ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ ที่นี่ หมอชิต
วันเวลาผ่านไปเร็วนัก จากนักแสดงเด็กหน้าตาน่ารักที่เรามักเห็นเธอในละครจักร ๆ วงศ์ ๆ อย่างสาว "ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์" มาวันนี้เธอเติบโตเป็นนางเอกสาวพราวเสน่ห์แถวหน้าของเมืองไทย ที่แม้จะมีผลงานออกมาก็มากมาย แต่ก็พ่วงด้วยข่าวฉาวสารพัดที่อาจทำให้เธอดูไม่ดีในสายตาของคนภายนอก ไม่ว่าจะเป็นฉายานางเอกจอมเกาเหลา ที่ชอบมีเรื่องบาดหมางกับคนอื่นไปทั่ว ข่าววีนคนนั้นคนนี้ หรือแม้กระทั่งข่าวเรื่องผู้ชายก็ไม่วายเป็นประเด็นตลอด ๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไร สาวขวัญ ก็ยังยืนหยัดในวงการนี้มาได้ ด้วยกำลังใจจากคนใกล้ตัวอย่างคุณแม่ และบรรดาแฟนคลับทั้งหลาย ที่คอยให้กำลังใจเธอเสมอมา และวันนี้ สาวขวัญก็ได้มาเผยความเป็นตัวตนของเธอ พร้อมควงคู่สองพิธีกร ดู๋-ลิง พาเที่ยวมะลากา ในรายการที่นี่หมอชิต ว่า แต่จะสนุก สุดหรรษา และทำให้เรารู้จักสาวขวัญมากขึ้นขนาดไหน ตามมาดูกันเลยค่ะ
เริ่มวันแรกของทัวร์ สาวขวัญอยู่ในลุคส์แปลกตา เพราะเธอแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองที่เรียกว่า Baba-Nyonya (บะบ๋า ยะหยา) ก่อนจะพาไปเที่ยว "โบสถ์แดง" หรือ Christ Church ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมาละกา และพาสองพิธีกรนั่งรถสามล้อชมเมือง ซึ่งสามล้อของที่นี่นั้นแปลกตาและไม่เหมือนใครด้วยการประดับดอกไม้หลากหลายสีสันจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่นักท่องเที่ยวมักจะมาใช้บริการและถ่ายรูปกันเป็นประจำ
หลังจากนั่งชิลกินลมชมรอบเมืองแล้ว ก็ได้พากันแวะที่ "Baba-Nyonya Museum" ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมวิถีชีวิตของ "ชาวจีนช่องแคบ" มาให้ดูชม พร้อมได้ความรู้ ก่อนจะไปนั่งรถรางสำหรับนักท่องเที่ยวที่พาลัดเลาะริมฝั่งแม่น้ำมะลากาก่อนที่แค่นี้ยังไม่หนำใจ ทั้งสามยังได้ไปล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามริมสองฝั่งแม่น้ำ พร้อมแวะชมพิพิธภัณฑ์เรือสำเภา หรือ Maritime Museum อีกด้วย
อรุณรุ่งของวันที่ 2 เริ่มต้นด้วยการพาชมตลาด ดูผู้คน สัมผัสวิถีชีวิตของชาวมะลากา ที่ทั้งสาวขวัญและสองพิธีกร ดู๋-ลิง ได้มีโอกาสชิมข้าว "ราชิรามะ" ซึ่งเป็นข้าวหุงกับกะทิ นิยมทานเป็นมื้อเช้า อีกทั้งได้ชิมน้ำพริกพื้นบ้านคล้ายน้ำพริกเผา ทานคู่กับปลาแห้ง และไข่ต้ม โรตีแขก ชาชักที่จะมีกลิ่นหอมของเครื่องเทศ ว่าแต่จะอร่อยถูกปากหรือไม่ ก็ต้องลองไปชิมกันแล้วล่ะ
.JPG)
...พออิ่มท้องแล้วก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ คราวนี้สาวขวัญได้พาไปช้อปที่ร้านรองเท้าโฮมเมด ก่อนจะไปเห็นร้านขายสบู่ทำมือเก๋ ๆ ซึ่งเธอก็ไม่รอช้า ลองเข้าไปชมพร้อมทดลองทำสบู่หอม ๆ กัน และหลังจากนั้นทั้งสามก็ได้เดินกินลมชมบรรยากาศร้านค้าเก๋ ๆ ในเมือง เช่น ร้านทำเสื้อยืด สตูดิโอ อาร์ตแกลอรี่ ร้านขายของแอนทีค และร้านกาแฟจาก 13 รัฐ
.JPG)
ต่อด้วยคิวของหนุ่มดู๋ ที่ได้ชวนหนุ่มลิงกับสาวขวัญไปชมแบบจำลองพระราชวังของสุลต่านทำด้วยไม้ที่ Melaka Sultanate Palace และเมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็น ทั้งสามก็ไปเที่ยวกันต่อที่ตลาดช่วงเย็นสุดคึกคักของ Weekend Market ที่ถนน Jonker Street เดินชมบรรยากาศคึกคัก ของร้านค้า และร้านอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น Cendal คือขนมคล้ายกับขนมลอดช่องบ้านเรา และ ข้าวมันไก่ปั้น เที่ยวไป ชิมไป ก่อนจะนั่งพักให้หายเหนื่อย พร้อมคุยเบา ๆ อัพเดพเรื่องราวชีวิตของสาวขวัญ ว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไร ทำอะไรอยู่บ้าง
