เปียเชอร์ คริสเตนเซ่น ไม่คิดหันหลังให้วงการ แม้ผันตัวเป็นสาวชาวไร่

เปียเชอร์ คริสเตนเซ่น อดีตนางเอกดัง เผยถึงจะผันตัวเป็นสาวชาวไร่เต็มร้อย แต่ยังไม่เคยคิดหันหลังให้วงการบันเทิง

          ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีที่แล้ว ในยุคที่คนเป็นดารานักแสดงยังไม่มากมายเหมือนทุกวันนี้ เปียเชอร์ คริสเตนเซ่น อดีตนางเอก นางแบบ ลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ที่หน้าคมและสวยสุด ๆ เรียกว่าช่วงนั้นโด่งดังเป็นพลุแตก ตั้งแต่เป็นนางเอกเรื่องแรก จากนั้นก็อยู่หน้าจอมาตลอด แต่อยู่ ๆ ก็หายหน้าจากจอไปพักใหญ่ จนแฟน ๆ เกือบลืม

          ล่าสุดรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 จึงได้เชิญนักแสดงสาวคนสวยที่แม้อายุจะใกล้เลข 5 แต่ก็ยังสวยเป๊ะเหมือนเดิม มาร่วมพูดคุยอัปเดตชีวิต ที่ล่าสุดผันไปเป็นสาวชาวไร่แบบเต็มตัว พร้อมกับแก้ข่าวที่ว่ากำลังหันหลังให้วงการบันเทิงแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่า "ไม่ได้ทิ้ง ไม่เคยคิดจะทิ้งเลยค่ะ ถ้ามีใครติดต่อมาแล้วถ้าเราว่างเราเล่นแน่นอน"

          เราเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 18-19 ปี แต่จริง ๆ มีคนมาติดต่อให้เราเข้าวงการตั้งแต่ 16 แต่ที่บ้านรู้สึกว่าเราเด็กเกินไป เราเป็นลูกครึ่งเดนมาร์ก-ไทย เราเกิดที่เมืองไทย แต่พอตอน 10 ขวบเราก็ย้ายตามคุณพ่อเขากลับไปทำงานที่โน่น เราพูดไทยตั้งแต่แรกเลย แต่พูดเดนมาร์กไม่ได้ เลยต้องไปเริ่มต้นใหม่หมด แต่ก็เพราะยังเด็กเลยเริ่มไม่ยาก 2 ปีเราก็สามารถพูดกับเพื่อนที่โน่นได้ละ

          พอ 18 เราก็กลับมาไทย ลองทำงานในวงการบันเทิงดู คือช่วงแรกแบบ 2 เดือนแรก ทำไมไม่มีงานเลย จนเราต้องแคะกระปุกกินข้าว ต้องคำนวณว่า 100 บาท กินยังไงให้ครบ 3 มื้อ แต่พอแคสต์งาน 2 เดือนที่ผ่านมาที่เรารอก็ได้หมดทุกงานที่เราได้ไปแคสต์ งานก็ปัง ๆ มาเยอะมาก

เรียกเป็นเจ้าแม่พรีเซ็นเตอร์เลยในยุคนั้น

เปียเชอร์ : ใช่ค่ะ ในยุคนั้น ตอนนั้นเสียดายจังเนอะไม่ได้เงินเท่ากับในยุคนี้ เพราะสมัยนั้นเพิ่งบูม เราก็เป็นตัวตั้งตัวตีแรก ๆ เลย ที่เราผลักดันค่าตัวให้แพงมากขึ้น ทำให้มีมาตรฐานมากขึ้น อย่างแรกเคยเรียกค่าแชมพูยี่ห้อหนึ่ง 7 หลักต้น ๆ เขาก็บอกว่าทำไมถูกจังเลยคะ เราก็เข้าวงการมาด้วยโฆษณาก่อน หนังใหญ่ แล้วก็มาละคร พลุแตกเลย

บทที่ได้ส่วนมากเป็นบทอะไร

เปียเชอร์ : ช่วงแรก ๆ ก็ต้องนางเอก พอเล่นอยู่ได้สักพักเราก็ลองมาเล่นบทนางร้ายดู เราก็สลับไปสลับมาหลาย ๆ บท ถ้าถามว่าชอบบทไหน บอกไม่ได้ค่ะ ชอบบทที่ท้าทายมากกว่า อย่างเล่นเป็นคนตาบอด คนบ้า ก็จะสนุกกว่า หรือนางเอกที่สู้คน ไม่ใช่หวานที่ถูกกระทำ

