- เรื่องแตงโมผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ตอนนี้โอเคขึ้นหรือยัง ?
โม : มันจะมีบางช่วงที่โอเคและไม่โอเค ตอนที่หนูเจอปัญหาต่าง ๆ ในงานของพี่ ฟีดแบ็กต่าง ๆ มันก็ปน ๆ กันไป ก็มีที่ดีและก็ไม่ดี ความเศร้ามันเบาลงเพราะเราให้กำลังใจกัน อย่างในกลุ่มบ้านพี่โม แอนนา ฮิปโป พุดเดิ้ล ทุกคนพยายามให้กำลังใจกันว่างก็ไปหาที่บ้าน พี่เบิร์ดก็ซัพพอร์ตกัน มันเลยทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น
- คิดว่าเรื่องคดีจะนานขนาดนี้ไหม ?
โม : คิดไว้แล้วค่ะว่านาน วันที่พบพี่พวกหนูได้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ว่า หนูให้ปากคำได้นะคะให้ข้อมูลได้นะ จากที่เรียกไปซ้ำ 2-3 รอบ เราก็พอรู้ในรูปต่าง ๆ ว่านานแหละ โมอยากให้ทุกคนมองในเรื่องของความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า ไม่อยากให้มองและจินตนาการว่าจะต้องเป็นแบบนั้นหรือแบบนี้ โมเป็นกลางนะ โมรู้สึกว่าทุกอย่างที่โมพยายามสู้มาทั้งต่อหน้าและลับหลังโมสู้หมด ใครให้เราทำอะไรเราทำหมด ใครให้เราช่วยเหลืออะไรเราช่วยหมด หนูมองว่ายังไงก็นาน เพราะสุดท้ายแล้วทางเจ้าหน้าที่ต้องสรุปสำนวนคดีมาก่อน สรุปสำนวนแต่มันก็ยังไม่สามารถปิดคดีได้
- คุณแม่ท่านเปลี่ยนฟีลลิ่งทุกวัน หลักท่านไม่ค่อยแข็งแรงไหม ?
โม : โมแจ้งก่อนว่าคุณแม่มีความเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ตำรวจค่อนข้างสูง เมื่อคุณแม่ตัดสินใจแบบนั้นแล้วพวกหนูไปขัดแย้งอะไรไม่ได้ เพราะคุณแม่เป็นคุณแม่พี่โมอยู่ อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดต้องยกให้คุณแม่ คุณแม่จะถอดใครเปลี่ยนใคร พวกหนูจะไม่เข้าไปยุ่งค่ะ
- ถอดถอนคุณหญิงหมอ คิดว่ายังไง ?
โม : อันนี้มันเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่หลาย ๆ ฝ่าย เขามีการประชุมกันมาแล้วว่าจะต้องเป็นลำดับขั้นแบบนี้ ๆ ที่คุณแม่ยื่นเรื่องต่าง ๆ โมว่าคุณแม่จะต้องคุย ปรึกษากับทางทนายมาแล้วค่อนข้างดีถึงออกมาทำ
- รู้มาล่าสุด 3 คนบนเรือ ไปให้ปากคำเพิ่ม คิดว่ารูปคดีเปลี่ยนไหม ?
โม : อันนี้ไม่ทราบค่ะ หนูบอกตรง ๆ ว่าพวกหนูมองในเรื่องของข้อเท็จจริง หลักฐานความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า คนนั้นคนนี้บอกว่าพี่โมเป็นแบบนี้ พวกหนูไม่ฟังกันเลย ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่เรามองในเรื่องหลักฐานที่มันพิสูจน์เป็นไปได้มากกว่า
- 2 คนที่เพิ่งสึก เขาสัญญากับแม่ไว้ว่าสึกแล้วจะสารภาพ ?
โม : ก็ขอให้เขาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณแม่ก็แล้วกันเท่านั้นเอง ขอให้เป็นความจริง ทุกคนแค่อยากรู้ความจริง ทุกคนไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับคดี หรือทะเลาะกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือแม้กระทั่งคุณแม่ก็ดี เราขอแค่ความจริงเอง อยากรู้ความจริงที่เกิดกับพี่เราเท่านั้นเอง
- รอความจริงมาตลอด ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว เหนื่อยขนาดไหน ?
