สิวหัวหนอง เกิดจากอะไร เผยสาหตุและ วิธีรักษาสิวหัวหนอง แบบธรรมชาติ ไม่พึ่งสารเคมีที่เป็นอันตราย มาดูกันว่ารักษาสิวหัวหนอง ทำยังไง ถึงจะหยุดปัญหานี้ได้
แม้ว่าปัญหาสิวของสาว ๆ จะมีอยู่หลายชนิดแตกต่างกันไป ทั้ง สิวหัวช้าง สิวผด สิวเสี้ยน สิวที่คอ แต่สิวที่กวนใจเพราะดูเด่นชัดมากที่สุดคงไม่พ้นสิวหัวหนอง เพราะสิวชนิดนี้มีลักษณะเป็นตุ่มสีขาวขุ่น ใช้แป้งหรือเครื่องสำอางตัวไหนมากลบก็ไม่มิด มีเพียงทางเดียวที่ช่วยได้คือ ต้องหา วิธีรักษาสิวหัวหนอง เท่านั้น ถึงจะลดความเด่นของสิวเม็ดนั้นออกไปจากใบหน้าเราได้
เพื่อช่วยให้สาว ๆ แก้ปัญหาสิวหัวหนองได้แบบอยู่หมัด วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอเอาสาเหตุและวิธีรักษาสิวหัวหนองมาฝากกัน ทำยังไงได้บ้าง มาดูกันเลย
สิวหัวหนองเกิดจากอะไร ?
1. เกิดจากไขมันอุดตัน
การผลิตเหงื่อและไขมันที่มากเกินไป นอกจากจะทำให้สาว ๆ ดูหน้ามันมากกว่าปกติแล้ว เจ้าไขมันเหล่านั้นอาจไปสะสมตรงรูขุมขนของเราจนหนา แล้วเมื่อทำความสะอาดได้ไม่ดีพอก็จะทำให้เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวหัวหนองได้นั่นเอง
2. ทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ไม่ดีพอ
เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวที่เราทาทุกวัน หากทำความสะอาดออกไปไม่หมดหรือทิ้งคราบเอาไว้ เมคอัพและครีมก็จะกลายเป็นสิ่งสกปรกที่ผิวหน้าไม่ต้องการในทันที นานวันเข้าก็จะอุดตันรูขุมขนจนมีสิวหัวหนองขึ้นมา
3. ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป
ระดับของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากจะส่งผลต่ออารมณ์และอวัยวะบางส่วนแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงนี้คือสิวที่ขึ้นมาบนหน้านั่นเอง โดยเฉพาะสิวอักเสบและสิวหัวหนองที่ขึ้นมาได้ง่ายมาก ต่อให้รักษาระดับฮอร์โมนได้คงที่แล้ว สิวเหล่านี้ก็อาจเป็นต่อได้อีกสักระยะ
4. รักษาสิวอุดตันได้ไม่ดีพอ
สิวอุดตัน เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนบนผิวหน้า ทั้งจากเหงื่อไคล และจากเครื่องสำอางต่าง ๆ ที่เราใช้ เมื่อไรก็ตามที่รักษาสิวอุดตันได้ไม่ดีพอ มันก็จะปวดแดงจนกลายเป็นสิวอักเสบ และพัฒนามาเป็นสิวหัวหนองได้ในที่สุด
วิธีรักษาสิวหัวหนอง
1. ใช้สมุนไพรพอกตรงจุดที่เกิดสิว
ลองหาผงสมุนไพรตามร้านสะดวกซื้อ หรือใครถนัดผสมเองก็ลองนำเอา ผงทานาคา ผงขมิ้น และผงไพร มาผสมรวมกันอย่างละครึ่งช้อนชา ผสมน้ำเล็กน้อยพอเป็นครีมข้น จากนั้นก็เอามาพอกตรงสิวหัวหนองข้ามคืน สมุนไพรเหล่านี้จะช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและขจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว เพียงเท่านี้สิวหัวหนองก็จะยุบลงได้แล้ว
2. ใช้แผ่นดูดสิวช่วยซับสิวหัวหนอง
แผ่นดูดสิวแผ่นเล็ก ๆ มักมีส่วนผสมของไฮโดรคอลลอยด์ ซึ่งสารนี้จะเข้าไปดูดซับของเหลวได้เป็นอย่างดี พอเอามาแปะบนสิวหัวหนองไว้ข้ามคืนก็จะดูดสิวจนยุบเกลี้ยง แล้วถ้าปิดต่อไว้อีกสัก 1 วัน ก็ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวโดนฝุ่นละออง หรือแบคทีเรียที่เข้ามาทำลายแผลสิวได้ด้วย
3. ใช้ครีมหรือเจลผลัดเซลล์ผิว
ใช้ครีมหรือเจลที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก ความเข้มข้นตั้งแต่ 0.5-2 เปอร์เซ็นต์ ทาลงบริเวณที่เกิดสิวหัวหนองเป็นประจำทุกวัน วันละ 3 ครั้ง จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและลอกสิวออกไปได้ อีกทั้งยังช่วยลดความมันบนผิวลง รูขุมขนจึงกระชับ เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องแผลเป็นจากสิวก็จะจางลงอีกด้วย
4. สิวหัวหนอง ควรกดไหม ทำอย่างไรให้ถูกวิธี
สิวหัวหนองที่อยู่บนหน้านานเกินไปไม่ยอมยุบสักที สามารถกดได้โดยใช้แท่งกดสิวกับเข็มสะกิดหัวสิว ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ต้องผ่านการล้างและเช็ดด้วยแอลกอฮอล์มาอย่างดีแล้ว ขั้นตอนคือให้ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดลงหัวสิวที่ต้องการกด ต่อมาใช้ปลายเข็มสะกิดอย่างเบามือลงบนหัวสิว แล้วใช้แท่งกดหัวสิวกดลงไปตรงหัวสิวจนกว่าหนองจะไหลออกมาหมด แนะนำว่าควรทำทุกขั้นตอนอย่างเบามือที่สุดเพื่อให้แผลไม่กินบริเวณกว้างและช้ำเกินไป ปิดท้ายด้วยการเช็ดแผลให้สะอาด และพยายามเลี่ยงเครื่องสำอางชนิดฝุ่นจนกว่ารอยสิวจะแห้ง แต่หากใครไม่สะดวกกดสิวเองก็ให้แพทย์ผิวหนังตามคลินิกช่วยกดสิวได้เช่นกัน
5. ปรับระดับฮอร์โมน
วิธีป้องกันสิวหัวหนอง
1. รักษาความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี
หากใครที่ชอบแต่งหน้าเป็นประจำ ควรใช้คลีนเซอร์สำหรับเช็ดเครื่องสำอางโดยเฉพาะเช็ดเมคอัพทั้งหลายให้หายไปจนไม่เหลือคราบสีบนสำลีเลย จากนั้นจึงล้างออกด้วยโฟมล้างหน้า ปิดท้ายด้วยการเช็ดโทนเนอร์ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกหรือเครื่องสำอางตกค้างบนผิว วันไหนที่ไม่แต่งหน้าก็ไม่ควรมองข้าม เพราะไขมันบนใบหน้าและฝุ่นละอองก็ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน อย่างน้อยต้องล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าทุกวันจะดีที่สุด
2. เปลี่ยนครีมบำรุงผิว
ครีมบำรุงผิวบางตัวอาจมีสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือบางคนก็มีผิวมันอยู่แล้ว เมื่อลงครีมทาหน้าเข้าไปซ้ำรูขุมขนก็อาจอุดตันได้ ดังนั้นควรเปลี่ยนมาใช้เซรั่มเนื้อบางเบาหรือน้ำตบแทนก็น่าจะเพียงพอต่อการบำรุงผิวแล้ว
3. ปรับระดับฮอร์โมนให้คงที่
สิวหัวหนองที่เกิดจากฮอร์โมนก็ต้องรักษาด้วยการปรับระดับฮอร์โมนถึงจะตรงจุด ลองเข้าไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ แล้วปัญหาสิวกวนใจก็จะหมดไปเอง
ทั้งหมดนี้คือ วิธีรักษาสิวหัวหนองอย่างถูกวิธี ถ้าสาว ๆ ลองเอาไปปรับใช้ดูรับรองว่าสิวหัวหนองที่เคยขึ้นซ้ำ ๆ จะต้องหายไปจนผิวเนียนใสขึ้นแน่นอน
ข้อมูลจาก : medicalnewstoday.com, verywellhealth.com, allure.com
เพื่อช่วยให้สาว ๆ แก้ปัญหาสิวหัวหนองได้แบบอยู่หมัด วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอเอาสาเหตุและวิธีรักษาสิวหัวหนองมาฝากกัน ทำยังไงได้บ้าง มาดูกันเลย
สิวหัวหนองเกิดจากอะไร ?
