่ดีในการดูแลผิวหน้า แต่ควรทำอย่างถูกวิธีและระมัดระวัง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยสำหรับผิวค่ะ