ในช่วงที่พลุแตก งานเพียบ แต่ทำไมรู้สึกว่าหายไป

เปียเชอร์ : ใช่ค่ะ คือบทบาทเริ่มน้อยลงเราก็เริ่มเบื่อ เราก็ไปทำเบื้องหลัง กับซอนย่า สนุกมากเลยค่ะ เพราะเราได้คุยประสานงานกับคนเยอะมาก แล้วเราก็ไปทำรายการ ตอนนั้นก็มี จริง ๆ เป็นคนชอบเบื้องหลังมากกว่าเบื้องหน้า ไม่ชอบแต่งหน้าแล้วก็แต่งตัว เชอร์จะไม่แต่งหน้าเลยถ้าไม่ได้ออกไปไหน เพราะเวลาเราไปถ่ายแบบ เดินแบบ เราก็จะแต่งหน้าเป็นประจำอยู่แล้ว

มีคนชอบจำสลับเรากับมาช่า

เปียเชอร์ : ใช่ค่ะ ตอนนั้นเพิ่งเริ่มดัง คนก็จะทักเราบอกว่า อุ๊ย !! มาช่า เราก็ตอบกลับเขาไปไม่ใช่จ้ะ ฉันเปียเชอร์ เพราะชื่อคล้าย ๆ กัน ก็ตลกดีไม่มีอะไร เราก็ไปดูที่โปสเตอร์ เขาสวยจังเลย เอาเราไปเปรียบเทียบก็ดีใจ

แปลว่าเราไม่ได้เป็นคนรักสวยรักงาม

เปียเชอร์ : ก็รักสวยรักงามนะคะ ก็อย่างเช่นเราออกกำลังกายเพราะเราอยากให้หุ่นดี ไม่อยากให้ร่างกายมีไขมันมากกว่า แต่จะมานั่งทำผม ทำเล็บ ไม่ชอบ อย่างที่บอกเราเป็นคนลุย ๆ ห้าว ๆ

เพราะเป็นคนห้าว ๆ ลุย ๆ แบบนี้เลยหันหน้าเข้าไร่

          เปียเชอร์ : ต้นไม้ก็มีชีวิตเหมือนกัน กับการที่เราอยู่กับต้นไม้ เราได้ออกซิเจนที่ดี แล้วต้นไม้เป็นสิ่งสวยงาม พอมันแตกใบออกผล ทำให้จิตใจเราเติมเต็ม ทำให้ชีวิตเรามันสมบูรณ์ดูมีค่า เหมือนตอนเด็ก ๆ เราจะอยู่ตามผับบาร์ แต่พอโตขึ้นเรารู้สึกว่าเราอยากอยู่กับธรรมชาติ ในที่สุดเราก็กลับไปเข้าสู่ธรรมชาติ มันจะดีต่อสุขภาพจิตของเรามาก

          ตอนนี้ก็ไปลุยปลูกมะรุม ฝักมะรุม ที่เอามาทำแกงส้ม สิ่งที่เราใช้มันคือเมล็ดที่อยู่ข้างในค่ะ เราจะเอาไปหีบ คือการม้วนอัดแน่นแล้วมันจะไหลออกมาเป็นน้ำมัน คือน้ำมันของมะรุมค่ะ เราสามารถเอาน้ำมันตัวนี้ออกมาทาหน้า ทาตา ทาผม เป็นน้ำมันสกัดที่มีคุณค่าเพราะเป็นการนำมาซึ่งธรรมชาติ จริง ๆ ก็ทานได้นะคะ แต่ตัวนี้เราเอามาสำหรับทาค่ะ ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่เราทำอยู่ตอนนี้ ชื่อ moringa project แปลว่า มะรุม นั่นเอง

          และถึงจะหายหน้าจากหน้าจอไปบ้าง แต่ เปียเชอร์ นักแสดงคนสวยคนนี้ ยังคงทำงานเพื่อสังคมเพื่อประชาชนอยู่ตลอด สู้ ลุย เป็นจิตอาสาบริจาคสิ่งของอยู่เรื่อย ๆ กับทางร่วมกตัญญู เรียกว่าไม่ใช่สวยแค่กายเท่านั้น น้ำใจของเธอนั้นยังเหลือล้นอีกด้วย

เปียเชอร์ คริสเตนเซ่น ยันไม่คิดหันหลังให้วงการ หลังหายหน้าไปเป็นสาวชาวไร่