เป็นอีกหนึ่งคนในวงการข่าวที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 สำหรับหนุ่ม กรรชัย ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวแจ้งข่าวว่าตนเองเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง หลังจากที่มีการพบกับผู้ป่วยโควิด 19 เบื้องต้นตรวจโควิด 19 แล้ว ผลออกมาเป็นลบ แต่ก็ต้องกักตัว 14 วัน และหยุดพักงานข่าวไปก่อน ทั้งรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์, โหนกระแส และข่าวใส่ไข่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : หนุ่ม กรรชัย ประกาศพักงานทุกรายการ หลังเป็นผู้เสี่ยงสูงเจอคนติดโควิด 19
ล่าสุด (17 กรกฎาคม 2564) หนุ่ม กรรชัย ก็ได้ไลฟ์แจ้งว่าตนเองกำลังจะออกจากการกักตัว เตรียมกลับไปทำงานข่าวแล้ว
โดย หนุ่ม กรรชัย เผยว่าตนได้พบผู้กำกับโฆษณาเมื่อวันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม 2564 ที่ห้องอัดเสียงย่านทาวน์อินทาวน์ กระทั่งวันที่ 12 ทราบว่าเขาติดเชื้อโควิด 19 ซึ่งผู้กำกับคนนี้ทราบว่าตัวเองไปร่วมงานกับคนคนหนึ่งที่ได้รับเชื้อโควิด 19 เขาจึงไปตรวจแบบ PCR ในวันที่ 11 ก็พบว่าติดเชื้อ ก่อนจะตรวจซ้ำในวันที่ 12 แต่ผลเป็นลบ สรุปแล้วผู้กำกับไม่ได้เป็นโควิด 19
หนุ่ม กรรชัย บอกว่า ในฐานะที่ตนเจอผู้กำกับคนนี้ตนก็ต้องกักตัวเพราะตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่าอะไรยังไง แต่พอเขาตรวจครั้งแรกว่าติดเชื้อตนก็ต้องกักตัว ตอนแรกกะจะไม่บอกก็ได้แต่ตนรู้สึกว่าตนเองเคยพูดถึงคนอื่นที่เวลาไปเจอคนติดเชื้อแล้วตัวเองไม่กักตัวแล้วออกไปนู่นนี่นั่น ตนพูดไว้เยอะ เพราะฉะนั้นพอเจอกับตัว ตัวเราก็ต้องมีความรับผิดชอบ ไม่อยากจะทรยศตัวเองที่เคยพูดถึงคนอื่น พอถึงตัวเราบ้างก็จำเป็นต้องประกาศว่าต้องกักตัว
กระทั่งวันที่ 13 มาทราบว่าผู้กำกับคนนี้ไม่เป็นโควิด 19 ตนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตนก็ยังกักตัวต่อจนครบ 10 วัน ซึ่งตนจะออกจากการกักตัวในวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ถือว่าตนกักตัวครบกำหนดแล้ว และหลังจากนั้นตนจะกลับไปทำงานเหมือนเดิม
อีกหนึ่งเรื่องตนมีเรื่องไม่สบายใจเกี่ยวกับแฮชแท็กคำพูดที่บางคนอาจจะรู้สึกว่าไม่สบายใจ คำคำนั้นก็คือ #ไม่ติดโควิดแต่ชีวิตเหมือนรอวันตาย ซึ่งมีที่มาที่ไปคือตนเองกักตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ตนทำงานตลอดในการกักตัว แล้วตนเห็นใจผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นร้านอาหารแต่ต้องปิดร้านแล้วเขาขายไม่ได้ เขาก็ต้องต่อสู้กันไปแล้วก็ยังเดือดร้อนอยู่ ตนก็ให้ผู้ประกอบการส่งข้อความเข้ามาเพื่อคัดเลือกมาออกรายการให้รายการเป็นเสียงสะท้อน
โดยร้านที่ทีมงานคัดเลือกมาพูดทั้งน้ำตาเป็นคำเดียวกันว่า "ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่, ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่" ทีมงานจึงถามตนว่าจะตั้งชื่อตอนว่าอะไร ตนก็บอกทีมงานไปว่า "ไม่ติดโควิดแต่ชีวิตเหมือนรอวันตาย ผู้ประกอบการร้านอาหารระทมทุกข์ วอนใครก็ได้ช่วยที" แล้วก็นำไปโพสต์ในทวิตเตอร์โดยตัดข้อความมาแค่ "ไม่ติดโควิดแต่ชีวิตเหมือนรอวันตาย"
หลังจากนั้นสื่อก็เอาประโยคนี้ไปเล่น คนเราก็ร้อยพ่อพันแม่ คนเรามีหลากหลายความคิด ก็มีคนที่เห็นแล้วไม่สบายใจกับคำพูดนี้จนเอาไปเชื่อมโยงว่าตนแซะ ไม่ให้กำลังใจ ปั่นกระแสให้แย่ลงไปอีก พิธีกรคนนี้ไม่ตายหรอกเพราะมีงานทำ จะมานั่งโอดครวญอะไร สื่อขยะ สื่อปรสิต เป็นสื่อที่พยายามปั่นเรื่องให้เป็นประเด็น ตนบอกเลยว่าตนไม่เคยมีเจตนาแบบนั้น ตนไม่ได้หมายถึงตัวเอง ตนมีเจตนาคืออยากช่วยผู้ประกอบการร้านอาหาร ทำไมถึงเอาคำแค่บรรทัดเดียวมาโยงความหมาย
ตนไม่โกรธ แค่อยากพยายามทำความเข้าใจว่าก่อนที่จะพูดอะไรต้องดูบริบทก่อน อย่าอ่านหนังสือแค่บรรทัดเดียว มันจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดความแตกแยก ถ้าอ่านได้ลึกซึ้งกว่านั้นจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ประเด็นที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตนไม่สบายว่าหากต่อไปตนจะพูด หรือทำอะไร จะทำยังไงดี จะต้องระวังคำพูดถึงขั้นไหน เพราะเราไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เราพูดออกไปจะไปถูกใจ หรือไม่ถูกใจใครแล้วหยิบมาเป็นประเด็นแบบนี้อีกหรือเปล่า ในมุมของตนตนก็ท้อ แต่ก็ไม่โกรธเลย แค่อยากให้เข้าใจ
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย