เสถียรธรรมสถาน ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ปฏิบัติธรรมที่คนให้ความสนใจ นับถือและเลื่อมใสเป็นอย่างมาก โดยที่มีแม่ชีศันสนีย์เป็นผู้แนะนำชี้ทางธรรมให้กับผู้ที่มาเยือน หากแต่ในความเป็นจริงแล้ว ครั้งหนึ่งในชีวิตของแม่ชีศันสนีย์ ก็เคยมีความรักกับคุณเสถียร เสถียรสุต หนึ่งในผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน หากแต่มันได้กลายเป็นรักต้องห้าม แต่สุดท้ายแล้ว ทั้งแม่ชีศันสนีย์และคุณเสถียร ก็แปรเปลี่ยนความรักของหนุ่มสาว สู่ความรักอันบริสุทธิ์ ให้กลายเป็นการรักเพื่อน รักศิษย์ รักในธรรม และรักในแบบที่ไม่ต้องครอบครอง
สำหรับคุณแม่ ความรักนั้นต้องไม่มีความลับ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นความรักที่ไม่ถูกต้อง เฉกเช่นความรักของคุณแม่กับคุณเสถียร เสถียรสุต ผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน เผยว่า ตนเป็นคนที่เกิดมาจากคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เมื่อคุณแม่ของตนหายไป ชีวิตตนก็โหยหา โดยเรื่องราวของคุณแม่ของตนและคุณพ่อนั้น เกิดจากการที่คุณพ่อเป็นนายอำเภอ จากนั้นคุณพ่อก็ไปทำงานที่อื่น และเมื่อกลับมาทำงานคืนเดียว ก็มาเจอกับคุณแม่ และมีตน ทำให้คุณแม่ตั้งชื่อว่า ศันสนีย์ แปลว่า ผู้ที่หยิ่งในเกียรติ ซึ่งแม่ของตนตอนที่ตั้งท้องตนนั้น ก็ถูกปฏิเสธจากคุณพ่อแล้ว ทว่าคุณแม่เองก็ไม่เคยด่าว่าคุณพ่อเลย
จนเมื่ออายุ 24 ปี ตนก็รู้สึกว่าคนที่เข้ามาให้ความอบอุ่น ทั้งที่ตนวิเคราะห์ไม่ได้ และเมื่อคุณเสถียรเข้ามาแทนที่ความอบอุ่น เมื่อตนเริ่มมีใจ ก็เริ่มเป็นความไว้ใจ เราพูดคุยกันทุกวัน คุยกันอย่างละเอียด และตนก็เริ่มคิดถึงการวางอนาคตร่วมกัน คุณแม่ต้องการความมั่นคง ตนถามคุณเสถียรเพื่อความแน่ใจว่า มีใครหรือยัง ซึ่งคุณเสถียรบอกสั้น ๆ ว่า "อายุขนาดนี้แล้ว" นั่นจึงทำให้คุณแม่เข้าใจว่า ความรักที่ตนมีให้คุณเสถียรนั้น เป็นความรักที่ไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม คุณแม่รู้สึกว่าตนไม่เองไม่มั่นคง และค่อย ๆ ถอยห่าง แม้ว่าในตอนนั้นคุณแม่จะมีคนเข้ามามากมายก็ตาม นั่นทำให้คุณแม่ที่ตอนนั้นยังเป็นฆราวาส ทำงานเป็น PR Manager ตัดสินใจที่จะไปประเทศอังกฤษ เพราะไม่อยากทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
คุณแม่เลือกไปที่อังกฤษ และคุณแม่ก็บอกคุณเสถียรว่าคุณแม่จะไปที่นั่นนะ เพราะอยากจะออกมาจากความไม่ถูกต้อง ไม่อยากให้เกิดความเกรี้ยวกราด ตนไปอยู่ที่นั่น 3 เดือน และบริษัทก็เรียกตัวกลับมา แต่ตอนที่อยู่ที่นั่น คุณเสถียรก็ไม่มาตาม
ในขณะที่คุณแม่คิดว่า จะไปมีครอบครัวใหม่ หรือไปต่างประเทศ แต่คุณแม่ก็รู้สึกว่ามันไม่ราบรื่น จนคุณเสถียรบอกว่า หากรู้สึกว่าไม่สบายใจ ให้ลองบวชดูไหม ซึ่งคุณแม่มองว่ามันคือโอกาส ตอนนั้นคุณแม่ไม่คิดว่าจะบวชนาน และคิดว่าการบวชจช่วยให้ตัวเองได้หยุด ได้ทบทวนมีสติ และทำให้คุณแม่รู้ว่า ความรักที่ดีคือการให้โอกาส และไม่ต้องครอบครองก็ได้
คุณเสถียรพาคุณแม่ไปบวชด้วยการพาไปเจอกับอาจารย์ท่านหนึ่ง และคุณแม่ได้ตัดสินใจตรงนั้น ทำให้ความรักของคุณแม่ เป็นความรักที่ไม่มีการครอบครอง และหลังจากที่บวช คุณเสถียรก็ยังมาทำหน้าที่ทุกวัน และจากการที่คุณเสถียรมาทุกวัน ก็ทำให้คุณแม่เข้าใจความรักมากขึ้น ว่าความรักไม่ใช่การครอบครอง หากแต่คือการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ขนาดตี 5 ต้องทำวัตร คุณเสถียร ยังมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง คุณแม่เองก็อยากจะสึก แต่หลวงพ่อเองก็มีกุศโลบายทำให้คุณแม่บวชมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งหลวงพ่อป่วย และบอกให้คุณแม่ซื้อที่ดินไว้ เมื่อหลวงพ่อมรณภาพ ก็มีการปรับปรุงที่ดิน ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ อาจ อาสภะ ได้มีการถามไถ่ และท่านก็ให้ตั้งชื่อว่า เสถียรธรรมสถาน ซึ่งแปลว่า สถานที่ที่มีธรระอันมั่นคง ซึ่งไม่ใช่ความจริงเลยที่ว่า เสถียรธรรมะสถาน ตั้งตามชื่อ คุณเสถียร
ความรักของคุณแม่กับคุณเสถียรนั้นแม้จะสั้นแต่ยั่งยืน ศพของคุณเสถียรยังอยู่ที่ถ้ำนิพพานชิมลอง และยังมีการสวดศพ ความรักที่เรามีให้กันสองคนสามารถออกไปรักคนอื่นได้มาก รับใช้คนอื่นได้มาก
"มีคนคิดว่า คงผิดหวังกับความรักใช่ไหมถึงบวช คุณแม่ก็จะบอกว่า ทุกวันนี้ยังรักอยู่เลย ความผิดหวังแปลว่า เราไม่ได้สิ่งนั้นมาเป็นของเรา แต่สำหรับคุณแม่ไม่ใช่ คือความรักยังอยู่ แม้สิ่งที่รัก เราจะไม่ได้ครอบครอง"