ณเดชน์ ห่วงความรู้สึก ญาญ่า หลังเจอกระแสวิจารณ์ โชว์สยิวบนคอนเสิร์ต แจงเป็นการแสดง ลั่นสบายใจเรียกที่รัก
คอนเสิร์ตที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง?
ณเดชน์ : ถามว่าหายเหนื่อยหรือยัง ยังครับ (หัวเราะ) ตอนนี้ถ้าไม่มีงานก็คงอยู่บ้านพักผ่อน ไม่ค่อยอยากทำอะไรสักเท่าไร ข้างนอกอาจจะดูสดใส แต่ข้างในพัง ๆ นิดหนึ่ง
เราปล่อยพลังบนเวทีเต็มที่มาก ?
ณเดชน์ : ก็ดีนะครับ เราเองที่ได้พลังเยอะขนาดนั้น เพราะคนที่ไปเขาให้พลังเรามา ไม่ว่าจะสายตา เสียงกรี๊ด กำลังใจที่เขาให้มาเราได้รับตรงนั้น เราก็อยากส่งกลับไปให้ได้มากที่สุด เต็มที่กับทุก ๆ อย่าง ทุก ๆคนที่ไปวันนั้น
พอใจกับโชว์ที่ออกมาไหม ?
ณเดชน์ : สนุกครับ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ การได้ทำงานกับทีมงานมืออาชีพ ก็ทำให้เราได้มีไอเดีย การพัฒนาและประสบการณ์ที่มากขึ้น
หลายคนชื่นชมความสามารถของเราว่าได้ทุกด้านจริง ๆ ?
ณเดชน์ : ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนครับ ผมให้เวลากับการซ้อมค่อนข้างเยอะมาก ช่วงนั้นแทบจะไม่รับงานเลย พยายามซีเรียสกับตรงนั้นให้มากที่สุด ไม่อยากปล่อยอะไรให้มีข้อผิดพลาด หรือ ทำให้กลายเป็นข้อบกพร่อง ก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
พาร์ทไหนที่ยากที่สุด ?
ณเดชน์ : ยากทุกพาร์ทครับ ช่วงเปิดโชว์ก็ถือว่ายาก ทำยังไงให้คนดูไม่เบื่อ ไม่ลุกกลับบ้าน เป็นโจทย์ที่เราต้องทำ แต่โดยรวมก็ขอบคุณทุกคนที่ไปร่วมสนุกกันนะครับ
แขกรับเชิญชื่นชมณเดชน์ว่าเป็นมืออาชีพ ?
ณเดชน์ : ดีใจครับ ดีใจที่ทุกคนให้เกียรติมา จริง ๆ แล้วเสียงกรี๊ดที่ได้ยินที่ดังที่สุดก็คือพี่ก้อง สหรัฐ ผมแทบจะเอาหน้ามุดดินเลยตอนนั้น พี่ก้อง พี่อี๊ด โปงลาง พี่ปั๊บ โปเตโต้ พี่แอม ยัวบอย ทีเจ น้องญาญ่า ทุกคนที่มาให้โอกาสผม ก็ขอบคุณทุกคนมาก ๆ
พาร์ทกับน้องญาญ่า ?
ณเดชน์ : จริง ๆ แล้วทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า แขกรับเชิญที่เราเปิดเผยเป็นน้องญาญ่า แฟนคลับส่วนหนึ่งที่มาก็เป็นแฟนคลับน้องญาญ่าด้วย
โดนแซวว่าเหมือนมางานแต่ง ?
ณเดชน์ : มันก็เป็นช่วงที่เป็นอีกสีสันหนึ่ง พี่ฉอดก็ให้ไอเดียว่าเราจะทำยังไงให้มันดูสนุก ได้เรียนรู้เรื่องราวของเราสองคนไปในระดับหนึ่งด้วย
แกรนด์โอเพนนิ่งแล้ว มีการเรียกที่รัก ?
ณเดชน์ : ก็ไม่ได้แกรนด์โอเพนนิ่งอะไร ก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เราก็รู้สึกสบายใจ เพราะทุกคนที่ไปในคอนเสิร์ตวันนั้น เขาก็เป็นแฟนคลับเรา เขาไปให้กำลังใจเรา เขาอยู่กับเราแล้ว เราเลยรู้สึกสบายใจที่จะพูดอะไรบางอย่าง อยากจะบอกแฟนคลับด้วย อยากจะบอกน้องญาญ่าด้วย มันเลยเกิดโมเมนต์ตรงนั้น
ไม่มีสคริปต์ ?
