วิธีแต่งหน้าผู้ประกาศข่าว งานนี้ไม่ต้องพึ่งช่างแต่งหน้าเลยล่ะค่ะ สวยเป๊ะจริง ๆ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 1540913 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Bewtiieez Dewiiz
กลับมาอีกแล้วกับการอัพเดทวิธีแต่งหน้าแบบเริด ๆ ที่วันนี้กระปุกดอทคอมได้นำวิธีการแต่งหน้าลุคจัดเต็มจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 1540913 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝากสาว ๆ ที่กำลังมองหาวิธีแต่งหน้าเพื่อออกงานทางการ ซึ่งจำเป็นต้องแต่งตัวเนี้ยบ สวยแน่นทั้งเสื้อผ้า หน้าผม อย่างงานพิธีกร ผู้ประกาศข่าว หรือแต่งออกงานปาร์ตี้สุดหรู เผื่อว่าบางคนอยากจะสวยฟินโดยไม่ง้อช่างแต่งหน้า จะได้สวยเป๊ะโดนใจ และไม่ต้องเป็นกังวลว่าช่างจะแต่งให้คุณได้สวยถูกใจหรือเปล่า เพราะคุณแต่งสวยเองได้จ้า... ^^
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของการรีวิวแต่งหน้าของเรา ผิดพลาดขออภัยนะคะ ก่อนอื่นแนะนำตัวเองก่อน เราชื่อบิวตี้นะคะ ไม่รู้ว่าชาว pantip จะเคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนหรือเปล่า
เราทำงานเกี่ยวกับวงการบันเทิง - สื่อ เป็นผู้ประกาศข่าว พิธีกร MC event นักร้อง นักดนตรี แล้วก็เคยเป็นหนึ่งในสาวโสดใน take me out Thailand season3 (นานโฮก) ไม่รู้มีใครเคยเห็นเราในทีวีหรือตามร้านอาหารที่เราร้องเพลงบ้างหรือเปล่า หรือเราอาจจะเคยไปร้องเพลงในงานแต่งงานของคุณ ถ้าเคยเห็นหรือจำกันได้ คอมเม้นท์ทักทายกันได้นะคะ ^_^
"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
วันนี้เราจะมาโซโล่ให้ดูกันค่ะ ไปกันเลย...
เริ่มจาก Before & After
วันนี้เราจะมาโซโล่ให้ดูกันค่ะ ไปกันเลย...
เริ่มจาก Before & After
1. before แบบจริง ๆ ไม่อิงนิยาย ฆ่าตัวตายสุด ๆ
2. After หลังจากแต่งหน้าเสร็จ
3. After หลังจากทำผมเสร็จ
เดี๋ยวเราไปติดตามแต่ละขั้นตอนกันค่ะ
งานตา
เราเป็นคนตาสองชั้นแบบไม่เท่ากันค่ะ อายุเริ่มเยอะ หนังตาเริ่มห้อย ก็เลยต้องพึ่งสติ๊กเกอร์ติดตาสองชั้นค่ะ เราจะแนะนำว่า ยี่ห้อ Malain เวิร์คนะคะ ราคาไม่แพง หาซื้อได้ตามตลาดนัด (แต่ต้องเป็นสีใสนะ ไม่ใช่สีเนื้อที่ขายกันเยอะ ๆ คือ แผ่นที่แปะสติ๊กเกอร์ จะเป็นแผ่นใสอ่ะค่ะ แต่หายากอ่ะ เราตามหาอยู่นานมาก กับยี่ห้อที่ขายในไดโซะสีเนื้อ ก็โอเริดอยู่ แต่อีกยี่ห้อที่เป็น 3D อะไรนั่นไม่เวิร์คสำหรับเรา
ไปดูความแตกต่างกัน
จะสังเกตได้ว่าตาข้างซ้ายเราเห็นชั้นตาได้ชัดขึ้น แต่ก่อนเราติดข้างเดียว แต่เดี๋ยวนี้ติดสองข้าง เพราะอยากแบ๊ว อิอิ
PS ต้องติดตอนหน้าสดเท่านั้นนะคะ อย่าเพิ่งลง skin care รองพื้นใด ๆ คือ ล้างหน้า เช็ดลำสี ปาด toner รอแห้ง แล้วติดเลยค่ะ เพราะถ้าติดตอนลง skin care รองพื้นแล้ว สติ๊กเกอร์จะไม่ค่อยติดหรือหลุดง่ายค่ะ
งานฉาบหน้า / รองพื้น
คือจริง ๆ แล้วหลาย ๆ คนคงต้องทาครีมกันแดดกันใช่ไหมคะ แต่สำหรับเรา ไม่ค่ะ เพราะเราเป็นคนเป็นสิวง่าย หน้ามัน หนังหน้าไม่ดี สิวขึ้นทีละเป็นหลุม รอยแดงสามชาติกว่าจะหาย
คือเคยคุยกับคุณหมอ คุณหมอบอกว่า สาเหตุนึงของการเกิดสิว มาจากครีมกันแดดเนี่ยแหละค่ะ เค้าบอกว่า ครีมกันแดดประสิทธิภาพจริง ๆ กันได้แค่ 4 - 5 ชม แต่เราออกจากบ้านตั้งแต่เช้ายันมืด (เพราะร้องเพลงกลางคืนด้วย) สารกันแดดที่หมดสภาพไปแล้ว ไม่ได้ช่วยอะไรแถมยังคงความมันค้างอยู่ในผิวด้วยค่ะ เราเลยบายกับครีมกันแดดไปเลย หมอบอกว่าให้พกร่ม หรือจริง ๆ แค่กระดาษแผ่นเดียวมาบังหน้าไม่ได้แดดโดนหน้าแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ เค้าบอกว่าเราโดนการตลาด โฆษณาเล่นงาน ปลูกฝังความเชื่อแบบผิด ๆ เอาเป็นว่า นานาจิตตังละกันนะคะ บอกไว้เป็นข้อมูล ^_^
มาดูผู้ช่วยของความสวยงามกันดีกว่าค่ะ
ท้าดา... ผู้ช่วยความงามของเราในวันนี้ (และหลาย ๆ วัน) ของเราได้แก่
1. Base KISS ค่ะ ตัวนี้คุมมันเริ่ด ราคา 600 กว่าบาท (ร้านหิ้ว) ตัวนี้มี spf 26 ด้วย ก็กัน ๆ แดดกันไปในตัว
2. รองพื้น Estee double wear ตัวนี้ก็เริด อีกเช่นเดียวกัน เป็นลูกรักที่สุด แต่เหมาะกับงานที่ต้องการลุคแน่น ลุคเป๊ะ งานเนี้ยบ เช่น ดารา ออกอีเว้นท์ งานรับปริญญา งานแต่งงาน แนะนำเลยค่ะ คุมมันเริดเฟ่อ แต่หน้าจะดูโบก ๆ หน่อยนะคะ เหมือนฉาบหน้าไปเลยอ่ะค่ะ เริดอีกอย่างคือ เราไม่แพ้ ราคาประมาณ 1600 บาท ในช้อป
3. concealer 3 หลุมของ Oriental Princess ราคา 199 มั้ง ไม่รู้จำไม่ได้ ปกติไม่ค่อยหยิบมาใช้ แต่วันนี้ดันใช้แล้วก็เอามาถ่ายรูป แล้วก็ fail คือปกติเราไม่ใช้ไง พอจะมารีวิวลองใช้ดูหน่อย เอามาปาดใต้ตาปุ๊บ รองพื้น estee เราหลุดเลยจ้า สงสัยต้องใช้แปรงช่วย (หรือเปล่า ?) ช่างมัน เอาเป็นว่า ถ้าใครจะใช้ ตัวนี้ก็ใช้ได้ ในราคาน่ารัก ๆ สบายกระเป๋า คุณภาพเหมาะสมกับราคา
4. แปรง buffing blush ของ real technique แปรงนี่เป็นตัวช่วยสำคัญจริง ๆ นะคะ ให้รองพื้นที่เราทาดูเรียบเนียนดูดี ใครยังไม่มีไปหาครอบครองซะ !! แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน หุหุ
