เปิดเส้นทางรัก กานต์ - เสก โลโซ ในวู้ดดี้เกิดมาคุย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย CiNNtv1


            กลายเป็นเรื่องราวทอล์คออฟเดอะทาวน์ เมื่อปลายปีที่แล้ว สำหรับเรื่องราวของ "ครอบครัวศุขพิมาย" ระหว่าง นักร้องเพลงร็อกชื่อดัง "เสก โลโซ" และอดีตภรรยา "กานต์ วิภากร ศุขพิมาย" ที่จู่ ๆ อดีตภรรยา ก็โพสต์ภาพของ เสก โลโซ ขณะเสพยา สร้างความฮือฮาไปทั่ววงการบันเทิง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเรื่องรัก ๆ ของเสก โลโซ กับผู้จัดการสาว "อ้อม พรพิมล เทพพิชัย" และ "ป่าน ปรางฉัตร พิพัฒน์วีรวัฒน์" นางแบบที่มีชื่อพัวพัน โดย เสก อ้างว่าเป็นภรรยาอีกคนของเสก

          เกี่ยวกับเรื่อดังกล่าว มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย บ้างก็ว่าเป็นศึกแย่งชิงสมบัติ บ้างก็ว่าอดีตภรรยาของเสกทำเกินกว่าเหตุ ที่โพสต์ภาพเสก โลโซ ขณะเสพยา หรือข้อความที่ไม่เหมาะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ บ้างก็ว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว เพราะเสก โลโซ จะได้รับการบำบัดและเลิกยาเสพติด ...และในค่ำคืนของวันที่ 22 มกราคม รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ก็ได้เชิญ "กานต์ วิกาภร"  อดีตภรรยาสุดสวยของเสก โลโซ มาพูดคุยถามไถ่ถึงเรื่องราวทั้งหมด พร้อมสัมภาษณ์ความรู้สึกของลูก ๆ กับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น... เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามชมกันได้เลยค่ะ

          ภาพบรรยากาศในบ้านศุขพิมายนั้น ถึงแม้จะเกิดเรื่องเครียดเพียงใด แต่สมาชิกในบ้านก็ยังยิ้มได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ของกานต์ หรือบรรดาลูก ๆ วัยกำลังน่ารักทั้ง 3 คน ซึ่งประกอบไปด้วย น้องเสือ ลูกชายคนโต, น้องกวาง ลูกสาวคนกลาง และน้องลอนดอนลูกสาวคนสุดท้องวัยขวบเศษ โดยคุณกานต์กล่าวด้วยหน้าตายิ้มแย้มว่า ลูกเสือ ลูกกวาง หน้าตาเหมือนเสกมาก ๆ ส่วนน้องลอนดอนหน้าตาจะเหมือนตน ถ้าถามว่า ใครมีแววเป็นศิลปิน ก็คงจะเป็นน้องลอนดอน เพราะอายุแค่ขวบกว่า ๆ แต่ได้ยินเสียงเพลงทีไรก็ขยับตัวเต้นไปมาทุกที

         มรสุมหลายต่อหลายลูกโถมกระหน่ำเข้าครอบครัวศุขพิมายอย่างเลี่ยงไม่ได้ คนเป็นแม่อย่างกานต์ ก็ต้องรับมือและทำใจเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่ลูก ๆ ในวัยเรียนจะมีวิธีรับมืออย่างไรกับเรื่องราวดังกล่าว... โดยน้องเสือลูกชายคนโตกล่าวว่า เห็นพ่อของตนเป็นร็อกเกอร์ แต่พอกลับมาที่บ้านก็เป็นพ่อที่ดี ไม่ได้เป็นร็อกเกอร์ทุกเวลา ถ้าถามว่าคุยกับพ่อเรื่องอะไรก็คงคุยเรื่องทั่วไป เรื่องเรียน เรื่องฟุตบอล เรื่องดนตรีบาง แต่ตนชอบแนวแร๊พ ไม่ชอบแนวร็อกเหมือนพ่อเท่าไรนัก ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องของตน แต่จริง ๆ แล้วตนคิดว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่มากกว่า ตนทำได้ก็แค่เพียงให้กำลังใจแม่เท่านั้น



