เบื้องลึกของ แพท ณปภา กับชีวิตจริงของครอบครัวที่ยิ่งกว่าละคร

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก วู้ดดี้เกิดมาคุย

            ถ้าใครชอบติดตามข่าวสารในวงการบันเทิง คงจะพอรู้ว่า "แพท ณปภา ตันตระกูล" นางเอกช่อง 3 ได้ชื่อว่าเป็นลูกกตัญญูคนหนึ่งของวงการ นั่นเพราะคุณแม่ของแพทป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์อย่างหนัก จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อของลูกสาวตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมา แพท ก็ดูแลคุณแม่อย่างดีที่สุด เพื่อหวังจะให้คุณแม่อันเป็นที่รักจำเธอให้จงได้ และกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

            และนี่คืออีกมุมหนึ่งของ แพท ณปภา ที่รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย เมื่อคืนวันที่ 14 กรกฎาคม 2556 นำเสนอให้ผู้ชมได้รู้จักกัน อาจจะบอกได้ว่าชีวิตจริงของเธอไม่ได้แตกต่างจากละครน้ำเน่าที่เธอเคยรับบทมาเลย...

            เริ่มแรก แพท พูดแบบขำ ๆ ก่อนเลยว่าตอนนี้ตัวเธอโสดมานานกว่า 1 ปีแล้ว จึงพร้อมเปิดใจรับหนุ่ม ๆ มาพิจารณานะจ๊ะ จริง ๆ ก็อยากจะแต่งงานสักอายุ 30 ปี ซึ่งก็เท่ากับว่าเหลืออีก 3 ปีเองนะ ส่วนคนในช่องก็ไม่มีเข้ามาจีบหรอก เพราะเขาคงเห็นอะไรดิบ ๆ ของแพท (หัวเราะ)

            แต่ภายใต้บุคลิกที่ดูแสนขี้เล่นของนางเอกสาวคนนี้ กลับมีเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้เธอมองโลกใบนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นั่นก็คือเรื่องอาการป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่คุณแม่ประสบมานานกว่า 5 ปีแล้ว

            แพท เล่าให้ฟังว่า เธอมาเริ่มรู้สึกว่าแม่ป่วยหลังจากที่เคยถามเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ว่าได้เก็บเงินที่ได้รับมาไว้หรือยัง ซึ่งคุณแม่ก็นิ่งไปแล้วตอบกลับมาแค่ "นั่นสิ" ทำให้แพทแปลกใจว่าเรื่องสำคัญอย่างเงิน ๆ ทอง ๆ ไม่น่าจะตอบแค่ว่า "นั่นสิ" แต่ก็คิดไปว่าคุณแม่คงเหนื่อยก็เลยลืม เลยไม่ได้คิดอะไร ซึ่งสิ่งนี้ทำให้แพทคิดว่าเป็นเพราะเธอละเลยคุณแม่ไป กระทั่งมาถึงจุดพีคที่ทำให้เธอคิดว่าคุณแม่ต้องเป็นอัลไซเมอร์แน่ ๆ ก็คือ คุณแม่ลืมเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ และยังลืมว่าตัวเองมีอะไรบ้างในชีวิต

            แพท คิดว่าส่วนหนึ่งที่คุณแม่ป่วยแบบนี้เป็นเพราะคุณแม่ทำงานหนัก เพราะคุณแม่เป็นผู้หญิงแกร่งและเก่ง เลี้ยงลูกมาได้ 5 คน เธอเป็นลูกคนสุดท้อง ลูก ๆ อยากได้อะไรคุณแม่ก็ทำให้หมด พอหลัง ๆ ลูก ๆ โตขึ้น ก็เริ่มเกิด Conflict บางอย่างในครอบครัว