1. เกิดจากไขมันอุดตัน
การผลิตเหงื่อและไขมันที่มากเกินไป นอกจากจะทำให้สาว ๆ ดูหน้ามันมากกว่าปกติแล้ว เจ้าไขมันเหล่านั้นอาจไปสะสมตรงรูขุมขนของเราจนหนา แล้วเมื่อทำความสะอาดได้ไม่ดีพอก็จะทำให้เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวหัวหนองได้นั่นเอง
2. ทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ไม่ดีพอ
เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวที่เราทาทุกวัน หากทำความสะอาดออกไปไม่หมดหรือทิ้งคราบเอาไว้ เมคอัพและครีมก็จะกลายเป็นสิ่งสกปรกที่ผิวหน้าไม่ต้องการในทันที นานวันเข้าก็จะอุดตันรูขุมขนจนมีสิวหัวหนองขึ้นมา
3. ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป
ระดับของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากจะส่งผลต่ออารมณ์และอวัยวะบางส่วนแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงนี้คือสิวที่ขึ้นมาบนหน้านั่นเอง โดยเฉพาะสิวอักเสบและสิวหัวหนองที่ขึ้นมาได้ง่ายมาก ต่อให้รักษาระดับฮอร์โมนได้คงที่แล้ว สิวเหล่านี้ก็อาจเป็นต่อได้อีกสักระยะ
4. รักษาสิวอุดตันได้ไม่ดีพอ
สิวอุดตัน เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนบนผิวหน้า ทั้งจากเหงื่อไคล และจากเครื่องสำอางต่าง ๆ ที่เราใช้ เมื่อไรก็ตามที่รักษาสิวอุดตันได้ไม่ดีพอ มันก็จะปวดแดงจนกลายเป็นสิวอักเสบ และพัฒนามาเป็นสิวหัวหนองได้ในที่สุด
1. ใช้สมุนไพรพอกตรงจุดที่เกิดสิว
ลองหาผงสมุนไพรตามร้านสะดวกซื้อ หรือใครถนัดผสมเองก็ลองนำเอา ผงทานาคา ผงขมิ้น และผงไพร มาผสมรวมกันอย่างละครึ่งช้อนชา ผสมน้ำเล็กน้อยพอเป็นครีมข้น จากนั้นก็เอามาพอกตรงสิวหัวหนองข้ามคืน สมุนไพรเหล่านี้จะช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและขจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว เพียงเท่านี้สิวหัวหนองก็จะยุบลงได้แล้ว
2. ใช้แผ่นดูดสิวช่วยซับสิวหัวหนอง
แผ่นดูดสิวแผ่นเล็ก ๆ มักมีส่วนผสมของไฮโดรคอลลอยด์ ซึ่งสารนี้จะเข้าไปดูดซับของเหลวได้เป็นอย่างดี พอเอามาแปะบนสิวหัวหนองไว้ข้ามคืนก็จะดูดสิวจนยุบเกลี้ยง แล้วถ้าปิดต่อไว้อีกสัก 1 วัน ก็ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวโดนฝุ่นละออง หรือแบคทีเรียที่เข้ามาทำลายแผลสิวได้ด้วย
3. ใช้ครีมหรือเจลผลัดเซลล์ผิว
ใช้ครีมหรือเจลที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก ความเข้มข้นตั้งแต่ 0.5-2 เปอร์เซ็นต์ ทาลงบริเวณที่เกิดสิวหัวหนองเป็นประจำทุกวัน วันละ 3 ครั้ง จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและลอกสิวออกไปได้ อีกทั้งยังช่วยลดความมันบนผิวลง รูขุมขนจึงกระชับ เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องแผลเป็นจากสิวก็จะจางลงอีกด้วย