        ส่วนน้องกวางลูกสาวคนกลาง กล่าวว่า ตอนไปโรงเรียนเพื่อน ๆ ก็ถามตนว่า เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของกวาง แต่ตนวิ่งหนี ไม่อยากตอบ บางคนก็ถามแบบกวนโอ๊ย ตนก็ไม่ตอบ และหนีอย่างเดียว

        คุณกานต์ กล่าวเสริมว่า ลูก ๆ ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องของผู้ใหญ่เท่าไร แล้วเขาก็ไม่ได้ดูข่าว หรือรับสื่ออะไรมากมาย กลับมาก็ทำการบ้าน เล่นเกม ฟังเพลง ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงกันทุกคน แต่ทั้งนี้ตนก็รู้สึกไม่ดีที่ตอนนั้นตนโพสต์ไป ตนไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะมีแต่คำว่า "โมโห" อยู่ในหัวคำเดียว ถ้าถามว่ากลัวลูก ๆ จะเห็นข้อความที่ตนโพสต์ไปหรือเปล่านั้น ตนคิดว่าลูกคงเข้าใจ ส่วนน้องกวางนี่ตัวต้นเรื่องเลย เขาเข้าไปที่เฟซบุ๊กของพ่อเขา แล้วเห็นเสกโพสต์ข้อความเรื่องไปรักผู้หญิงที่ตอนนี้ท้องแล้วแท้ง พอเขาเห็นก็เสียใจ แล้วก็มาบอกตน ตนก็เลยจี๊ด แล้วโพสต์ด่าเป็นชุด ๆ


        นอกจากนี้ คุณกานต์ ยังพา วู้ดดี้ ชมบรรยากาศภายในบ้าน ซึ่งมีรูปครอบครัวไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ติดเต็มผนังไปหมด โดยเฉพาะภาพที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งคุณกานต์เล่าให้ฟังว่า เราไปเที่ยวลอนดอนกันทุกปี เพราะเสกเขาชอบที่นั่น อีกทั้งยังชอบวงเดอะบีทเทิลมาก ยิ่ง จอห์น เลนนอน นั้น เสกจะชอบมากเป็นพิเศษ เรียกว่าไอดอลของเสกเลยก็ว่าได้ เราเคยไปถ่ายรูปที่หน้าบ้าน จอห์น เลนนอน ด้วย  ส่วนประเทศอื่น ๆ ก็ไปช่วงที่เสกพักงาน ส่วนมากจะพาเด็ก ๆ ไปดูบอล เพราะเสกกับตนชอบดูบอลเลยจะพากันไปเชียร์ทีมโปรดทั้งครอบครัว

        คุณกานต์ กล่าวต่อว่า ถ้าถามว่าเห็นภาพครอบครัวแล้วตนรู้สึกอย่างไร ตนก็ตอบได้แค่เพียงว่า เสียดายมาก ๆ เพราะไม่คิดว่า ชีวิตคู่ของเราต้องจบลง เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ มีลูกตั้ง 3 คน แต่ทุกอย่างต้องจบลงเพราะผู้หญิง และเรื่องยาเสพติด

       คุณกานต์ เท้าความไปยังเส้นทางความรักของเธอกับเสกว่า ตนเจอกับเสกตอนอายุ 19 ปี ตอนนั้นเสกอายุแค่ 17 ปี ซึ่งเจอกันครั้งแรกที่ผับที่เป็นของเพื่อนพ่อ ตนเข้าไปช่วยดูแลเรื่องการเงิน ส่วนเสกเป็นนักร้องที่ผับนั้น เจอกันเขาก็ถูกใจตน แล้วก็พยายามจีบ ด้วยความที่เสกเป็นคนดีมีน้ำใจ ตนก็คบเป็นแฟนเรื่อยมาประมาณ 10 ปี ก็ตกลงแต่งงานกัน เป็นงานเล็ก ๆ ผูกข้อไม้ข้อมือตามธรรมเนียม เพราะไม่อยากเป็นข่าวดัง เนื่องจากช่วงนั้นเสกกำลังออกอัลบั้มชุดแรก หลังจากแต่งงานกันมา ตนก็ทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเสก ทำทุกอย่างทั้งขายงาน ดูเรื่องราคา ดูคอนเสิร์ต พรีเซ็นเตอร์ จิปาถะ เหลืออย่างเดียวที่ไม่ได้ทำคือ แต่งเพลง และร้องเพลง