เราจะบอกว่าแปรงของ RT เรามีหมดเลย ทั้ง core collection ทั้งแปรงปัดแก้ม แปรงปัดแป้ง ชุดทาตา ขาด spong อย่างเดียวนี่แหละ เค้าว่า sponge ก็เริด ใครเคยใช้ทั้งแปรงทั้ง sponge มาแนะนำหน่อยนะคะ ว่าอันไหนเริดกว่ากัน
5. แป้งฝุ่น luara สี translucent ด้วยค่ะ ลืมถ่าย แหะ ๆ
เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าผลลัพธ์ออกมาเป็นไง
ขอลงรูปใหญ่หน่อยนะคะ อย่าตกใจกลัวเค้าล่ะ จะให้เห็นความแตกต่าง ครึ่งหนึ่งลงรองพื้น กับอีกครึ่งหนึ่งยังค่ะ จะเห็นได้ว่า หน้าสดจะแดง ๆ หน้าฝั่งลงรองพื้นจะเหมือนฉาบ ๆ ไปเลย แล้วแต่คนชอบนะคะ รองพื้นตัวนี้จะไม่ได้ natural look นะคะ คืองานหนา เนี้ยบค่ะ
งานคิ้ว
ผู้ช่วยของเราคือ
1. ดินสอสีน้ำตาลแดงจาก beauty buffet ใช้มาเป็นแท่งที่ 5 จริง ๆ ใช้แท่งนี้แท่งเดียวก็พอแล้วนะคะ ราคาประมาณเหยียบ ๆ 300 อ่ะค่ะ
2. สีเขียนคิ้วจาก nice shop ซื้อตามตลาดนัด 50 บาท เห็นเขาว่าดี+ช่างแต่งหน้าแนะนำเลยไปหาซื้อมา สีชัด สีแน่น เอาไว้เกลี่ย ๆ เติม ๆ หัวคิ้วก็ได้ค่ะ
1. วาดกรอบคิ้ว โดยเว้นช่วงหัวคิ้วไว้ค่ะ
2. เอาฝั่งแปรง มาปัด ๆ โดยวิธีการปัดของเรา ไม่ได้ปัดปรืด ๆ นะคะ แต่เป็นการค่อย ๆ กดไล่ ๆ เกลี่ย ๆ ค่ะ ส่วนช่วงหัวคิ้วก็ให้เบามือหน่อยนะคะ
3. เปรียบเทียบทั้ง 2 ข้างค่ะ
จริง ๆ เราก็เขียนคิ้วไม่ค่อยเป๊ะนะคะ ไม่ค่อยคมเท่าไหร่ น่าจะเป็นเรื่องของความคมของหัวดินสอด้วย วันนี้เลยออกมาได้เท่านี้อ่ะค่ะ แหะ ๆ
อ้อ มีคนถามเรื่องคิ้ว บิวตี้สไลด์คิ้วอ่ะค่ะ มันจะไม่ใช่สัก 3 มิติ คือถ้าสักมันจะติดตัวไปเลยใช่มั้ยคะ บิวตี้เลยเลือกสไลด์แทน เพราะ 1–2 ปี มันก็จะหายไปแล้วอ่ะค่ะ แล้วก็ต้องไปสไลด์ใหม่ ที่ทำแบบนี้เพราะว่า บิวตี้เคยไปเป็นพิธีกรงานหนึ่งสัมภาษณ์อาจารย์เรื่องโหวงเฮ้งหน้าอ่ะค่ะ เค้าบอกว่า พวกที่ชอบไปสักคิ้ว พอแก่ไปแล้วคิ้วก็ห้อย คิ้วก็ตก ทำให้โหวงเฮ้งไม่ดี เลยไม่กล้าสัก
แต่เอาจริง ๆ เราแอบเสียดายตังนะ ตั้ง 4000 (ไม่รู้ขึ้นราคาหรือยังนะคะ) สุดท้ายก็ต้องเขียนคิ้วเองอยู่ดี ร้านที่บิวตี้ทำอยู่ที่ยูเนี่ยนมอลล์ ร้านดูสภาพไม่ได้ไฮโซอ่ะค่ะ มีเตียงสระผมและก็มีเครื่องสัก ร้านนี้พริตตี้ทำกันเยอะค่ะ ได้ข่าวมาอีกทีเหมือนกันเลยไปทำดู
งานเปลือกตา
ผู้ช่วยของเราคือ
ขออนุญาตเรียงตามลำดับวิธีการใช้นะคะ
1. ลง Primer ของ Kate ทั่วเปลือกตาก่อน ราคาประมาณ 450 บาท+มีให้เลือก 2 แบบ แบบมีกลิตเตอร์กับไม่มี ของดี อายแชร์โดว์ติดทน แต่การใช้งานลำบาก เพราะถ้าใช้นิ้วปาด เวลาเล็บยาวมันจะใช้ไม่ได้อ่ะค่ะ อาจต้องเอาแปรงปาดเอา แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่เวิร์คเท่าเอานิ้วปาด เห็นเขาว่า Too face ดี จะรอสอยอยู่ แต่อันนี้ไม่หมดสักที ใช้งานได้นานมาก ๆ เลยค่ะ