            อย่างพี่สาว 3 คนก็แต่งงานไปมีครอบครัว ต้องไปทำงานเมืองนอก แรก ๆ ได้เจอกันบ้าง หลัง ๆ ก็เริ่มห่างหายไป เธอก็เข้าใจดีว่าพี่ ๆ ต้องดูแลลูก ๆ มีภาระเยอะ เลยไม่มีเวลาให้ ส่วนพี่อีกคนหนึ่ง เธอก็เข้าใจดีว่าเขาไม่สมประกอบเท่าไรนัก เพราะตอนอายุ 10 ขวบ พี่เกิดเป็นไข้ขึ้นสูงจนช็อกและชัก ทำให้สมองหยุดการเจริญเติบโตไปช่วงหนึ่ง เลยมีอาการแปลก ๆ มาจนถึงวันนี้ กลายเป็นเด็กซน เด็กไม่รู้เรื่อง คล้ายกับออทิสติก และพูดเข้าใจยาก ตอนนี้ก็อายุเกือบ 40 ปีแล้ว และเธอก็คอยดูแลพี่มาโดยตลอด

            เมื่อเกิด Conflict ขึ้นในบ้าน แพท จึงมั่นใจว่านี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณแม่เครียด อย่างที่เคยพาคุณแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาล คุณแม่สามารถตอบเรื่องทั่ว ๆ ไปได้อย่างแฮปปี้ แต่เมื่อคุณหมอถามคุณแม่เรื่องครอบครัว คุณแม่กลับร้องไห้ นี่จึงเป็นคำตอบได้อย่างดีว่าคุณแม่คงเครียดอะไรหลาย ๆ อย่างในบ้าน

            เมื่อถามว่าสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะการที่คุณพ่อจากไปด้วยใช่ไหม...แพท นิ่งไปแล้วพยายามกลั้นน้ำตาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะบอกว่า "แพทจะบอกว่าที่บ้านทุกคนไม่มีอะไรที่เพอร์เฟคท์ ณ วันนี้ บอกเลยว่าตอนแรกเป็นความไม่เข้าใจมากกว่า รู้สึกโกรธ แค้น เกลียด กับคุณพ่อ และพี่น้องทุกคน"

            แพท เผยความในใจที่เธอเก็บซ่อนมานานว่า จากวันหนึ่งที่ครอบครัวของเธอเคยมีความสุข ทุก ๆ ปีจะมีวันรวมญาติ ทุกคนจะรอคอยวันนั้น และเป็นแบบนี้มากว่า 20 ปี เหมือนกับเธอได้ซึมซับมันไปแล้ว แต่แล้วในปีหนึ่งเหตุการณ์นี้ก็หายไป ทุกอย่างเริ่มห่างออกไปเรื่อย ๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีคือไม่มีแบบนั้นแล้ว

            "ถ้าคุณพ่อฟังอยู่ ท่านจะโกรธแพทมากที่แพทพูดแบบนี้ ทุกคนมีหน้ามีตาถูกไหมคะ แม้แพทจะไม่ได้ดังมากมาย แต่ก็มีคนรู้จัก คนเห็นแล้วจำได้ ก็เป็นธรรมดาที่หากวันนี้แพทพูดอะไรออกไป ก็จะกระทบถึงหน้าตาท่าน ในฐานะคุณพ่อของแพท แต่สิ่งหนึ่งคือแพทก็ต้องยอมรับความจริง ท่านก็ต้องยอมรับจริงว่า เราเจ็บทั้งครอบครัว คุณทำเราเจ็บ แพทเคยโกรธมากจนคิดไปว่าคุณพ่ออย่าได้กลับมาที่นี่อีก แพทขอร้อง" แพท เผยความรู้สึกที่เธอเคยคิดเมื่อในอดีต

            นางเอกสาวยังบอกด้วยว่า ผู้หญิงเราเวลาอกหักก็จะแอ็คติ้ง คิดว่าผู้ชายทิ้งแล้วไง แต่ข้างในใจเรานี่สั่นมาก แล้วคุณแม่ก็เป็นคนแบบนั้น คุณแม่ก็แอ็คติ้งบอกว่าปล่อยเขาไปลูก ซึ่งเรื่องนี้เกิดจากการที่มีบุคคลอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย แต่แพทคงเล่าอะไรมากไม่ได้ ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นจนถึงวันที่คุณแม่เริ่มป่วยก็เป็นเวลาเกือบปี แต่ว่ายังดีที่คุณพ่อก็ยังกลับมาดูแล

