เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เรื่องต่าง ๆ ในชีวิตกลายเป็นเรื่องง่ายไปทันที เมื่อเทียบกับเรื่องความรัก เพราะเรื่องอื่น ๆ มักจะมีทางออกหรือวิธีแก้ไขอยู่เสมอ แต่สำหรับความรักซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกโดยตรง คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่า สิ่งที่กำลังจะทำหรือทำลงไปแล้ว ผลลัพธ์จะออกมาเช่นไร ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าหลายต่อหลายคนมักจะเสียดายและอยากจะย้อนอดีตกลับไปแก้ไขอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนที่พลั้งเผลอบอกเลิกคนรัก เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดกับความรักของตัวเอง ให้คุณลองสังเกตจาก 5 สัญญาณอันตรายเหล่านี้ เพราะจะได้รู้ว่าถึงเวลาที่คุณควรจะแยกทางกับเขาจริง ๆ แล้วหรือยัง ?
1. เป้าหมายชีวิตระยะยาวแตกต่างกัน
ไม่ว่าคุณกับเขาจะรักและผูกพันกันมานานแค่ไหน แต่ถ้าคุณรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า เป้าหมายในชีวิตของคุณกับเขาแตกต่างกันมากเหลือเกิน แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะคบหากันแบบคนรักต่อไป ในเมื่อเส้นทางชีวิตของพวกคุณกลายเป็นเส้นขนานกันเสียแล้ว ยกเว้นแต่ว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมเสียสละละทิ้งเป้าหมายระยะยาวของตัวเอง แล้วเปลี่ยนมาเดินอยู่ในเส้นทางเดียวกัน
2. เขาหลบเลี่ยงคำถามที่เกี่ยวกับอนาคต
เชื่อว่ามีสาว ๆ จำนวนไม่น้อยที่มักจะตกหลุมรักหนุ่มเพอร์เฟคท์ อย่างเช่น หนุ่มนิสัยดีที่ซื้อดอกไม้มาให้ทุกวัน ขับรถไปรับไปส่งถึงบ้าน พาคุณไปช้อปปิ้งและกินข้าว พักผ่อนในสถานที่หรู ๆ แบบที่ตัวคุณเองไม่สามารถจะทำได้ ซึ่งหนุ่มแบบนี้น่าจะเป็นคนที่สามารถฝากหัวใจเอาไว้ได้ ถ้าเขาให้คุณมาอยู่ในภาพอนาคตของเขา แต่ในทางกลับกันหากเขาไม่เคยพูดถึงอนาคตเลย หรือพยายามหลีกเลี่ยงคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องอนาคตตลอด คงถึงเวลาที่คุณควรถามตัวเองแล้วล่ะว่า พอใจกับความสัมพันธ์แบบนี้หรือไม่
3. ทะเลาะกันบ่อยครั้ง และแต่ละครั้งค่อนข้างรุนแรง
ว่ากันว่าความรักเป็นเหมือนแม่เหล็กที่มีทั้งแรงดึงดูด และแรงผลักดันที่ทำให้คน 2 คนออกห่างจากกัน ถ้าหากพวกคุณไม่เคยมีความคิดเห็นลงรอยกันเลย ต่างฝ่ายต่างเห็นแย้งกันตลอด พร้อมทั้งเป็นต้นเหตุของการทะเลาะ และบ่อยครั้งที่พวกคุณทะเลาะกันค่อนข้างรุนแรง อาจถึงขั้นลงไม้ลงมือ เพราะเขาไม่สามารถยับยั้งหรือควบคุมอารมณ์ได้ เหตุการณ์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณแสดงให้เห็นว่า พวกคุณอาจจะไม่ใช่คนของกันและกัน
4. คุณรู้สึกกดดันเมื่อต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ
ตอนนี้ลองถามตัวเองดูว่า คุณรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่มากน้อยแค่ไหน และต้องบังคับตัวเองบ่อย ๆ ให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำบ้างหรือไม่ อย่างเช่น แต่งตัวตามสไตล์ที่เขาชอบ จำใจต้องไปในสถานที่ที่ไม่อยากไป หรือกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องทำเพื่อให้เขารู้สึกพึงพอใจมากที่สุด หากคุณกำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้ อาจจะต้องลดความสัมพันธ์ลงมา แล้วถึงเวลาที่คุณจะต้องเป็นตัวของตัวเองเสียที
5. คุณสังเกตเห็นว่าเขาติดโทรศัพท์ผิดปกติ
สาว ๆ ควรระวังตัวไว้ให้ดี และการอยู่ตัวคนเดียวอาจเป็นทางออกที่ทำให้คุณมีความสุขมากกว่า หากพบว่าเขาคุยโทรศัพท์บ่อยจนผิดสังเกต และทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์จะพูดเสียงเบา ๆ หรือพยายามหลีกเลี่ยงทุกครั้ง เมื่อคุณถามเขาว่าเขาอยู่ไหน กำลังทำอะไรอยู่ หรือกินข้าวกับใคร ฯลฯ นอกจากนี้ ยังสนใจคุณน้อยลง เพราะเอาเวลาไปคุยโทรศัพท์เสียมากกว่า พร้อมทั้งตอบว่าคุยโทรศัพท์เรื่องงาน ทั้งที่ความจริงแล้วในช่วงนั้นไม่มีโปรเจคท์พิเศษเลยด้วยซ้ำ
ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม หากคบกันในฐานะคนพิเศษ คนรัก หรือคุณจะให้คำนิยามความสัมพันธ์อย่างไร แต่ท้ายที่สุดแล้วเป้าหมาย ก็คือ การหาคนที่จะร่วมเดินทางไปด้วยกันตลอดชีวิต ถ้าคุณคิดทบทวนดูแล้วและพบว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคุณเป็นได้แค่คนรัก และเขาก็ไม่ได้ต้องการจะมีอนาคตร่วมกันกับคุณ หรือมีเป้าหมายในชีวิตแตกต่างกันมากเกินไป คงถึงเวลาแล้วที่คุณจะกลับมาอยู่คนเดียว เพื่อรอคนที่เหมาะสมที่พร้อมจะยืนเคียงข้างกับคุณไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น