       ถ้าถามว่าทำไมตนถึงตัดสินใจแต่งงานกันเสก ก็เป็นเพราะตนคิดว่าคิดถูกแล้ว เขารักตน และครอบครัวตนมาก อีกทั้งตอนที่เขาออกอัลบั้มแรก เสกบอกกับตนว่า ที่เสกอยากออกเทปเป็นเพราะอยากให้ครอบครัวของตนยอมรับ (ยิ้ม) แต่แล้วก็มีมรสุมชีวิตผ่านเข้ามา เมื่อช่วงที่ตนตั้งท้องน้องเสือ เสกเขามีผู้หญิงอีกคน แต่สุดท้ายเขาก็เลือกตน ซึ่งตอนนั้นตนคิดว่า เป็นเรื่องที่ทุกข์ที่สุดสำหรับตนแล้ว

        คุณกานต์ ได้เริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่ทำให้ครอบครัวอันอบอุ่นที่มีอันต้องจบลงว่า เป็นเพราะยาเสพติดที่ทำให้ตนตัดสินใจหย่า พอเขาเสพยาแล้วทะเลาะกับตนบ่อยมาก ๆ จนทนไม่ไหวตัดสินใจจูงมือกันไปหย่า ครั้งแรก เสกไม่ยอมหย่า เอาเอกสารทั้งหมดหนีกลับบ้าน ส่วนครั้งที่สองตนทำใจเซ็นหย่าไม่ได้ แต่ครั้งสุดท้ายตนตัดสินใจแล้ว เพราะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

       ส่วนข่าวที่เขาหนีกลับบ้านขณะที่กำลังบำบัดอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง ตนก็ไม่รู้ว่าจะโกหกไปทำไม เสกกลับมาเพราะคิดถึงลูก และอยากเอาเอกสารทางการเงินของเขาคืนด้วย  หลังจากนั้นตนก็ไปเยี่ยมเขาตามปกติประมาณ 2-3 ชั่วโมง เขาก็พูดคุยร่าเริงสดใส เหมือนเสกคนเดิมเลย (ยิ้ม)  ถ้าถามว่า มีเรื่องอะไรบ้างที่เขาโรแมนติกจนทำให้ตนร้องไห้ ก็คงเป็นเรื่องเพลงที่เขาแต่งให้ตน คอยดูแลตนมาเสมอ แต่นอกจากนี้ก็ยังมีเพลงที่เสกแต่งให้คนอื่น วันนั้นก่อนที่เขาจะเข้าบำบัด เขาบอกตนว่า เพลงสิบสี่อีกครั้ง เขาแต่งให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งนะ (หัวเราะ) ตนก็อึ้ง ๆ เพราะที่ผ่านมา ตนเคยถามว่า เพลงนี้เสกแต่งได้ยังไง ทำไมต้องสิบสี่อีกครั้ง เสกบอกกับตนว่า เสกจินตนาการเอา ซึ่งตอนนั้นตนก็เชื่อ

        คุณกานต์ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพที่ตนถ่ายไป ตนไม่คิดว่าจะถ่ายเพื่อเอามาโพสต์ ตนถ่ายเล่น ๆ ไม่ได้คิดอะไร ภาพนั้นถ่ายที่เมืองปราก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว และตนขอยืนยันตรงนี้เลยว่า ตนไม่ได้เสพยา และไม่ได้มีปัญหาว่า ผัวเมียร็อกเกอร์เมายาแล้วมาแฉกัน ตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน


        นอกจากนี้ คุณกานต์ ยังให้ดูทะเบียนสมรส และทะเบียนหย่า ที่เพิ่งหย่าไปเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2554 พร้อมกล่าวว่า ใจหายเหมือนกัน แต่ตนก็ต้องทำใจและยอมรับ ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจหย่า ก็มีแอบร้องไห้บ้าง ซึ่งในเมื่อเรื่องราวเป็นแบบนี้ตนก็ต้องเข้มแข็ง และอยู่เป็นที่พึ่งของลูก ๆ ถ้าถามย้อนไปว่า ตอนจดทะเบียนกันเป็นอย่างไร แน่นอนมันก็ต้องดีใจ ตนเชิญเจ้าหน้าที่มาจดทะเบียนที่บ้าน แล้วหลังจากนั้นเขาก็สัญญาว่า "จะตายไปพร้อมกัน จับมือนอนตายข้าง ๆ  กัน แล้วก็จะรักตลอดไป" ส่วนช่วงที่ตนมีความสุขมาก ๆ นั้นก็คือช่วงที่เสกพักงาน คือเสกตกลงกับตนและทางบริษัทว่า จะทำงาน 6 เดือน พักงาน 6 เดือน ซึ่งช่วงที่พักงานเป็นช่วงที่ครอบครัวมีความสุขมาก ๆ ได้ไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ได้อยู่กับเขาตลอดเวลา

         แต่แล้วความรักที่สร้างขึ้นมาด้วยกันกว่า 16 ปี กลับต้องพังทลายด้วยน้ำมือของยาเสพติด ตอนที่ตนหย่าในสัญญาหย่าที่ตกลงกันไว้ ไม่ว่าจะมีงานอะไร ทัวร์คอนเสิร์ต หรือเปอร์เซ็นต์เทป เขาต้องเอามาแบ่งตนและลูก ซึ่งเป็นอย่างนี้มาตลอดเวลาที่คบกัน เขาจะแบ่งเงินให้ลูกทุกครั้ง แต่ตนและลูกได้รวมกันไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนก็พอใจกับวงเงินที่เขาให้ตนและลูกตรงนี้  ส่วนสัญญานั้น ถึงแม้จะหย่ากับตนไปแล้ว เขาก็ให้ตนจนตนจะมีสามีใหม่ ส่วนลูกเขาให้ตลอดชีวิตอยู่แล้ว


          ส่วนความรู้สึกที่เห็นเสกแถลงข่าวนั้น ก่อนหน้าที่จะเป็นข่าว ตนรู้สึกโมโหเสกตลอดเวลาเมื่อเขาเสพยา แต่เมื่อเห็นภาพข่าวนั้น ตนรู้สึกสงสารเขามาก เพราะเขาเพี้ยนไปแล้ว และก่อนที่เขาจะเข้าสถานบำบัด เรานัดตกลงเรื่องเอกสารการเงินที่บ้านของตน แต่เขาไม่มา พอเวลาประมาณตี 2 เขาก็ส่งเมสเสจมาให้ตนรีบไป พอตนไปถึงนั่นก็ต้องตกใจ เพราะเขาเพี้ยนมาก ตนนั่งฟังเขาพูดคนเดียวประมาณ 3-4 ชั่วโมง พูดว่ามีคนดักฟังโทรศัพท์ มีคนมาติดเครื่องดักฟังในบ้าน ยกโทรศัพท์เปล่า ๆ แล้วพูดคนเดียว บอกว่า "มึงมาเลยกูไม่กลัวมึงหรอก ลูกกับเมียอยู่ข้างกู" เมื่อตนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก และก็คิดได้ว่า ต่อไปนี้ตนต้องหาทางช่วยเขา เพราะจากคำที่เขาพูดออกมาลึก ๆ แล้วในใจของเขามีแต่ตนกับลูกเท่านั้น

         ท้ายนี้ คุณกานต์ กล่าวว่า เรื่องราวที่หาว่าตนกำลังแย่งชิงสมบัติกับครอบครัวของเสกนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนได้ในสิ่งที่ตกลงกันไว้แล้ว แต่ตนอยากจะรักษาผลประโยชน์ให้กับเสกเพียงเท่านั้น และหลังจากนี้ถ้าเสกหายดีแล้ว ตนก็จะกลับมาดูแลเรื่องงานต่อ ในฐานะเพื่อน แต่ในฐานะคนรักคงไม่มีวันจะย้อนกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว