จากกระแสดราม่า แสตมป์ อภิวัชร์ ซึ่งโยงไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องมากมาย ทั้ง นิว ภรรยาของแสตมป์ แจม คู่กรณี แก๊ป แฟนของแจม ตลอดจนค่ายและวงดนตรีเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายจากสิ่งที่เกิดขึ้น
ล่าสุด (21 มกราคม 2568) โอม Cocktail ในฐานะผู้บริหารค่ายเพลง Gene Lab ก็ได้ออกมาโพสต์สรุปข้อเท็จจริง ผ่านทางเพจ OHM Cocktail ในฐานะตัวแทนค่าย โดยระบุว่า...
"ได้อ่านความเห็นของหลายท่านเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงขอถือโอกาสนี้สรุปข้อเท็จจริงในฐานะตัวแทนค่ายครับ
จุดเริ่มต้น
ในเบื้องต้นผมรับเรื่องเอาไว้ แต่ได้กล่าวไปว่า Engineer นั้นไม่ใช่ลูกจ้างของค่าย แต่เป็นบุคลากรของวง ทางค่ายจึงไม่มีอำนาจในการจัดการโดยตรง แต่จะสอบถามให้ และได้แจ้งไปว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมาก และผมในฐานะคนกลางยังไม่สามารถออกความเห็นได้ทันทีครับ
หลังจากนั้นเมื่อได้ทำการสอบถามเรื่องราวจากฝั่ง Sound Engineer และแฟน จึงพบว่าเรื่องราวนั้นขัดแย้งกันอย่างมาก และทั้ง 2 ฝ่ายมิได้มีหลักฐานที่จะอ้างอิง เรื่องราวที่กล่าวอ้างได้เลย ในเบื้องต้นจึงได้ทำการตักเตือนไปว่า ห้ามวงเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องดังกล่าว
หากไม่ใช่กรณีที่พนักงานของวงกระทำความผิดต่อหน้าที่ ที่เราสามารถลงโทษได้ เรื่องอื่นใดถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาต้องจัดการด้วยตนเอง มิให้ถือข้าง หรือตัดสินใด ๆ ไปก่อน เพราะธรรมดาเรื่องเกี่ยวข้องกับความรัก หรือปัญหาภายในครอบครัวนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน อาจมองได้หลายมุม และที่สำคัญเป็นเรื่องภายในบ้าน
หลังจากนั้นจึงทำการติดต่อพี่แสตมป์อีกครั้ง และแนะนำไปว่าควรนำเรื่องราวเข้าสู่กระบวนการของศาล และนำเอาพยานหลักฐานของตนเข้าต่อสู้กัน โดยพี่แสตมป์ได้แสดงความกังวลว่าระหว่างทางคู่กรณีอาจใช้โอกาสนี้ในการ พูดหรือให้ร้ายตนและภรรยาได้ และตนไม่สบายใจจากการข่มขู่ ผมจึงได้ทำการรับรองไปว่าจะกำกับและดูแลไม่ให้มีการพูดถึงกันไม่ว่าในสื่อใดและช่องทางใดในขอบเขตที่ผมมีอำนาจ ในระหว่างที่มีการพิพาทกันในชั้นศาล เนื่องจากเห็นความสำคัญว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีส่วนบุคคลไม่ควรมีผู้ใดล่วงรู้ ทั้งนี้ รายละเอียดในการพิจารณาคดีหรือการพิพาทใด ๆ หลังจากนั้นทางเราไม่ได้รับทราบอีกต่อไป
แสตมป์บอกชนะคดี แต่อีกฝั่งบอกไม่ใช่ แต่ก็น่าจะต่างคนต่างอยู่
หลังจากนั้นเวลาผ่านไป ไม่ได้มีการติดต่อใด ๆ จากฝั่งพี่แสตมป์อีก จนกระทั่งพี่แสตมป์ได้ติดต่อมาว่าตนได้ชนะคดีแล้วและได้รับค่าเสียหายในคดีฟ้องชู้ รวมถึงได้มีคำสั่งของศาลมิให้ทั้ง 2 ฝ่าย พูดถึงกันในทางเสียหายอีกต่อไป ซึ่งสิ่งนี้น่าจะพิสูจน์ได้ว่าเรื่องชู้ที่ทางพี่แสตมป์กล่าวอ้างเป็นเรื่องจริง ขอให้แจ้งกับทาง Tilly Birds เพื่อรับทราบ เพื่อจะได้จัดการประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีคุกคามมิได้ถูกกล่าวถึง และมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการห้ามเข้าใกล้
