x close

หวานหวาน อรุณณภา กับบทบาท แม่ศรีเมือง ของ พี่เสมา













\'หวานหวาน\' อรุณณภา พาณิชจรูญ \'แม่ศรีเมือง\' ของ \'พี่เสมา\' แห่ง \'ขุนศึก\'
เรื่อง : กาหลา
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก หวานหวาน อรุณณภา พาณิชจรูญ Fanclub

          "ขุนศึก" ละครฟอร์มดีของ ที.วี.ซีนทุ่มทุนสร้างชนิดไม่กลัวเจ็บ ไม่นึกถึงขาดทุน - กำไร แต่อย่างใด แล้วคนดูก็ไม่ผิดหวังในโปรดักชั่น นักแสดงทุกคนดูแลบทและคาแรกเตอร์ของตนออกมาได้อย่างชัดเจน

          และ "แม่หญิงศรีเมือง" คือตัวละครในเรื่องที่กำลังถูกจับตามองด้วยความชื่นชม เธอเป็นน้องใหม่ในวงการแสดง ที่ฉายแววความเป็นดาวให้เราเห็น ในเมื่อแฟน ๆ "ขุนศึก" หลงรักเธอเหมือนเช่นที่เราหลงรัก เมื่อยามอยู่ในจอ วันนี้จึงไม่รีรอที่จะพาคุณผู้อ่านไปรู้จัก ศรีเมือง ของ พี่เสมา ในชีวิตจริงมากกว่าภาพที่เห็นในละคร เพราะเธอคือ อรุณณภา พาณิชจรูญ (หวานหวาน)


          ภาพเก่า ๆ ที่จดจำได้

          "ซนนะคะจากที่คุณแม่เล่าให้ฟัง คุณแม่ชื่อ จ๋า เพื่อนคุณแม่ก็บอก โอ้โฮ "พี่จ๋าคงไม่เคยตีลูกเลยเนอะ" คุณแม่บอก "ทำไมล่ะคะ" เขาบอก "โอ้โฮ ลูกพี่ซ้นซน" (ลากเสียงยาว แสดงว่าซนมว้ากกกก) คุณแม่บอก เขาซนอยู่ในขอบเขตแบบอยู่ไม่นิ่ง วิ่งเล่นทั่ว แต่ไม่ทำลายข้าวของ คุณแม่ถือว่าไม่เป็นไร เห็นว่าพลังเยอะ ถ้าอยู่ดี ๆ ให้นั่ง กลัวลูกเก็บกด (หัวเราะ) ก็ปล่อยให้ซนไป ตราบใดที่ไม่ได้ทำให้ของแตก ทำให้เสียหายหรือเดือดร้อนใคร คุณแม่โอเค.อยู่

          และเท่าที่จำได้วีรกรรมที่ทำให้เข็ดเลย คือตอนอยู่เนิร์สเซอรี่ ที่นี่จะมีต้นไม้ แต่หนูจำชื่อต้นไม้ไม่ได้ แต่จะมีรากฐานชิดกัน แล้วเป็นแง่งขึ้นไปเป็น 2 แง่ง หนาประมาณ 2 มือประกบกัน แล้วหนูเห็นมดตะนอยตัวใหญ่ ๆ  เดินป่ายขึ้นไปที่สูง ตอนนั้นหนูน่าจะ 4-5 ขวบ สงสัยว่ามดจะไปไหน (จอมสงสัยมาตั้งแต่เด็ก ถึงได้เรียนเก่ง) หนูก็เลยปีนตามขึ้นไป (คนฟังปล่อยก๊าก เดาว่ามดตะนอยคงกัดเธอ แต่ผิดแฮะ แต่โหดกว่านั้นแยะ)

          ไม่ได้โดนมดกัดค่ะ ต้นไม้ไม่มีที่เกาะ และเรียบ ๆ ไม่มีปุ่มป่ำให้เรายึด หนูก็รูดตกลงมา ก็ไปติดที่แง่งนั่นแหละ นานมากเลยค่ะกว่าจะเอาออกได้ แต่จำไม่ได้แล้วว่า ออกมาได้ยังไง รู้แต่ว่ามันเจ็บ แล้วติดอยู่นาน หนูเป็นเด็กที่อยู่นิ่ง ๆ ไม่ค่อยได้ พอขาติดอยู่กับแง่งต้นไม้นี่โอววว เหมือนถูกคุมขัง"