4. สิวหัวหนอง ควรกดไหม ทำอย่างไรให้ถูกวิธี
สิวหัวหนองที่อยู่บนหน้านานเกินไปไม่ยอมยุบสักที สามารถกดได้โดยใช้แท่งกดสิวกับเข็มสะกิดหัวสิว ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ต้องผ่านการล้างและเช็ดด้วยแอลกอฮอล์มาอย่างดีแล้ว ขั้นตอนคือให้ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดลงหัวสิวที่ต้องการกด ต่อมาใช้ปลายเข็มสะกิดอย่างเบามือลงบนหัวสิว แล้วใช้แท่งกดหัวสิวกดลงไปตรงหัวสิวจนกว่าหนองจะไหลออกมาหมด แนะนำว่าควรทำทุกขั้นตอนอย่างเบามือที่สุดเพื่อให้แผลไม่กินบริเวณกว้างและช้ำเกินไป ปิดท้ายด้วยการเช็ดแผลให้สะอาด และพยายามเลี่ยงเครื่องสำอางชนิดฝุ่นจนกว่ารอยสิวจะแห้ง แต่หากใครไม่สะดวกกดสิวเองก็ให้แพทย์ผิวหนังตามคลินิกช่วยกดสิวได้เช่นกัน
5. ปรับระดับฮอร์โมน
ขั้นตอนการรักษาสิวนี้คงต้องพึ่งพาคุณหมอให้ช่วยอีกแรง โดยลองไปปรึกษากับหมอเรื่องฮอร์โมน ตรวจเช็กระดับฮอร์โมนว่าอยู่ในเกณฑ์ไหน ควรเสริมแบบยากินหรือยาฉีดเข้าไป เพียงเท่านี้ปัญหาสิวหัวหนองที่เกิดจากฮอร์โมนก็จะลดลงแล้ว
1. รักษาความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี
หากใครที่ชอบแต่งหน้าเป็นประจำ ควรใช้คลีนเซอร์สำหรับเช็ดเครื่องสำอางโดยเฉพาะเช็ดเมคอัพทั้งหลายให้หายไปจนไม่เหลือคราบสีบนสำลีเลย จากนั้นจึงล้างออกด้วยโฟมล้างหน้า ปิดท้ายด้วยการเช็ดโทนเนอร์ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกหรือเครื่องสำอางตกค้างบนผิว วันไหนที่ไม่แต่งหน้าก็ไม่ควรมองข้าม เพราะไขมันบนใบหน้าและฝุ่นละอองก็ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน อย่างน้อยต้องล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าทุกวันจะดีที่สุด
2. เปลี่ยนครีมบำรุงผิว
ครีมบำรุงผิวบางตัวอาจมีสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือบางคนก็มีผิวมันอยู่แล้ว เมื่อลงครีมทาหน้าเข้าไปซ้ำรูขุมขนก็อาจอุดตันได้ ดังนั้นควรเปลี่ยนมาใช้เซรั่มเนื้อบางเบาหรือน้ำตบแทนก็น่าจะเพียงพอต่อการบำรุงผิวแล้ว
3. ปรับระดับฮอร์โมนให้คงที่
สิวหัวหนองที่เกิดจากฮอร์โมนก็ต้องรักษาด้วยการปรับระดับฮอร์โมนถึงจะตรงจุด ลองเข้าไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ แล้วปัญหาสิวกวนใจก็จะหมดไปเอง
ทั้งหมดนี้คือ วิธีรักษาสิวหัวหนองอย่างถูกวิธี ถ้าสาว ๆ ลองเอาไปปรับใช้ดูรับรองว่าสิวหัวหนองที่เคยขึ้นซ้ำ ๆ จะต้องหายไปจนผิวเนียนใสขึ้นแน่นอน
ข้อมูลจาก : medicalnewstoday.com, verywellhealth.com, allure.com