โม : ทุกวันนี้หนูก็ยังนอนน้อยกันเหมือนเดิม หนูพยายามเท่าที่สามารถหนูจะทำได้ บางคนเป็นห่วงเราว่าเราจะต้องแลกกับอะไร หนูมีสติพอที่จะเลือกได้ว่าเรามีขอบเขตแค่นี้เราได้เท่านี้ เราอยู่ได้แค่นี้ โดยที่เราจะไม่ได้รับอันตรายหรืออะไรใด ๆ หนูไม่ได้คิดถึงขั้นว่าใครจะมาทำร้ายใครจะมาขู่หรืออะไร เพราะหนูถือว่าแค่อยากหาความจริงให้พี่เท่านั้นเอง
- มีคนเตือนไหม ?
โม : เยอะมากค่ะ มีบ้างแต่โมไม่เรียกว่าการขู่คือการเตือน เพราะหนูรู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เจตนาของเขาหนูไม่ทราบ ถ้าหวังดีก็ขอบคุณค่ะ ถ้าหวังอย่างอื่นหนูไม่ได้มองว่าหนูทำอะไรผิดแล้วหนูไม่ได้ทำเกินหน้าที่ขอบเขตของตัวเอง
- กลัวไหม ?
โม : ไม่กลัวค่ะ
- ทนายเดชาบอกจะปิดคดี 24 เมษา คิดว่าปิดได้ไหม ?
โม : ถ้าปิดได้ก็ขอบคุณทนายเดชามากค่ะ ก็อยากปิดให้ได้พวกหนูก็รอดูอยู่เพราะไม่ได้มีอำนาจเข้าไปยุ่งในเรื่องของทนาย
- ปิดคดีแล้วออกมาเป็นอุบัติเหตุ เราใช้ชีวิตไปต่อได้ไหม ?
โม : ได้ค่ะ ทุกวันนี้หนูก็ไม่ถึงกับใช้ชีวิตไม่ได้ ก็ใช้ได้ แต่หนูแค่อยากฟังอะไรที่มันคือความจริง ต่อให้มันเป็นอุบัติเหตุแต่เป็นความจริงก็จบ
- ในกลุ่มเพื่อน ๆ มีใครได้คุยกับกระติกบ้างยัง ?
โม : รู้สึกว่าเขาจะเฟดออกไปเลยค่ะ กลุ่มนี้เขาไม่ได้อยู่ตั้งแต่แรก กลุ่มไลน์นี้ตั้งขึ้นหลังจากที่พี่หายไป โมว่าพี่เขาก็ทำตัวชัดเจนกับพวกหนูดีนะ พวกหนูไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดพี่ติก พวกหนูไม่มีเจตนาแบบนั้น พวกหนูแค่อยากรู้ความจริงจากใจของเขาจริง ๆ
- อยากให้เขาออกมาพูด ?
โม : เขาจะไปพูดตอนไหนก็ได้ จะไปพูดในชั้นศาลก็ได้ พูดต่อหน้าตำรวจก็ได้ ไม่ต้องพูดกับพวกหนูก็ได้แต่ขอให้เป็นความจริงจากใจเขาจริง ๆ หนูอยากบอกว่าพี่โมรักพี่ติกมาก รักมากจนแบบหนูเองก็ไม่แตะเลย ไม่กล้าแตะไม่กล้ามีเรื่องกับพี่ติก รักมากจริง ๆ พี่ติกคือ 1 ในครอบครัวของพี่โมอะ
- พูดว่า พี่ติกทำตัวชัดเจนกับพวกหนูดี คือยังไง ?
โม : ก็คือไม่ยุ่ง เฟดออกเลย หนูว่าหนูก็สนิทกับพี่ติกประมาณหนึ่งนะ ก็รู้จักกันมานานนะ ไม่ใช่ว่าหนูไม่รักพี่เขานะ แต่หนูอยากจะบอกพี่เขาว่าเขาคือคนในครอบครัวของพี่โม แล้วทุกคนก็รักหลานเหมือนที่พี่รักลูก
- น้องอีสเตอร์ เป็นยังไงบ้างทราบไหม ?
