x close

โย่ง - ก้อย กับการเดินทางของความรัก





          ชีวิตของใครหลายคน เลือกการเดินทางเป็นโลกใบใหญ่ที่รอการค้นหา สำหรับบางคนการเดินทางสักครั้งเปลี่ยนชีวิตของเขาได้อย่างไม่รู้ตัว และคนคู่นี้ก็เช่นกัน การเดินทางเปรียบได้กับการค้นพบตัวตนในกันและกัน รวมทั้งรู้จักเรียนรู้ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ ความรัก มิตรภาพ ไปพร้อมๆ กัน ก้อย-วลัยลักษณ์ มุสิกโกฏก และ โย่ง-อนุสรณ์ มณีเทศ คู่รักที่ใครๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดีจากผลงานอัลบั้มเพลงในชื่อ โย่ง-อาร์มแชร์ และ ก้อย-แซทเทอร์เดย์ เซย์โกะ กับความรักในแบบเรียบง่ายแต่ก็แฝงไปด้วยสีสันที่คอยเติมเต็มให้กันและกันตลอดมา

          ครั้งนี้เขาและเธอกับอัลบั้มพิเศษ My Travelers ที่เกิดจากการเดินทางไปเยือนฝรั่งเศสและเยอรมัน พวกเขาค้นพบอะไรจากการเดินทางครั้งนั้น และพวกเขาอยากบอกเล่าอะไรให้คุณรู้บ้าง ตามเรามาเลยค่ะ...

ที่มาของอัลบั้มพิเศษ My Travelers เกิดขึ้นได้อย่างไรคะ

          ก้อย : ถือว่าเป็นโปรเจคพิเศษที่เราทำคู่กันครั้งแรกค่ะ สำหรับอัลบั้ม My Travelers ซึ่งพิเศษมากๆ เพราะว่ามันเป็นอัลบั้มที่ไม่ได้มีแค่เพลง แต่จะมีอัลบั้มภาพและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเดินทางทั้งหมด ระหว่างกรุงเทพ ปารีส และเยอรมัน เรื่องราวข้างในก็จะมีรสชาติของการเดินทางที่ครบถ้วน ทั้งเรื่องของมิตรภาพระหว่างเพื่อน ความรัก แล้วก็ประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ที่เราได้ไปพบเจอกัน สนุกมากๆ ค่ะ แล้วเราก็อยากถ่ายทอดให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย แล้วอัลบั้มนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เลือกเอาแรงบันดาลใจจากการเดินทางมาทำเป็น งานเพลงค่ะ จากสถานที่ต่างๆ เหตุการณ์ที่ไปพบเจอทุกอย่างมีความหมายซ่อนอยู่ ซึ่งสามารถนำมาเป็นไกด์บุ๊คได้ด้วย

          โย่ง : ต้องบอกก่อนเลยว่า การไปเที่ยวครั้งนี้เกิดจากเพื่อนผมคือ อ้วน อาร์มแชร์ มือคีบอร์ดของวง เขาเคยชวนเมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว เราสองคนก็เลยแพลนขึ้นมาในใจว่าอยากไปเที่ยวปารีสกัน หลังจากวางแผนเตรียมตัวกันอยู่ประมาณ 5 เดือน เดือนมิถุนายนปีที่แล้วเราก็เริ่มเดินทาง แต่สำหรับอัลบั้มคู่ของเรา แพลนกันมานาน 3 ปีได้แล้วครับ ซึ่งเราก็อยากให้มันเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ น้องๆ หลายคนก็บ่นว่าอยากฟัง เราก็คิดว่าควรจะเป็นโปรเจคที่รีแลกซ์ มีสไตล์ของสองวงผสมกัน รวมทั้งเรื่องท่องเที่ยวด้วย

คุณทั้งสองคนตั้งใจจะให้อะไรกับคนฟังอัลบั้มนี้คะ

          ก้อย : เรื่องราว ประสบการณ์ และสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเปิดโลกทัศน์ใบใหม่ค่ะ เพราะอัลบั้มนี้ไม่ได้เกิดจากการเดินทางแค่สองคน มันเป็นการเดินทางของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนกัน เราเชื่อกันว่า คนที่ได้ฟังอัลบั้มนี้น่าจะเกิดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตได้บ้าง แล้วสิ่งที่เราอยากสื่อคือการเดินทางมันสามารถพัฒนาตัวตนของเราได้

          โย่ง : คอนเซ็ปต์ที่เราตั้งขึ้นมาคือการเดินทางใช่มั้ยครับ แต่เราไม่ได้คิดแค่ว่าเราเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเท่านั้น เรานึกถึงแฟนเพลงของเราด้วย มีหลายคนที่อยู่กับเราสองคนมาเป็นสิบปีก็เหมือนกับการเดินทางเช่นเดียวกัน การเดินทางของชีวิตที่มีเพื่อนร่วมทางอยู่ด้วย มีผม มีก้อย และน้องๆ แฟนเพลง เราอยากมอบความรู้สึกดีๆ คืนกลับไป แรงบันดาลใจที่เราได้รับจากการเดินทาง เราก็อยากแบ่งปันให้น้องๆ ได้รับด้วยเช่นกันครับ
 