ณเดชน์ : สคริปต์มันก็เป็นแค่ไกด์ ๆ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้น ณ อารมณ์ตรงนั้นเอง วันแรกกับวันที่ 2 ก็ไม่ได้เหมือนกันซะทุกอย่างครับ
เขินไหม ?
ณเดชน์ : ก็เขินนิดหน่อย รู้สึกดีที่เราได้บอกคนที่เขารักเรา หมายถึงแฟน ๆ เขาก็ดีใจ
ได้เตรียมใจเกี่ยวกับกระแสติไว้บ้างไหม ?
ณเดชน์ : กระแสไม่ได้เตรียมใจไว้เลยครับ(หัวเราะ) ว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น เราก็อยากจะให้ทุกคนที่จ่ายตังค์ไปดูได้มีความสุขเท่านั้นเอง แค่นั้นเองจริง
นอยด์มั้ยออกมาอย่างนี้ ?
ณเดชน์ : เรานอยด์กับความรู้สึกของญาญ่ามากกว่า เราไม่ได้นอยด์ว่าเดี๋ยวคนจะมาด่าเรา เราเป็นห่วงความรู้สึกของน้องมากกว่า เพราะเขาก็อุตส่าห์มาช่วยเราทำโชว์โดยเฉพาะ
อย่างวันแรกที่มีภาพออกไป มันมีผลกับวันที่ 2 หรือเปล่า ?
ณเดชน์ : ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยจนกระทั่งวันสุดท้าย ก็มีการพูดคุยกันเกิดขึ้น อันนี้ผมไม่รู้เรื่องมาก่อน ก็ยังไม่ได้เห็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น วันนั้นยังเพิ่งเสร็จคอนเสิร์ตหลังจากนั้นก็เคยได้ถาม ได้พูดคุยกันถึงเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น
ได้คุยกับแม่ปลาไหม ?
ณเดชน์ : คุยครับ ก็บอก ว่ามันเกิดจากอะไร ว่าเราจะมีวิธีการแก้ไขยังไง แต่ว่าจริง ๆ แล้วพอโชว์มันออกไปแล้ว การจะแก้ไขอะไรมันก็แก้ไขไม่ได้ ดีที่สุดเราก็อธิบายด้วยเหตุผลของเราที่เราได้เตรียมงานมา แต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเองอยู่แล้ว ผมเข้าใจในเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว ก็น้อมรับไว้ ขอบคุณมาก ๆ
ก็ไม่ได้คอมเมนต์อะไรมาจากแม่ปลาใช่ไหม ?
ณเดชน์ : ในเรื่องการคุยเรื่องงานอย่างละเอียดจะเป็นทางผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ แม่ปลาจะคุยกับทางพี่ฉอดกับก้อยเองเสียมากกว่า รายละเอียดตรงนี้ผมจะไปแก้ไขอะไรเองไม่ได้ ก็ปล่อยให้เป็นไปตามความสบายใจของคุณแม่ดีกว่า
พอเราได้มาเห็นทั้งภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหวแล้วเรารู้สึกว่ามันแรงไปไหม เกินงามไปอย่างที่คนวิพากษ์วิจารณ์หรือเปล่า ?
ณเดชน์ : เอาจริง ๆ เลยในมุมมองของผม ผมรู้สึกว่านั่นคือการแสดง มันคือโชว์หนึ่งที่เป็นสเปเชียลโชว์ ที่เกิดขึ้นในพาร์ทเดียวสำหรับเพลงนี้ ผมรู้สึกว่าเราอยู่ในโหมดของนักแสดง ที่กำลังเพอร์ฟอร์มตรงนั้นออกมาเลยไม่ได้คิดถึงเรื่องเพศ เรื่องเซ็กส์ หรืออะไร มันคือโชว์มากกว่า
ญาญ่าบอกผู้ชมคือผู้ปกครองที่คอยติชม ณเดชน์คิดเห็นเหมือนกันไหม ?
ณเดชน์ : ก็มีส่วนสำคัญนะครับสำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนดู ความรู้สึกของทุกคนที่ได้รับ มันเป็นเหมือนกับการทำโพล เพราะทุกคนอยากจะรู้ว่าทำออกมาแล้วเป็นอย่างไร มันเหมือนเป็นการทำการบ้าน ทำการตลาด อย่างที่น้องได้พูดไปแล้วซึ่งน้องตอบคำถามดีมาก ๆ การรับฟังคนดู มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าคนดูรู้สึกแบบไหนกับสิ่ง ๆ นั้นที่เราได้แสดงออกไป อาจจะมีการกลับมานั่งทำการบ้านว่าอะไรเหมาะอะไรไม่เหมาะ