โม : ไม่ทราบเลยค่ะ เรารู้แหละว่าหลานอยู่กับแม่ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
- หน้าที่หลักในงานของแตงโมคืออะไร ?
โม : โมจะมีทีมกล้องวิดีโอภาพนิ่ง อยู่เลย 3 ชั้น เก็บภาพบรรยากาศทั้งหมด ทีมสตาฟฟ์ใช้คนในกลุ่มทั้งหมด 15 คน ทั้งหมดเกือบ 20 คน อันนี้เป็นหน้าที่ของโม
- งานใหญ่มาก ๆ ทำไมถึงไม่จ้างคนให้รันงาน ?
โม : งานพี่อะเนอะหนูอยากทำเอง หนูเป็นคนวิ่งเอง เวลาดาราใครมาหนูวิ่งลงไปให้เพราะหนูห่วงแต่ละคน มันเป็นไว้อาลัยไม่ใช่งานอีเวนต์ เพราะฉะนั้นหนูจะถามทุกคนคำนี้ทุกคนจะได้ยินจากหนู "พี่คะ พี่สะดวกให้สัมภาษณ์ไหม ถ้าพี่ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์บอกนะคะ เดี๋ยวให้ทีมพาขึ้นไปหรือโมพาขึ้นไปเองก็ได้" หรือถ้ามาพร้อมกันจะมีทีมการ์ดของพี่เอส กันตพงศ์ ส่งมาให้ เราจะบอกเขาไปรอคนนี้พาเขาขึ้นไป หนูก็ต้องขอโทษพี่ ๆ นักข่าวด้วย บางคนเขาไม่สะดวกให้สัมภาษณ์จริง ๆ เขามาไว้อาลัย
- กระแสดีก็มี ดราม่าก็เยอะ โดนว่า "หิวแสง" รู้สึกยังไงกับคำนี้ ?
โม : ใครที่เป็นเพื่อนโม โมดูแลแบบนี้ทุกคน พี่เขาเป็นหนึ่งในคนแรกในชีวิตหนูที่หนูรักมากที่เขาจากไปเท่านั้นเอง เชื่อว่าหลาย ๆ คนยังไม่เห็นโมเมนต์ของเราที่เราแสดงออกกับเพื่อนเราเป็นแบบนี้จริง ๆ เราเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
- เจอคอมเมนต์ลบท้อไหม ?
โม : ท้อมากค่ะ แต่เพื่อพี่คำเดียว
- ได้ยินใครพูดอะไรมาถึงเฮิร์ตขนาดนั้น ?
โม : วันนั้นไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่เอจะเรียกไปทานข้าว เพราะหนูเป็นคนที่ต้องมางานก่อนเพื่อน งานเลิกก็รอเคลียร์งาน วันนั้นดึกมากเพราะเป็นวันสุดท้ายหนูต้องคอยเคลียร์ ขอบคุณทุกคน หนูก็ตามไปที่บ้านพี่เอก็ไปกินข้าว หนูสาบานเลยหนูไม่รู้ว่าเขาถ่ายวิดีโอ เรารู้สึกว่ามันเป็นวันนั้นวันเดียวที่เราพูดได้ เพราะวันอื่นเราไม่มีเวลาแม้แต่ดูทีวี ต้องไปงานพี่ หนูหมายถึงว่าถ้ามันแลกกันได้เอาพี่หนูคืนแล้วเอาชื่อเสียงหนูไปไม่เป็นไร เพราะว่าเวลาที่มีคนติดต่องานหนูมาหนูพูดเลยว่าพี่พอก่อนเนอะ หนูลงให้ได้ หนูก็ไม่ได้อยากให้ลูกค้าด่าเราเรื่องงาน แต่ไม่ได้อยากให้คนอื่นมองว่าโกย หนูไม่ได้จะทำแบบนั้นเลย
- ความน่ารักของอมีนาคนกดไลก์เยอะมาก ยอดฟอลโลเท่าไหร่แล้ว ?
โม : ล้านเจ็ดค่ะ
- ในงานดูแลทุกอย่าง ดูแลแขกด้วย และดูแลคุณเบิร์ดด้วย ?
