น้องสิงห์ ลูกสาว วุธ อัษฎาวุธ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ล่าสุดได้เซ็นสัญญา GMM TV - เคลียร์คำครหาใช้เส้นพ่อประกวดจนชนะ อดีตพระเอกแถวหน้าของเมืองไทย วุธ อัษฎาวุธ ที่วันนี้ควงลูกสาว น้องสิงห์ มาเปิดใจครั้งแรก หลังคว้าแชมป์บนเวที Thailand School Star 2024 พร้อมเคลียร์คำครหาใช้เส้นคุณพ่อจนชนะ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี ดีเจพุฒ พุฒิชัย และ เอส กันตพงศ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ น้องสิงห์ : รู้สึกตื่นเต้นมากเลยค่ะ เหมือนฝัน ด้วยความที่ไม่คิดว่าจะมาเข้าวงการ น้องสิงห์ : 15 ปีค่ะ น้องสิงห์ : เป็นเรตอายุประมาณ 15-20 ปี ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียน วุธ : School Star ก็แบบ ม.1-ม.6 ประมาณนั้น น้องสิงห์ : มีเพื่อนรีโพสต์ลงในไอจี กดเข้าไปดูว่ารายละเอียดมันเป็นยังไงบ้าง ซึ่งมันน่าสนใจ เพราะทราบว่าพี่เจมีไนน์ โฟร์ท ก็มาจากเวทีนี้เหมือนกัน หนูก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดี น้องสิงห์ : ดูละครตลอด เพราะว่า วุธ : พ่อเป็นผู้กำกับไง แล้วก็บังคับ คนที่ได้ดูก่อนคือสิงห์ ถ้าสนุกก็โอเค แต่ถ้าไม่สนุกก็ต้องตัดใหม่ แล้วเค้าก็จะชอบดนตรี จริง ๆ เราก็ให้เค้าลองหลายอย่าง แต่มาจบที่กลอง น้องสิงห์ : โซโลฝึกกับครูที่สอน ช่วยกันคิด ฝึกประมาณ 1 เดือน วุธ : คือเขาก็มีโชว์ที่โรงเรียน ครูที่สอนกลองเค้าบอกว่า คุณพ่อคุณแม่ครับ ท่าทางจะไม่ไหว เพราะขี้เกียจ เหมือนตอนนั้นยังไม่อิน ตอนเด็ก ๆ อะ แต่พอมาโควิดเลยจริงจัง น้องสิงห์ : ตอนโควิดไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียน ก็เลยให้ครูมาช่วยสอนด้วย พอเข้าไปเรียน ม. 1 โควิดเริ่มจางแล้ว เลยได้มาฟอร์มวงกับเพื่อนจริงจังมากขึ้น พัฒนาให้ความสามารถเท่ากัน น้องสิงห์ : ก็ประมาณหนึ่งค่ะ วุธ : ในโรงเรียนก็ไม่รู้นะ สาธิตประสานมิตรจะมีนักแสดงเยอะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเดินไป เดินมา เขาอาจจะไม่ได้สนใจมาก แต่ในโซเชียล มีคนเข้ามาขอเป็นมัมหมีหน่อย หนูอยู่ ป.2 นะ ขอเป็นมัมหมีพี่สิงห์ได้ไหม เราก็เจนนี่ กับเจนนั้นก็จะงง ๆ นิด ๆ กับความคิดเขา กับการมีด้อมสิงหา พยายามทำความเข้าใจกับพวกนี้ น้องสิงห์ : หนูก็แค่ว่าติดก็ได้ ไม่ติดก็ได้ หนูรู้สึกแค่ว่ามาเอาประสบการณ์ลองไปก่อน แต่พอได้ปุ๊บหลังจากนั้นหนูตั้งใจเลย รอบ 2 เขาเรียกมาที่ตึก มาดูตัว