โดยเริ่มต้นด้วยคำถามทั่ว ๆ ไปว่า ถ้าปกติสาวขวัญไม่ได้ไปกองละครแล้วเธอมักจะไปไหน นางเอกสาวก็ตอบว่า บางวันก็ไปเสริมสวยเรื่องผมบ้าง เรื่องผิวบ้าง บางทีก็ไปโรงพยาบาล ไปเช็คสุขภาพกับแม่ เพราะแม่ชอบไปเช็คบ่อย ๆ คือ การเช็คใหญ่ ๆ ก็จะเช็คปีละครั้ง แต่ที่โรงพยาบาลมันมีอะไรให้ทำเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการนวดบำบัด นวดเพื่อความสวยงาม คือไม่จำเป็นต้องไปทำศัลยกรรมเสมอไป
พร้อมกันนี้ ขวัญ อุษามณี ก็ได้อัพเดตว่า หลังจากที่เรียนจบนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์มาแล้ว เธอก็ลองทำธุรกิจร้านขายไอศกรีมของตัวเองที่เดอะมอลล์บางกะปิ ซึ่งเปิดมาได้ 2 เดือนแล้ว และเธอเองก็ทำงานในส่วนของการประชาสัมพันธ์ร้าน ตลอดจนช่วยดูการวางของในร้าน จัดร้านบ้าง และมีแผนเตรียมจะขยายสาขาด้วย ส่วนเหตุผลที่เปิดร้านขายไอศกรีมก็เพราะว่าทั้งคุณแม่ พี่สาว และตัวเธอเองต่างก็ชอบทานไอศกรีมมาก และก็ไปได้สูตรมาจากไต้หวัน ดังนั้น รับรองว่าไอศกรีมของเธอจะเหมือนหิมะเลย
หลังจากที่อัพเดตเรื่องราวทั่วไป เรื่องธุรกิจกันมาพอสมควรแล้ว ก็มาเปิดใจถึงความเป็นตัวตนของสาวขวัญที่วันนี้เธอไม่มีพ่อแล้ว โดยเธอบอกว่า ยังรู้สึกว่าพ่ออยู่กับเธอเสมอ แต่บางทีเธอก็อยากพูด อยากคุย อยากกอดพ่อ อยากรู้ว่าถ้าเธอเจอปัญหาอะไรหนักใจหรือไม่สบายใจ พ่อจะบอกเธอว่าอย่างไร จะปลอบเธออย่างไร
"พ่อเป็นคนที่ไม่ชอบเห็นลูกร้องไห้ และพ่อก็พูดตลอดว่าเป็นลูกตำรวจต้องไม่ร้องไห้ อย่างเช่น พอตอนเด็ก ๆ ขวัญหกล้มแล้วร้องไห้ หรือโดนแม่ตีแล้วร้องไห้ พ่อก็จะบอก เป็นลูกตำรวจต้องไม่ร้องไห้ ซึ่งคำพูดเหล่านี้ของพ่อก็จะฝังอยู่ในจิตใจเสมอมา"
จากนั้น ดู๋ สัญญา ก็ได้ถามถึงตัวตนของสาวขวัญว่า จริง ๆ แล้วสาวขวัญคิดว่าตัวเองเป็นคนดื้อหรือไม่ ซึ่งงานนี้ สาวขวัญเองก็ยอมรับว่า เธอเป็นคนดื้ออยู่เหมือนกัน หากดื้อตรง ๆ ไม่ได้ ก็จะดื้อเงียบ ถ้าถามว่าเอาแต่ใจไหม ก็ยอมรับว่า เอาแต่ใจ แต่ที่สุดแล้ว บนหลักความเป็นจริงทุกอย่างมีที่มา ที่ไป มีเหตุผลคุมอยู่ และหากจะดื้อก็ดื้อมากไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเธอเองเชื่อว่าสังคมจะเป็นกรอบที่คอยเตือนสติว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
"ถ้าเราทำอะไรแรง ๆ ไป ไม่มีใครมาทำโทษเราได้ นอกจากสังคมที่จะมาทำโทษเรา เพราะฉะนั้นเราจะรู้ได้ว่าเราจะมีกรอบ มีลิมิตของตัวเองขนาดนั้น หรือต้องควบคุมตัวเองขนาดไหน" สาวขวัญ กล่าว และบอกว่าเธอนับถือคนที่ทำแบบนั้นได้ และตัวเธอเองก็พยายามที่จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน
นอกจากงานละคร และร้านธุรกิจไอศครีมที่ทำอยู่ในตอนนี้แล้ว นางเอกสาวก็บอกว่า ตอนนี้คงไม่อยากทำอะไรเพิ่ม แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเป็นพอ และเธอก็ไม่อยากจะทรยศกับอาชีพตัวเอง เพราะถึงเวลางาน เธอก็จะทำงานให้เต็มที่ พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่า ต่อจากนี้เธอจะตั้งใจเก็บเงิน ซื้อบ้านให้แม่ และทำทุกอย่างให้เขาอยู่สบาย
เอาล่ะ...บอกเล่ากันมาพอหอมปากหอมคอแล้ว งานนี้ถ้าใครอยากจะทัวร์ทริปมะละกา พร้อมฟังอีกหลายคำถามและหลายคำตอบจากใจสาวขวัญแบบจุใจแล้วล่ะก็ อย่าลืมติดตามชมรายการ ที่นี่ หมอชิต ได้ทางช่อง 7 วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน เวลา 22.25 น. นะคะ
