ปราปต์ ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง เปิดใจยังคงไปเยี่ยมภรรยา กู๋กี๋ ภคมน ที่เรือนจำมาตลอด 2 ปีกว่า หลังถูกจำคุกจากคดี Forex-3D ยังคงเชื่อมั่นว่าบริสุทธิ์ ผ่านมานานกว่า 2 ปีแล้ว สำหรับคดี Forex-3D อีกหนึ่งคดีใหญ่เกี่ยวกับบริษัทดัง ที่มีคนดังเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือนักแสดงดัง ปราปต์ ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ที่ปัจจุบันทางภรรยา กู๋กี๋ ภคมน ยังคงอยู่ในเรือนจำ โดยล่าสุด (4 พฤศจิกายน 2567) ปราปต์ ปราปต์ปฎล ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนก็ไปเยี่ยมที่เรือนจำทุกวันที่เรือนจำเปิด ก็ให้กำลังใจกัน สภาพจิตใจก็โอเค ปรับตัวได้ในระดับหนึ่ง ทุกวันนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือแค่รอให้ได้รับการตัดสินสักที อยากให้กระบวนการมันไปถึงขั้นตอนของการพิพากษาสักที เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเอง แล้วเท่าที่ที่มีการไต่สวนมา แล้วเราไปนั่งฟังเราก็ได้เห็นการสืบพยานโจทย์ไป 80-90% - เราไปนั่งฟังดูจากที่เราไม่รู้เลยว่าธุรกิจนี้มันเป็นยังไง ไปนั่งฟังจนเริ่มรู้ว่ามันเป็นแบบนี้เหรอ มันทำกันแบบนี้เหรอ แล้วน้องเป็นจำเลยที่ 21 เหมือนคนที่จะเกี่ยวข้องกับคดีจะอยู่ลำดับต้น ๆ ก็เลยไม่มีพยานคนไหนที่พูดพาดพิงถึงน้องเขาเลย ว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ แค่เป็นภาพในอดีตที่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเป็นสามีภรรยากับคนที่ทำธุรกิจ แม้เขาจะไม่ได้ร่วมทำด้วย แต่มีช่วงหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี เชื่อว่าไม่มีใครรู้ว่ามันผิดหรือมันถูก - สุดท้ายสิ่งที่เราหวังที่สุด อยากให้กระบวนการยุติธรรมมันเกิดขึ้นสักที มีการตัดสินสักที ซึ่งจากที่ไปนั่งฟัง ยังไม่เห็นว่าเขาทำอะไรผิดเลย สำหรับตนเอง คือยังไม่เห็นว่าเขาไปเกี่ยวข้องตรงไหนเลย - มองว่ามันไม่ต้องพูดอะไรเยอะ การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ในเมื่อตนเชื่อมั่นในตัวเขา แต่หน้าที่พิสูจน์มันต้องเป็นหน้าที่ของเขาที่เขาจะต้องพิสูจน์ ความยุ่งยากของเขามันอยู่ตรงที่ว่าเขาถูกรวมมัดกระจุกเข้าไปในกล่าวหา โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิด ผิดตรงไหน - ถ้าจะบอกว่าก็กินใช้เสวยสุข มองว่าตรงนั้นมันต้องแยกให้ออกว่า การการใช้ชีวิตในตอนที่ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดี ในฐานะของคนที่เป็นสามีภรรยา สิ่งใดที่สามีให้กินให้ใช้ เเลี้ยงดู มันก็ไม่รู้หรอกว่าการได้รับการเลี้ยงดูจากสามีมันจะเป็นเรื่องผิด แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็ต้องไปพิสูจน์เองแล้วว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด - เท่าที่ผมไปเยี่ยมทุกวัน มันเป็นสิ่งที่ที่เขายึดมั่น แล้วก็ทำให้เขามีกำลังใจที่ดี แล้วมันก็เป็นกำลังใจสำหรับผมด้วย การที่เราเชื่อมั่นใครสักคนหนึ่ง เชื่อว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แต่หน้าที่พิสูจน์มันเป็นหน้าที่ของเขา แต่ก็ต้องมีอุปสรรค มีผลกระทบมาถึงตนเอง ก็ร่วม 2 ปีแล้ว ก็คิดซะว่ามันเป็นวิบากกรรม ในเมื่อเราเชื่อมั่นในตัวเขา ไม่อยู่ข้างเขาแล้วใครจะอยู่ ถ้าเราปล่อยมือ แล้วเขาจะสู้ยังไง - ส่วนตนเองที่มีการเสนอข่าวไปว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือเอารถไปขาย ก็ได้บอกแต่ต้นแล้วว่าพร้อมจะพิสูจน์ตนเอง ซึ่งกระบวนการพิสูจน์ คิดว่าจริง ๆ แล้วเจ้าหน้าที่ก็รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก เพียงแต่เมื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็แค่ต้องตอบให้ได้ว่าทำไม ซึ่งการตอบของตนก็ตอบมาตั้งแต่ก่อนจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว เราอยู่ภายใต้กฎหมายอยู่ภายใต้กระบวนการยุติธรรม เราก็หวังว่าความบริสุทธิ์ของเรา ข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้นจริง สิ่งที่เราพูดไป กับสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริงมันจะปกป้องเราเอง - ผมเคยพูดแล้วว่าเวลาต่อจากนี้ไป ผมใช้ชีวิตมาพอแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่เหลือของชีวิตผมให้เขา ก็ทำตามที่พูด ที่เดินทางไปทุกวันตลอด 2 ปีกว่า วันที่้เขาไม่ปิด ก็ไปทุกวัน ตนไม่อายที่จะบอกเรื่องนี้ ไม่อายที่จะบอกว่าแฟนอยู่ในเรือนจำ เพราะตราบใดที่ตนยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์ได้ ไม่รู้สึกว่ามันจะต้องอาย เพราะเรารู้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด
แสดงความคิดเห็น