2. eye palette สุดฮิตอย่าง Naked 3 เราใช้สีที่ 6 (trick) กับสีสุดท้าย (blackheart) ซึ่งสามารถทดแทนได้กับ KMA รุ่นนี้ ราคาจำไม่ได้แต่ไม่แพง สีจะอ่อนกว่า Trick หน่อยนึง แต่จะน้ำตาลอ่อนลุคใส ๆ กว่า ส่วน blackheart ก็เอาสีน้ำตาลและดำผสมกัน ทาตาโทนนี้สามารถแต่งได้ทุกวันค่ะ ถ้าไม่อยากซื้อ naked ก็ลองเอา KMA เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกก็ได้ค่ะ
3. บรรดาแปรงหัวต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป
4. ดินสอเขียนขอบตาจาก KMA อีกเช่นเดียวกันค่ะ
เราเป็นคนนีงที่ตาแพ้ดินสอเขียนขอบตา เคยใช้ in2it ที่เค้าว่าดีก็แพ้ ลองมาใช้ตัวนี้ดูไม่แพ้ค่ะ ลองดูนะคะ เผื่อเป็นอีกทางเลือกค่ะ
ขั้นตอนการแต่ง
1. ทา primer ทั่วเปลือกตา และทาสี trick ลงไปกลางตา เว้นหัวตา
2. คัดเบาด้วยสี blackheart
3. หลับตาแล้วจะเป็นแบบนี้
4. ลืมตาจะเป็นแบบนี้
5. เอาสีน้ำตาลของ KMA ทาใต้ขอบตา โดยใช้แปรงหัวกลม ๆ
6. ลักษณะที่ได้หลังทาเสร็จ
7. เขียนขอบตาด้วย KMA และเอาแปรงหัวแบนมาจิ้มสีขาวชมพูมุขจาก KMA มาทาหัวตาทั้งข้างล่างและบนหัวเปลือกตา (ที่เมื่อกี้เว้นไว้)
งานตาฟรุ้งฟริ้ง กะดุ๊งกะดิ๊ง
1. ขนตายี่ห้อ "บอกต่อ" โอ๊ย..คุณเธอขา เริดอีกแล้วค่ะ ขนตาจากจีน ฮ่องกงอะไรทั้งหลายแหล่ มาเจอขนตาไทยยี่ห้อนี้ บอกได้เลยว่า เริดลืมจ้ะ ด้วยลักษณะของบอกต่อ ที่จะโค้งงอน เด้ง ไม่ทิ่มลง เราเลยเป็นแฟนของบอกต่อมีเป็นสิบ ๆ กล่องเลย ส่วนเบอร์นี้ที่เราใช้คือ P-048 ค่ะ
2. ถ้าอยากจะฟรุ้งฟริ้งจัดเต็ม ต้องปัด ๆ มาสคาร่าเข้าไปเยอะ ๆ นะคะ โดยเฉพาะขนตาล่าง เอาให้แน่น ซึ่งมีตัวช่วย 2 ตัวคือ
2.1 ของลอริอัล รุ่นนี้ จะปัดแล้วยาว เรียงตัวดี
2.2 รุ่นอ้วนดำของเมย์เบลลีน อันนี้เอาไว้ปัดรอบ 2 จะทำให้ขนตาหนาขึ้นไปอีก ถ้าไม่อยากติดขนตาล่างปัด ๆ มันเข้าไปค่ะ
3. ที่ดัดขนตาของ shisedo อันนี้ก็เริดพอ ๆ กับ shu แต่เราว่า shi ดีกว่านะ มี refill แถมด้วย 400 กว่าบาท ร้านหิ้ว หนีบให้ขนตาเด้ง ๆ ก่อนปัดมาสคาร่าและติดขนตาจ้า
4. อันนี้ลืมถ่ายรูปลงไป
4.1 eye liner ของ Lifeford ถือว่าโอเคค่ะ ใช้มาเกือบ 10 แท่งแล้ว
4.2 กาวติดขนตา duo สุดโด่งดัง คือ ติดทน แน่นนานจริง ๆ แต่เราถามคนใช้ duo หน่อยสิคะ กลิ่นมันเหม็นเค็ม ๆ ป่ะ เราเคยคิดว่าของเราเสีย พอไปซื้อใหม่ กลิ่นเหมือนกันเลย แต่เราซื้อร้านเดิมนะ เลยอยากจะรู้ว่าของคนอื่นเหม็นเค็ม ๆ ไหมคะ
งานฟรุ้งฟริ้งมาแล้ว...
1. กรีด eye liner
2. ปัดขนตาแน่น ๆ
3. ติดขนตา
สเต็ปนี้เป็นสเต็ปที่ต้องจัดหนัก ๆ นะคะ เพื่อความแน่น ความฟูค่ะ ขั้นตอนนี้เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่จะทำให้ตาดูโตเลยนะคะ
งาน contour / hilight / ปัดแก้ม / ไล้ดั้ง
1. ตัว shading หน้า 2 ยี่ห้อ
1.1 อันใหญ่จะให้ความ glow
1.2 อันเล็กของ catrice จะให้ความแมตต์
2. แป้ง stay matte เราเอามา hilight ใต้คิ้ว ใต้ตา ร่องแก้ม
3. แปรง มี 2 อัน คือ
3.1 แปรงหัวแบนปลายปาด เพื่อเอาไว้รับกับความโค้งของคิ้ว
3.2 contour blush จาก RT เอาไว้ shading กรามและกรอบหน้า
4. ที่ปัดแก้ม ของ MTI เพราะมีทุกสี ผสมกันได้ อยากได้แดงหน่อยก็ปัดเข้มหน่อย ถ้าระเรื่อ ๆ ก็ผสมกับชมพูอ่อน
5. ที่ปัดแก้มของ KMA ที่เราไม่ใช้ RT ปัดทั้ง ๆ ที่มีเพราะ เราหน้าเล็ก แปรง RT เวลาปัดแล้วแอบใหญ่ไปหน่อยสำหรับหน้าเราค่ะ คุณภาพไม่ได้เริดนะคะ ไม่ได้นิ่มเท่า RT แต่ size มันได้แค่นั้นเอง
โอเคไปดูกันเลยค่ะ ^^
1. ปัดแก้ม
2. ปัด catrice ลงบริเวณกราม
3. ไล้ดั้งด้วย catrice
4. เอาตัว glow ปัด ๆ บริเวณที่เรา shading ซ้ำเบา ๆ อีกทีค่ะ และก็ปัด ๆ ทั่วหน้าด้วย เพราะเราอยากให้หน้าเราแทน ๆ หน่อยค่ะ เวลาเข้ากล้อง หน้าจะได้ไม่วอก ลอย ^^
งานปาก
ด้วยความขี้เห่อ เราเพิ่งไปสอย wet n wild มา ราคาแท่งละ 130 บาท สี think pink กับสี peachy
ด้วยความเห่อ เราเลยจับทั้งสองสีมาผสมกันเลยดีกว่า ได้ออกมาเป็นแบบนี้
และนี่ก็คือ Before และ after ไฟในห้อง
ไฟแดด + ปล่อยผมไปก่อน
งานผม (ช่างที่ช่องทำให้นะคะ) เผื่อใครอยากเอาไปเป็นแบบผม
ด้านหน้า / ด้านหลัง
ด้านซ้าย - ด้านขวา
ด้านซ้าย - ด้านขวา
เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็จะเป็นแบบนี้ ^^
และในจอก็จะเป็นแบบนี้
เย่ ๆ จบแล้วกับการรีวิว ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับการติดตามรับชม สำหรับวันนี้ลากันไปก่อน บาย...
ต้องบอกว่าลุคนี้เป็นลุคที่คุ้มจริง ๆ เลยนะคะ เพราะนอกจากจะสอนวิธีแต่งหน้าขั้นเทพแล้ว ยังแถมท้ายด้วยการนำทรงผมสวย ๆ มาฝากเป็นไอเดียให้คุณสาว ๆ ได้กลับไปลองแต่งสวยกันดู ว้าว... หน้าแน่นผมเป๊ะกันแล้ว งานนี้ไม่มั่นใจก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วล่ะค่ะ ^^
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