เมื่อผมแจ้งให้กับทาง Tilly Birds ความปรากฏต่อไปว่า ทาง Sound Engineer และแฟน ยืนยันว่ามิได้แพ้คดี แต่ยอมประนีประนอมยอมความเพียงเพื่อให้เรื่องจบ และตนมิได้เป็นชู้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการพิพาทต่อไปผมจึงแจ้งพี่แสตมป์ว่าให้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่าชนะคดี ซึ่งมีความหมายกว้างแต่ให้เลือกแจ้งคนโดยทั่วไปว่าคดีจบลงโดยการประนีประนอมยอมความ โดยฝ่ายจำเลยยอมชำระค่าเสียหาย ซึ่งมีความหมายตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายสามารถนำเอาข้อดังกล่าวมาโต้แย้งพี่แสตมป์ได้อีก
ในขณะนั้นได้ผมตระหนักว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องของการไม่ยอมรับและเป็นความเชื่อที่ทางค่ายไม่สมควรเข้าไปก้าวล่วง และในเมื่อมีคำสั่งศาลให้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่พูดถึงกันอีกต่อไป ผมจึงคิดว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะต่างคนต่างอยู่ และไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไปแล้ว
ทั้งนี้ ได้กำชับกับ Tilly Birds อีกครั้งว่าไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวใด ๆ ทั้งสิ้น โดยทางฝ่าย Sound Engineer ได้ให้คำมั่นว่ามีความตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป ในขณะนั้นทางค่ายเกิดความสบายใจเพราะไม่ว่าสถานะของความเป็นชู้นั้นจะจริงหรือไม่ ไม่ว่าใครจะเชื่ออย่างไร มิได้สำคัญ เพราะต่างคนสามารถที่จะแยกย้ายไปมีชีวิตหรือทำงานในส่วนของตัวเองได้แล้ว
แสตมป์ไม่สบายใจ ขอไม่ให้คู่กรณีเข้ามาทำงาน ทำไมค่ายเพิกเฉย
เวลาผ่านไประยะใหญ่ ทางเราได้ยินประปรายว่าพี่แสตมป์มีความไม่สบายใจจากการพบเจอ Sound Engineer ตามงานต่าง ๆ จากบุคลากรในสายงาน หลายท่าน โดยพี่แสตมป์ได้บอกเล่าเรื่องราวชู้สาวของตนเองให้กับหลายท่านให้ได้ทราบ และพี่แสตมป์ได้ติดต่อมาผ่านผู้ใหญ่ในวงการท่านอื่นว่ามีความไม่สบายใจที่พบเจอแฟนของ Sound Engineer ในงาน Monster Music Festival ที่ในขณะนั้นมาช่วยงานที่บูธของศิลปิน เป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่ให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาทำงาน
ผมยอมรับว่าเพิกเฉยต่อคำขอ เนื่องจากไม่สามารถใช้ความไม่สบายใจส่วนบุคคล ไปจำกัดสิทธิ์ของ Tilly Birds ในการเลือกบุคลากรที่จะมาช่วยงานได้ โดยทางเราไม่ทราบมาก่อนว่านอกจากความไม่สบายใจแล้ว ยังมีเรื่องพิพาทของ 2 ฝ่ายดำเนินอยู่ ประกอบกับไม่ได้รับรายงาน หรือพยานหลักฐานใด ๆ เพิ่มเติมเลยว่ามีการพิพาทระหว่าง 2 ฝ่ายเกิดขึ้นภายหลัง
คลิปแสตมป์จุดดราม่า ทำไมตอนนั้นค่ายไม่พูดอะไร
ในเวลาต่อมาหลังจากมีการพูดของพี่แสตมป์บนเวทีงานคอนเสิร์ตอันเป็นประเด็นให้ถกเถียงนั้น ข้อเท็จจริงจำนวนมากได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เข้าใจ ประเด็นบางส่วนถูกข้ามไป และบางส่วนถูกเพิ่มเติมขึ้นมา นำมาสู่ประเด็นปัญหาจนกลายเป็นข้อถกเถียงลุกลามอย่างที่ทุกท่านได้ทราบกัน จนความเสียหายลามมาถึงค่ายและ Tilly Birds
ด้วยข้อมูลจำนวนมาก และข้อกล่าวอ้างหลายอย่างเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ หลายข้อไม่สามารถพิสูจน์ได้ จึงเป็นการยากที่จะมีความเห็นใด ๆ จากค่าย
ประเด็นเรื่องคุกคามกลายเป็นประเด็นใหม่ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบพยานบุคคลทั้งบุคคลที่สาม บุคคลภายนอก และพยานแวดล้อมอื่น ๆ ค่อนข้างเห็นไปได้ว่าเป็นการพิพาทระหว่างคู่กรณีที่ไม่ถูกกัน เมื่อพบเจอกันก็มีการกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา
ประกอบกับช่วงเวลาที่พี่แสตมป์กล่าวอ้างว่ามีการคุกคามในลักษณะซาแซงบนเวทีนั้น ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าพี่แสตมป์กับแฟนของ Sound Engineer อาจมีพฤติกรรมคบหากันอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว พี่แสตมป์จึงกลายเป็นพยานบุคคลที่มีน้ำหนักน้อยในเวลานั้น เป็นผลให้ทางค่ายไม่เทกแอ็คชั่นใด ๆ ในเบื้องต้น เพราะยังไม่อาจเข้าใจเจตนาของพี่แสตมป์ได้เลย
เรื่องทั้งหมดที่พี่แสตมป์พูดบนเวทีมีโอกาสจะเป็นเรื่องที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงและยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ในข้อใดทั้งสิ้น เนื่องจากไม่มีพยานเอกสารหรือบุคคลรองรับ
จุดเปลี่ยนที่โหนกระแส แก๊ป ตอบปมข่มขู่
ต่อมาในคืนก่อนหน้าที่ทาง Sound Engineer ได้ตัดสินใจไปรายการโหนกระแส ผมได้ปรึกษากับทางพี่หนุ่มถึงทิศทางในการพูดคุย เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงมากที่สุด รวมถึงการชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือต่าง ๆ ในรายการ โดยพี่หนุ่มให้ความเห็นไว้หลายข้อ และเมื่อสถานการณ์ ณ ขณะนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่าง 2 ฝั่ง โดยไม่เกี่ยวข้องกับ Tilly Birds อีกต่อไปจึงมิใช่หน้าที่ของค่ายที่จะต้องกำกับดูแล เนื่องจากบุคคลดังกล่าวไม่ใช่พนักงานของค่าย
ในเวลาต่อมาเมื่อรายการดำเนินไป ในส่วนของการตอบคำถามในประเด็นข่มขู่ของตัว Sound Engineer นั้น แม้ว่าเจ้าตัวจะมิได้เป็นคนยื่นฟ้อง และมิได้มีส่วนในการใช้พยานหลักฐานบางประเภทซึ่งแม้จะรวมอยู่ในลักษณะพยานหลักฐานอันเป็นชุดที่ไม่สามารถแยกออกจากกันหรือตัดทอนได้มาต่อรองในการดำเนินคดี แต่เจ้าตัวก็ยืนยันด้วยตนเอง ว่าทนายฝั่งแฟนสาวได้มีการหยิบเอาประเด็นนี้มาใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวมิเคยได้กล่าวหรือชี้แจงใด ๆ ในรายละเอียดมาก่อนต่อวงหรือค่าย
เท่ากับว่าเป็นการรับรองสิ่งที่พี่แสตมป์พูดบนเวทีในข้อนี้โดยไม่โต้แย้ง ซึ่งต่อให้อ้างว่ามิได้มีเจตนา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าการกระทำดังกล่าวส่งผลให้ความสามารถในการต่อสู้คดีของพี่แสตมป์ในประเด็นอื่น ในคดีที่พิพาทกันและคดีอื่น ลดลงอย่างมาก เป็นเหตุให้ไม่ได้รับความยุติธรรม ซึ่งในกรณีดังกล่าวทางเราทั้งหมดไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุน
ข้อเท็จจริงทั้งหมดนี้ที่เรียนมาผมได้ถือโอกาสนี้ส่งให้พี่แสตมป์และนิว รวมถึงฝั่งของ Sound Engineer และแฟนสาวรับรองในฐานะคนกลาง เพื่อขจัดข้อข้องใจระหว่าง 2 ฝ่าย รวมถึงทางค่าย และขออนุญาตเผยแพร่เพื่อขจัดปัญหาของการตีความอื่นใดของบุคคลภายนอก ขอบพระคุณพี่แสตมป์ นิว และทางฝั่ง Sound Engineer ที่ให้ความกรุณาด้วยครับ
ขออภัยทุกท่านที่ออกมาชี้แจงช้า แต่เนื่องจากยากที่จะเขียนเรื่องนี้ให้จบถึงบทสรุปได้ในครั้งเดียว หากเรื่องนี้ไม่จบแล้วจริง ๆ หรือปรากฏพยานหลักฐานแล้วจากทุกฝ่าย เกรงว่าต่อให้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้ก็รังแต่จะสร้างข้อถกเถียงและความขัดแย้งโดยไม่จำเป็นครับ
ขอบพระคุณครับ"