วุธ : แต่พ่อแม่เพิ่งรู้ แต่จริง ๆ เขาเคยบอกแล้วแต่เราอะไม่รู้ว่าประกวดอะไร จนต้องมาเซ็นเอกสารให้เขาตอนติด 20 คน คือวันที่มาส่งที่ตึกแกรมมี่ ก่อนติด 20 คน คือคนมาสมัครเยอะมาก ก็แบบสิงห์มันทำอะไรของมันเนี่ย คือลูกเราอะยังเด็กในสายตาเราเสมอ แล้วพอ 20 คน มันต้องทำอะไรอีกสิงห์ น้องสิงห์ : จริง ๆ ตั้งแต่วันแรกที่สแกนไป มันจะมีไฟล์ให้เขียนพยานตั้งแต่วันแรก แต่เขาน่าจะยังไม่ฟิกมาก ข้อมูลยังไม่บอกชัดว่ามันคืออะไร เค้าก็ไม่รู้ จนกระทั่งหนูได้เข้า 20 คน วุธ : แล้วต้องบอกว่าวันนี้ประกวดจริง แล้วบนเวทีต้องทำอะไร หนูไม่เคยขึ้นเวทีมาก่อนในชีวิต ในฐานะโชว์ แล้วสิงห์จะทำอะไร หนูตีกลอง แล้วก็อาจจะร้องเพลง คือโชว์เขาคิดเอง แต่สิ่งที่เรากังวล เดี๋ยวนี้โลกมันอยู่ในโซเชียล ถ้าทำอะไรไม่ดีมันจะอยู่ในนั้นอีกยาวนาน ก็เลยบอกว่า สิงห์เอาดี ๆ มีเวลาอีกเดือนหนึ่ง มันจะเป็นสิ่งที่ตราตรึง ถ้าบวกก็คือบวก แต่ถ้าลบก็คือลบอยู่ในนั้นอีกนาน มันเลยต้องมีการปรึกษากัน น้องสิงห์ : ใช่ค่ะ น้องสิงห์ : ตอนแรกเค้าบอกให้โชว์ เหมือนเป็น ชาเลนจ์ โชว์ ก็คิดอย่างแรกเลยต้องกลองแล้ว แต่ว่าถ้ากลองอย่างเดียวมันจะน้อยไป ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจ มันดูเหมือนเป็นด้านเดียวเกินไป เดี๋ยวเขาจะรู้สึกว่าหนูเฟียร์ซอย่างเดียวหรือเปล่า หรือได้แนวเดียวหรือเปล่า แต่มันก็ยังคิดไม่ออก จนถามแม่ เขาให้เป็นเพลงของ GMM แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นเพลงอะไร หนูก็เลยเลือกเพลง ไม่ใช่ผู้ชาย เพราะเป็นเสียงรอสายของแม่ น้องสิงห์ : ใช่ค่ะ เหมือนในสคริปต์ที่อยากให้เป็นมันต้องเล่นกับคนดู แต่เหมือนไม่มีคนดูให้เล่นด้วย ก็เลยรู้สึกว่าไม่รู้วันจริงจะทำได้หรือเปล่า แต่พอวันจริงมีคนดูเล่นด้วยมันทำให้รู้สึกสนุก วุธ : ก็ตื่นเต้นนะ แต่ก็หวั่นใจ อย่างที่บอกว่าเป็นครั้งแรก ก็หันมองหน้ากันสองสามีภรรยา มันจะรอดไหม วุธ : เราอยู่ในวงการ ตอนนี้ในโซเชียลมีคนแสดงความคิดเห็นโน่นนั่นนี่ บางทีก็มีข้อมูล บางทีก็ไม่มีข้อมูล เพราะฉะนั้นการไปอยู่ในแสง มันง่ายต่อการถูกวิจารณ์ ทั้งบวกและลบ แล้วเด็กอายุ 15 เป็นครั้งแรกในการขึ้นเวทีแบบนี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าข้างหน้าจะเจออะไร ถ้าประกวดแล้วตกรอบ จะดำเนินชีวิตต่อไปยังไง ก็มีเพื่อน ๆ ที่คาดหวังสิงห์อยู่ แต่ดันไปเข้ารอบ 1 ใน 20 นี่หนักเข้าไปอีก ถ้าตกในรอบนี้คนรู้จักเยอะขึ้น