ทำงานร่วมกันในสายอาชีพเดียวกันเป็นครั้งแรก รู้สึกอย่างไรบ้าง

          ก้อย : ทะเลาะกันยิ่งกว่าเดิมค่ะ (หัวเรา) ซึ่งจริงๆ มันเป็นปกติของการทำงานร่วมกันอยู่แล้วนะคะ การทะเลาะกัน ก้อยเชื่อว่ามันเป็นการทำให้เกิดผลงานที่ดีออกมา เราได้ประชุมกันตลอดเวลาและในการประชุมกันก็ต้องมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไปอยู่แล้ว แต่เมื่อหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลงแล้ว ก้อยเชื่อว่าทุกคนจะแฮปปี้ เพราะทุกอย่างเคลียร์ ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้

          โย่ง : ผมรู้สึกดีนะครับที่ได้ทำงานร่วมกับเขา ก่อนหน้านี้เราก็เคยทำงานร่วมกันมาแล้ว แต่ในส่วนของอาชีพที่ต่างกันไป เราเคยขายของด้วยกัน แต่พอได้มาทำอาชีพเดียวกัน มันเหมือนบทสรุปที่เราคุยกันมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เราจีบกัน คบหาดูใจกัน เราคุยเรื่องอาชีพของเรามาโดยตลอด การร้องเพลงเป็นสิ่งที่เราทำเหมือนกัน แต่ไม่เคยทำร่วมกันเลย พอมาทำงานด้วยกันก็ทำให้เรียนรู้อะไรได้มากขึ้นครับ
 
เรื่องของการแต่งงานสำหรับคุณทั้งคู่ มองไว้อย่างไรบ้างคะ

          โย่ง : เรียกว่าอยู่ในขั้นตอนของการคิดไว้ครับ แต่ตอนนี้สนุกกับงานมากกว่า แล้วการแต่งงานสำหรับผม มันต้องใช้ความรับผิดชอบค่อนข้างเยอะ ผมอยากทำหน้าที่แต่ละอย่างให้ดีที่สุดก่อน อย่างตอนนี้หน้าที่ของเราในสายอาชีพนี้กำลังเป็นสิ่งสำคัญ ผมก็อยากทำให้ไปถึงที่สุดของฝันก่อน แล้วการแต่งงานก็จะกลายเป็นความผ่อนคลายของเราทั้งคู่ครับ

          ก้อย : ก้อยมองว่าตอนนี้เราทั้งคู่เหมือนกำลังคบหาดูใจกันอยู่ ถ้ายังไม่ได้ถึงวินาทีที่เราแต่งงานกัน เราก็เรียกได้ว่า เรียนรู้กันอยู่ ดูใจกันอยู่ ตอนนี้เราสองคนยังสนุกที่ได้เรียนรู้กัน ได้รู้จักกันในแง่มุมต่างๆ ของชีวิต โชคดีที่เราสองคนมีความรู้สึกของความเป็นเพื่อนกันค่อนข้างเยอะ มันจะมีสิ่งใหม่ที่เข้ามาทำให้สีสันในชีวิตเราไปเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เรียกว่าชีวิตยังไม่อิ่มในตอนนี้ เรายังไม่พร้อมสำหรับชีวิตครอบครัวค่ะ

คุณสองคนได้เรียนรู้อะไรจากกันและกันบ้างในช่วงระหว่างที่คบหาดูใจกันมา

          โย่ง : เห็นก้อยแบบนี้ จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่ธรรมะธรรมโมมากๆ ครับ เห็นเขาแต่งตัวแรง มีรอยสัก แต่จริงๆ เขาเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยนมาก แล้วอบายมุขต่างๆ คือเขาไม่แตะเลย ผมชอบเขาตรงความแตกต่างที่ชัดเจนตรงนี้ ตอนที่ผมเจอเขาครั้งแรก ผมก็รู้สึกเลยว่า ผู้หญิงลุคแบบนี้จะต้องมีอะไรพิเศษซ่อนอยู่แน่ๆ แล้วเขาก็พิเศษสำหรับผมจริงๆ ครับ

          ก้อย : อยู่กับเขาแล้วก้อยรู้สึกว่าชีวิตมีสีสันเพิ่มขึ้นค่ะ โย่งทำให้ทุกวันของก้อยสนุกได้ ส่วนตัวก้อยคิดว่า เวลาที่เราได้รู้จักคนๆ หนึ่ง ได้เรียนรู้ ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ มันทำให้ชีวิตเรามีค่า ได้เดินหน้าต่อไปทุกวัน ก้อยเชื่อว่า ชีวิตเราจะมีการพัฒนา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามนะคะ มุมมอง ความคิดของเราจะพัฒนาขึ้น ถ้าเราได้เรียนรู้อะไรจากคนอื่นบ้าง