            เมื่อแพทรู้ว่าคุณแม่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ตอนแรกเธอไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะคิดว่าอะไรที่ดีก็ไม่ต้องจำ ใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ ไปเลย เดี๋ยวแพทจะดูแลคุณแม่เอง แต่มาเริ่มซีเรียสตรงที่คุณแม่ลืมหมด แม้แต่ชื่อลูกก็จำไม่ได้ เวลาเจอหน้ากันคุณแม่จำได้ว่าแพทเป็นลูก แต่เรียกชื่อไม่ถูก

            กระทั่งเวลาผ่านไป อาการของคุณแม่ก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ เช่น เวลาอาบน้ำ คุณแม่จะใช้สบู่แชมพูไม่เป็น แพทก็จะช่วยอาบน้ำให้ แต่มีวันหนึ่งที่คุณแม่ล้ม คิดว่าคงเป็นเพราะปวดปัสสาวะอั้นไม่ไหว เลยลุกจากเตียง หลังจากนั้น คุณแม่ก็ต้องนอนโรงพยาบาลยาวเลย ตอนนี้ก็เลยเดินไม่ได้แล้ว

            อย่างไรก็ตาม มีหลายคนพูดเหมือนกันว่า ทำไมแพทถึงพาคุณแม่ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลรัฐ (โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์) และยังให้อยู่ห้องรวมอีก แม้แต่พี่สาวก็ถาม เพราะมองว่าแพทเป็นดารา มีฐานะ คนอื่นจะมองไม่ดี

            แต่แพทก็บอกไปว่า เหตุผลแรกคือ ที่แพทพาคุณแม่มารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ได้ก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว เพราะแพทรู้จักคุณหมอ ท่านจึงดูแลอย่างดี เหตุผลที่สองคือ เธอจะย้ายคุณแม่ไปห้องพิเศษก็ได้ แต่ข้อแม้คือต้องมีคนดูแล 24 ชั่วโมง ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าคนในครอบครัวก็ไม่สามารถจัดเวลามาดูแลคุณแม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงแน่นอน อีกอย่างก็คือคนไข้อย่างคุณแม่แพท การอยู่แบบนี้ชีวิตจะแฮปปี้ที่สุด ดังนั้น เรื่องมีเงินหรือไม่ไม่ใช่ตัววัดได้เลย

            เชื่อเลยว่ายังมีอีกหลายครอบครัวที่อาจจะมีผู้สูงอายุป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ แพท ณปภา ในฐานะที่ผ่านเหตุการณ์ตรงนี้มาแล้ว ก็ได้แนะนำให้คนที่ต้องดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคนี้ว่า อย่างแรกคือต้องเตรียมตัวรับกับมันให้ได้ ต้องหาคุณหมอ แล้วพยายามเข้าใจท่าน อย่าไปบังคับท่านมาก เพราะจะทำให้เครียด เหมือนกับเธอช่วงแรก ๆ ก็เครียดเหมือนกัน เพราะพูดไปอย่างไรคุณแม่ก็ไม่เข้าใจ ต้องพูดซ้ำ ๆ หลายรอบ แต่พอพูดซ้ำ ๆ ก็จะเหมือนกับเป็นเสียงดุไป ทำให้ท่านเศร้า ดังนั้น เราต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พูด เวลาเธอเครียดก็จะไปทำบุญ ไปบริจาคสิ่งของ เพื่อจะได้สบายใจ

            ทุกวันนี้ลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัวอย่าง "แพท" ต้องกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่คอยดูแลคุณแม่อันเป็นที่รัก ซึ่งเธอยืนยันว่าจะดูแลคุณแม่อย่างดีที่สุด แม้คุณแม่จะจำชื่อเธอไม่ได้ แต่เธอก็มั่นใจว่าสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกจะไม่มีวันลบเลือนไปได้แน่นอน