แล้วเขาบอกไอเด็กตกรอบ จะรับได้ไหม หรือถ้าชนะเลิศ วันที่เดินกลับเข้าโรงเรียน หลังจากได้รางวัลเราเป็นสิงห์คนเดิมหรือเปล่า ข้ามวันสิงห์เปลี่ยนเป็นคนอื่นเลยหรือเปล่า เพราะฉะนั้นคาดหวัง แต่ถ้าผิดหวังก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะนี่มันคือพาร์ตหนึ่งในชีวิตเราแค่นี้เอง เพราะฉะนั้นทำยังไงก็ได้ให้สนุกที่สุดบนเวที ผลจะเป็นยังไง ช่างมัน บางทีของบางอย่างที่เราได้มา คนรู้จักเราในฐานะศิลปิน แล้วชีวิตเราเปลี่ยนไป แต่เราก็ยังเป็นเรา เราอย่าเห่อแสง จนทำให้คนที่อยู่ข้าง ๆ เรา ต้องร้อน ต้องโดนแสงเหล่านั้นแผดเผาไปด้วย เพราะแสงมันคือแสง เดี๋ยวมันก็มีวันเฟดไป หรือมันอาจจะสว่างขึ้น แต่เราจะอยู่กับมันได้ยังไงโดยที่ไม่ทำร้ายคนรอบตัวเราเอง นี่คือสิ่งสำคัญ น้องสิงห์ : ก็เตรียมใจด้วย เผื่อหนูไม่ได้ไปต่อ แต่หนูรู้สึกว่ามาเอาประสบการณ์ พ่อเขาก็บอกว่าถ้าไม่ได้เข้ารอบหรือตกรอบก็ไม่ต้องซีเรียสนะ เอาเป็นประสบการณ์เพราะอันนี้ก็คือเวทีแรกของหนู ส่วนเรื่องที่ได้ที่หนึ่ง เหมือนเขากลัวว่าหนูดังแล้วจะหยิ่ง หนูไม่เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะหนูรักเพื่อน น้องสิงห์ : เขาก็เหมือนแซว ๆ นิดหนึ่ง คือเขาแซวแบบร้องเพลงให้ฟัง เพลงไม่ใช่ผู้ชายนี่แหละ วุธ : ทำเป็นหูตึง หูอื้อ ตอนเขาประกาศ แต่พอมันได้ เออมันได้วะ ปากบอกว่าไม่ลุ้น แต่จริง ๆ มันก็ลุ้นนะ ก็ดีใจกับเขา แต่ก็หวั่นใจและหนักใจต่อว่าสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า มันจะหนักไปสำหรับเด็ก 15 หรือเปล่า แต่เชื่อมั่นเขาเหมือนกันว่าสิ่งที่เลือกเขาก็พร้อมจะเจอ น้องสิงห์ : ตอนนั้นหนูก็อึ้ง ๆ คนที่ยืนหน้าหนูความสามารถสูงมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ ก็ตกใจนิดหนึ่ง วุธ : แต่ที่ดีใจมากกว่ารางวัลก็คือ เขาเจอไอดอลที่ชอบ วุธ : อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องเคลียร์เลย เป็นสิ่งแรกเลยที่กังวล เพราะนามสกุล เหลืองสุนทร ก็ต้องมีคนรู้จัก คนที่เข้าประกวดด้วยกัน เขาก็คาดหวังว่านี่คือลูกดารา 1. เรามีโอกาสโปรโมต ทำให้คนรู้จักมากขึ้นไหม เพราะการที่เราเป็นดาราหรือเป็นคนในวงการมันอาจจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น หรือ กับ GMM TV เราก็เคยทำงานด้วยกัน จะมีคนเมาท์หรือเปล่าว่า ถ้าเขาได้รางวัลมามันจะไม่สงสัย เราเลยตั้งใจตั้งแต่แรก เพราะสิงห์เข้าประกวดอันนี้ ป๊ากับแม่จะไม่ยุ่ง มีอะไรให้เซ็นหรือมีอะไรให้ติดต่อหนูประสานเองนะ คุยกับพี่แอดมินเอง จนถึงรอบต้องไปซ้อมที่ตึก ถ่ายคลิป ถ่ายแบบ ถ่ายโปสเตอร์ ก็มาอีก จนถึงรอบสุดท้าย ก็มาในฐานะคนดู ไปนั่งอยู่ หลังกรรมการ เห็นหลังพี่ฐาก็ไม่กล้าทัก กลัวว่าถ้าทักแล้วจะมีคนรู้สึกว่ามีอะไรกันหรือเปล่า ก็อดทนให้การประกวดเสร็จ ได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้ก็โล่งใจว่าข้อครหานี้จะหายไป แต่ถ้าได้จะรับมือกับมันยังไง แต่ดันได้ ชนะเลิศด้วย แต่สิ่งที่ดีในวันนั้นก็คือ เป็นเอกฉันท์ คนดู ดูแล้วมีเสียงกรี๊ด มีเสียงเชียร์ มีเสียงให้กำลังใจสิงห์อย่างชัดเจน แล้วกรรมการก็เป็นเอกฉันท์ให้คะแนนคนนี้ว่าทำดีที่สุดบนเวที วันที่เขามาเซ็นสัญญาที่ตึก พ่อแม่ต้องมาด้วย วันนั้นแหละที่ได้เจอพี่ฐา ตั้งแต่วันที่เขาสมัคร ก็บอกพี่ฐาว่าอึดอัดมากเลยเราไม่คุยกันเลย พี่ฐาก็บอกพี่อึดอัดเหมือนกัน แล้วมีน้องผู้ชายที่เขาชนะที่ 1 เขาก็มานั่งอยู่ในนั้น แล้วแม่เขาด้วย พี่ฐาก็เลยบอกว่า นี่คือความตั้งใจของ GMM TV ทุกคนรู้ว่าสิงห์เป็นลูกนักแสดง แต่เพื่อความชัดเจนของ GMM และของเราด้วย เขาเลยบอกว่าไม่มีการคอนเน็กกันเลย บนเวทีสิงห์ก็ทำได้ดี จนมันเป็นเอกฉันท์ อยากให้สิงห์ภูมิใจกับรางวัลที่เขาได้ เขาได้ด้วยความสามารถของเขเอง คือมีพยานในการรับรู้ในคำพูดของพี่ฐา ต้องขอบคุณพี่ฐามากที่มองเห็นถึงประเด็นนี้ มันอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้ถ้าเราไม่ชัดเจน แล้วก็ฝากเป็นพี่ฐาด้วยนะครับ น้องสิงห์ : ถ้าเป็นเรื่องแสดงก็ต้องตามทางค่ายเลยค่ะ น้องสิงห์ : อะไรก็ได้เลยค่ะหนูอยากทำหมด น้องสิงห์ : ต้องขอบคุณคนนี้แหละ เขาส่งหนูไปเทรน สนับสนุน จนหนูได้เข้ามาอยู่ในรายการ และได้ที่หนึ่ง ถ้าไม่มีคนนี้ก็ไม่มีหนู วุธ : เราใช้ประสบการณ์ตั้งแต่เด็กจนโต เราอยากทำนู่น ทำนี่ แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยน เมื่อก่อนมันอาจจะไม่ได้มีโอกาสกว้างเท่าทุกวันนี้ แต่พอทุกวันนี้มีโอกาส มีโรงเรียนนั้น คนนี้สอน คนเก่งคนนั้น คนเก่งคนนี้ เราก็อยากให้ลูกได้ประสบการณ์และได้เจอโลกกว้าง และในที่สุดเค้าก็จะเป็นคนเลือกมันเอง จริง ๆ เขาไม่จำเป็นต้องเหมือนเรา เขาต้องเป็นตัวเขา มีความสุขในแบบที่เขาเป็น ไม่ใช่ทำเพื่อให้พ่อแม่มีความสุขหรือคนทั่วไปมีความสุข แต่เขาต้องทุกข์ในสิ่งนั้น เขาต้องเอนจอยในสิ่งนั้น ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama
แสดงความคิดเห็น