โม : กับพี่เบิร์ดก็มีดราม่า อันนี้หนูก็เสียใจว่าคิดได้ยังไงแต่ละคน หนูคอยดูแลพี่เบิร์ดเพราะหนูรู้พี่เบิร์ดไม่ไหว พี่เบิร์ดเขากินข้าวได้หนูก็เป็นคนประคอง กระแสดราม่าหนูถึงเนื้อถึงตัวพี่เบิร์ดมากไป เราดูแลเกินหน้าที่น้อง คิดได้ยังไงว่าเราจะอะไรกับแฟนพี่ ปัญญาอ่อนอะพี่ แต่หนูก็ไม่ใส่ใจเพราะหนูรู้หนูทำอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ควรคิดอะ พี่เบิร์ดก็เหมือนพี่ชายหนู ก็คนที่พี่เรารักอะเนาะ
- เบิร์ดดีขึ้นขนาดไหนแล้ว
โม : เขายังคงไม่เลิกคิดถึงหรอกค่ะ โมว่าคนหลาย ๆ คนก็มูฟออนไม่ได้ อย่างหนูเหมือนจะได้ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ไม่ได้อีกแล้ว เขาก็พยายามหาอะไรทำ เป็นเหมือนกิจกรรมที่ทำให้ตัวเองไม่เครียดแค่นั้นเอง มันเป็นอาชีพของพี่เขาอยู่แล้วด้วย
- ทำเสื้อมาขาย 1,000 ตัว คนบอกว่าให้ทำมาอีกเยอะ ๆ ช่วงกอบโกย เบิร์ดตอบว่าไง ?
โม : ตอบว่าทำแต่พอเพียงก่อน เพราะเขาเป็นคนทำเองผลิตเอง สกรีนเอง คุยกับลูกค้าเอง ตอบแชตเอง เขามองว่าเขาทำเองทั้งหมดดีกว่า ไปจ้างมันเปลืองเงิน เขาเป็นคนมัธยัสถ์
- ตอนที่แตงโมคบกับเบิร์ดใหม่ ๆ พามารู้จัก เขาแนะนำว่ายังไง ?
โม : เขาแนะนำว่าฉันจะพาตาหนวดมาให้รู้จักนะ เราก็บอกมาสักทีเถอะ เพราะพี่เขาคบกันได้แค่ 2 ปีเอง ถ้าพี่โมเขาไม่ได้อะไรกับใครจริง ๆ หนูจะไม่รู้จัก ทริปที่อยู่ด้วยกันยาว ๆ เลยคือเชียงใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไปเที่ยวก็อยู่ด้วยกันก็ได้รู้จักพี่เบิร์ดเยอะเลยค่ะ
- เขาเหมือนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ?
โม : เขาเหมือนเป็นผู้ชายสายดาร์กนะ แต่จริง ๆ เขาเป็นผู้ชายหวานมาก ดูอบอุ่น เขาดูแลพี่เรา ไม่ว่าพี่เราจะแว้ด ๆ เขาจะหันไปยิ้ม ดูเป็นเรื่องน่าเอ็นดูไปเลยในสายตาเขาเราแอบมองบ่อย เวลาเขาจะมีโมเมนต์ไรกันหนูจะเป็นคนแอบมองน่ารักดี
- ดูแตงโมมีความสุขไหม ?
โม : มีความสุข ดีขึ้นเยอะมาก เพราะก่อนหน้านี้พี่เราไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าไปเจอใคร ไม่กล้าแม้กระทั่งรับงาน เพราะว่าตัวเองไม่สวย บวกกับการที่เขาเป็นโรคซึมเศร้า แต่หนูนับถือใจพี่เบิร์ดเลยนะ เพราะว่าพี่เบิร์ดอะทำให้พี่โมหายดี หายแบบพาไปอยู่กับธรรมชาติ พาไปขายของ มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้พี่เรารู้สึกว่าเขาไม่ป่วย โมไม่เคยเห็นอย่างหนึ่ง ไม่เคยเห็นว่าจะมีใครทำกับข้าวให้พี่กิน มีพี่เบิร์ดนี่แหละ