คุณมีเทคนิคถนอมความรักในแบบฉบับของคุณทั้งคู่หรือเปล่าคะ

          ก้อย : ความเป็นเพื่อนกันมั้งคะ ก้อยคิดว่าเราสองคนมีความเหมือนกันหลายอย่าง บางอย่างที่แตกต่างกัน ก็เหมือนช่วยกันเติมให้เต็ม เรามีรูปแบบการทำงานในชีวิตที่เหมือนกัน แล้วการเป็นเพื่อนกัน มันจะทำให้เราลดกิเลสของความเป็นคู่รักบางอย่างลงได้ เรามีเรื่องคุยกันทุกวัน แล้วก็ไม่ใช่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ มันมีเรื่องนู้นนี้ให้คุยกันตลอด

          โย่ง : โชคดีที่เรื่องราวในชีวิตของเรามีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นเยอะมาก เราจะมีเรื่องสนุกๆ ให้ทำตลอด แล้วเราก็จะมีมุกส่วนตัวของเราที่มองหน้ากันก็เข้าใจทันที เราสามารถหัวเราะเรื่องเดียวกันได้ ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้ชีวิตคู่ของเราสนุกขึ้นครับ

วางแผนอนาคตไว้อย่างไรกันบ้างคะ

          ก้อย : ก้อยคงอยู่วงการเพลงไปอีกสักพัก แล้วก็คิดว่าคงเลือกที่จะใช้ช่วงบั้นปลายชีวิตแบบเรียบง่าย อย่างการปลูกบ้านดินอยู่ต่างจังหวัด มีพืชผักสวนครัวไว้ทานง่ายๆ แล้วก็จะเลี้ยงแมวไว้เป็นเพื่อน เพราะก้อยชอบแมวมากๆ แน่นอนว่าท้ายที่สุด ก้อยก็ต้องอยู่กับครอบครัว และอยากมีชีวิตที่สงบสุขเหมือนคนทั่วไปค่ะ

          โย่ง : สำหรับวงการบันเทิงก็เหมือนของหวานในความรู้สึกผมนะครับ ของคาวหรืออาหารหลักประจำวันก็คือชีวิตที่เราดำเนินอยู่ทุกวันนี้ ตอนนี้เราสนุกกับของหวาน แต่วันหนึ่งผมก็ต้องกลับมากินของคาว ถึงตอนนั้นผมก็คงหาซื้อที่แถวๆ โคราชสัก 5 ไร่ 10 ไร่ ผมอยากทำเกษตรอินทรีย์ ผมชอบเมืองไทยในความเป็นเกษตรกรรม ความฝันอย่างหนึ่งคือผมอยากทำให้อาชีพเกษตรกรในเมืองไทยเท่ขึ้นมา อย่างชาวไร่ในต่างประเทศ เขาจะดูเท่มากๆ แบบว่าใครๆ ก็ฝันอยากทำฟาร์มของตัวเอง แต่สำหรับเมืองไทย เราไม่ได้ปูมาแบบนี้ ผมอยากทำให้ทัศนคติตรงนี้เปลี่ยนไป อยากให้คนไทยภาคภูมิใจกับอาชีพเกษตรกรรมของตัวเองมากขึ้นครับ

ได้อะไรจากการเดินทางครั้งนี้บ้าง
 
          โย่ง : การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เดือนมิถุนายนครับ เราไปกันเป็นกลุ่มเพื่อน มีผมกับก้อย และเพื่อนๆ มันเป็นการเดินทางที่ทำให้เราค้นพบอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ได้กลับมาเฉพาะความทรงจำดีๆ เท่านั้น เราโตขึ้นด้วย พวกเราต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากมายเลยครับ ทั้งเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน คนรัก และการเดินทางไปยังเมืองต่างๆ มันทำให้เราเห็นผู้คนในมุมที่ต่างกันไป ผมสนุกและได้รับประสบการณ์ที่ดี และอยากแบ่งปันให้คนอื่นได้เรียนรู้ไปกับเราด้วยครับ
               
          ก้อย : การเปิดโลกของตัวเองให้กว้างขึ้น มันจะทำให้ตัวตนของเรามีคุณค่ามากขึ้นค่ะ การเดินทางครั้งนี้ และการทำอัลบั้มชุดนี้มันทำให้ก้อยรู้สึกว่า เราได้พัฒนาตัวเอง และการไปเที่ยวทำให้เราได้รับแรงบันดาลใจกลับมาเยอะมากสถานที่หลายแห่งของ ปารีสและเยอรมันทำให้เราเกิดมุมมองในเรื่องต่างๆ ที่แตกต่างกันไป หลายๆ เพลงในอัลบั้มนี้จึงเกิดจากความหมายที่ซ่อนอยู่ของสถานที่ต่างๆ มันคุ้มค่ามากๆ กับการเดินทางสักครั้งในชีวิต แล้วก็ทำให้เราเติบโตขึ้น เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นค่ะ 


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โย่ง - ก้อย กับการเดินทางของความรัก อัปเดตล่าสุด 19 สิงหาคม 2552 เวลา 15:02:42
TOP