จากกรณีที่เกิดความวุ่นวายในการประกวดนางงาม เวทีนางสาวสมิหลา จังหวัดสงขลา ด้วยการที่นางงาม 5 คนที่ตกรอบ ได้ขึ้นไปบนเวที เพื่อประท้วงที่พวกเธอตกรอบอย่างไม่ยุติธรรม จนกลายเป็นความวุ่นวาย งานเดินต่อไม่ได้ และปีนี้ก็ไม่มีใครที่ครองมงกุฎ นางสาวสมิหลา แต่อย่างใด อ่านเพิ่มเติม
ทั้งนี้ น้องอร เผยว่า ตอนที่คัดนางงาม 10 คน ตนเห็นด้วยว่าทุกคนควรเข้า แต่พอถึงรอบตอบคำถาม ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นนางงามเดินสาย ทุกคนเตรียมตัวกันมาดี ทุกคนรู้จักแพ้ รู้จักชนะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ นางงาม 5 คนที่ตกรอบนั้น บางคนควรที่จะเข้ารอบไป ซึ่งทำให้รู้สึกว่า เวทีนี้ไม่โปร่งใส จึงเป็นทื่มาของการทวงถามว่า พวกตนตอบคำถามไม่ดีตรงไหน
ทั้งนี้ น้องอรยืนยันว่า ตนต้องขอโทษคนทั้ง 5 คนที่เข้ารอบไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่สมควรเข้ารอบ และขอโทษผู้ใหญ่ ผู้จัดการ และแฟนคลับ พี่เลี้ยงทุกท่าน ตนไม่มีเจตนาที่ก้าวร้าวหรือรุนแรง สิ่งที่ตนทำลงไปคือ อยากจะขอคำอธิบายและคำชี้แจงจากกองประกวดเท่านั้น
ภาพและคลิปที่ดูรุนแรง เพราะตนไม่ได้รับคำอธิบายที่เหมาะสม อีกทั้งเสียงก็ดังตนเลยอาจต้องตะโกน และมีจังหวะหนึ่ง ในขณะที่ตนกำลังพูดผ่านไมค์ แต่พูดยังไม่จบ กองประกวดก็ปิดไมค์ ตนเลยต้องตะเบงออกซึ่งตนอยากจะขอโทษทุกคน ตนไม่มีเจตนาทำลายงานนางสาวสมิหลา
ด้านคุณมณฑล พี่เลี้ยงนางงาม บอกว่า ทุกคนรู้แพ้รู้ชนะ ทางเราก็พาเด็กไปประกวดทั่วประเทศ บางครั้งผลการประกวดค้านสายตา เราก็ยอมรับได้ ไม่ว่า แต่ในครั้งนี้คือมันสุด ๆ ก่อนที่จะได้มาประกวด ก็มีข่าวลือมาเรื่อย ๆ เราก็สู้เต็มที่ เวทีนี้ต้องการคนเก่ง ต้องการคนสวย เราก็คัดคนสวยและคนเก่งมา แต่พอมาอยู่บนเวที กลับไม่มีคำอธิบายที่ดีพอว่าทำไมเด็กถึงตกรอบ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ตามมา เด็ก 1 คน ไม่ต่ำกว่า 5,000-7,000 บาท เขาเองก็ไม่ได้มีเงินทองมารองรับขนาดนั้น จึงอยากจะถามกรรมการว่า น้องไม่สวยเหรอ น้องไม่เก่งเหรอ ถ้าจะตกรอบก็อยากได้คำอธิบายเพื่อเอาไปปรับปรุงตัวเอง
ตนไม่อยากให้มองว่า เด็กก้าวร้าวอยากได้ตำแหน่งขนาดนั้น ก่อนหน้านี้เด็ก ๆ ก็เคยประกวดเวทีอื่น และได้รับตำแหน่งกันมาก่อน เข้าใจดี ถ้าจะต้องตกรอบก็ไม่ว่า แต่ถ้าจะตกรอบแล้วหาสาเหตุไม่ได้ มันคือความเหนื่อย ความเสียหาย เขาจึงต้องออกมาพูด
ตนขอโทษคณะกรรมการและคนที่ได้รับผลกระทบ เรื่องนี้อาจจะเกิดความเข้าใจผิดจากทั้ง 2 ฝ่ายด้วย