            เรียนทุกอย่างที่ขวางหน้า

          "ก็ไม่ขนาดนั้นค่ะ ก็เรียนเต้นแจ๊ส เต้นฮิพฮอพ เรียนขี่ม้าอะไรอย่างนี้ค่ะ เรียนแจ๊สตอน 7 - 8 ขวบต่อเนื่องมาจนถึงอายุ 10 กว่าขวบก็หยุด เพราะไม่ได้จะเรียนที่จะเทรนเป็นครู เรียนเพราะสนุก ส่วนขี่ม้าจริงจังตอน 8 ขวบ แต่ตอนแรกที่ไปน่ะ 5 ขวบ แต่ครูบอกว่าเด็กไป แล้วตอนนั้นหนูสมาธิยังไม่นิ่ง ก็ให้กลับไปก่อน พอ 8 ขวบก็กลับไปใหม่ เรียนจนถึง 14 ปี ก็มีแข่งขันบ้าง แข่งกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Show jumping) แข่งศิลปะการบังคับม้า เดรสซาจ (Dressage) แข่งจนถึงระดับหนึ่ง จนกระทั่งอาจารย์บอกว่า เทรนเป็นนักกีฬามั้ย ? แต่ช่วงนั้น เป็นช่วงจาก ม.3 ที่จะขึ้น ม.4 แล้วหนูอยากเข้าวิทย์-คณิต ก็รู้สึกว่า เรารักการขี่ม้า เรารักม้า นี่คือสาเหตุที่ทำให้เราขี่ม้า คงไม่ถึงชั้นที่จะเทรนเป็นนักกีฬาระดับชาติ เพื่อนหลายคน ก็เทรนเป็นนักกีฬาไปเลย ปัจจุบันก็ขี่ม้าได้เหมือนขับรถ

          ดีใจค่ะ ที่คุณพ่อคุณแม่สนับสนุน เพราะขี่ม้าถือเป็นกีฬาที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แล้วมารู้ตอนโตก็แอบเสียใจ คือปีหนึ่ง ๆ นี่หลายแสนนะคะ บางคนก็เสียเป็นล้านต่อปี ถ้ามีม้าเป็นของตนเอง ก็เสียใจนะ ทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียตังค์เยอะ แต่คุณแม่ก็บอกว่า ไม่เป็นไร แต่ก็ดีนะคะ ไปที่สนามม้าก็เจอคนดี ๆ น่ารัก ได้เพื่อน ได้รู้จักการเข้าหาผู้ใหญ่ ได้เพื่อนฝรั่งเยอะ ได้คุยภาษาอังกฤษ รู้สึกเป็นเด็กไทยคนเดียวด้วยซ้ำตอนนั้น เพราะตอนเด็กเรียนที่การ์เด้นท์ซิตี้โปโลคลับ อยู่ทางไปฉะเชิงเทรา พอโตก็เรียนที่ พินิกส์ ฮอร์ส ไรดิ้ง อะเคดามี ตรง บางนา-ตราด ตอนนี้ก็มีไปขี่ที่ฮอร์ส ซุว์ ฮอร์ส ของพี่เซอร์รี่ (ชัญญา ศรีเฟื่องฟุ้ง)"


            สาวพณิชยศาสตร์และการบัญชี มาจ๊ะเอ๋บานแสดง

          "ที่จริงเป็น บัญชี-บริหารนะคะ คือจะมีบัญชี-บัญชี / บัญชี-บริหาร / บัญชี-สถิติ ตอนนั้นที่จะเอนท์ก็ดู ถ้าบัญชี-บัญชี ก็เหมือนไปตรวจสอบบัญชี ซึ่งไม่ใช่เราเอาเสียเลย หนูชอบพบปะผู้คน พูดคุย เอาท์ดอร์ (ครีเอท ก็เลยรู้สึกว่า เอ๊ย ต้องมาร์เก็ตติ้ง ก็ไปดูว่ามาร์เก็ตติ้ง อยู่ในไหนที่จุฬาฯ ก็เซิร์ซดู อ๋อ อยู่ใน บัญชี-บริหาร แล้วปี 3 เลือกมาร์เก็ตติ้ง แล้วรู้สึกดีใจมากที่ได้เลือก ปี 1 อาจารย์ไฟแนนซ์มา อาจารมาร์เก็ตติ้งมา อาจารย์จากภาควิชาต่าง ๆ มา เพื่อให้เราค้นพบตัวเอง แล้วก็ศรัทธาอาจารย์มาร์เก็ตติ้งด้วยเป็นแรงบันดาลใจให้หนูเลือกภาคนี้ก็เลยชอบ มันสามารถแอพพลายกับชีวิตประจำวันเราได้หลายอย่างเหมือนกัน ทำให้เรามองโลกอีกแบบหนึ่ง ไม่ได้มองมิติเดียว

          จุดเริ่มของงานแสดง เริ่มแรกเลยนะคะ เริ่มจากตอนอยู่ ม.3 หนูกับเพื่อน ๆ เซนต์โยเซฟ บางนาน่ะค่ะ (รุ่นน้อง ญาญ่าญิ๋ง) อ่ะ ใช่ค่ะใช่ (แววตาตื่นเต้นขึ้นมาทันตาเห็น เหมือนเพิ่งนึกได้) เขาเป็นพี่ลีด หนูเป็นน้องลีด หนูเป็นลีดประถม พี่ญาญาญิ๋ง เป็นลีดมัธยม เราเห็นโครงการ no smoking acting contest ของสสส. เขามาโปรโมตที่เซนต์โยฯ เราก็เอ๊ย มันน่าสนุกดีนะ เพื่อนหนูเนี่ยเขามีสตูดิโอตัดต่อเสียง ตัดต่อเพลง เป็นผู้หญิงแล้วเราก็รู้สึกว่าน่าสนุก น่าลอง ก็เลยทำกันแต่งเพลงต่อต้านยาเสพติด ทำกันแล้วก็ส่งประกวด แล้วก็ชนะมาเรื่อย ๆ (ยิ้มภูมิใจ) ระดับจังหวัด ระดับภาค จนถึงระดับประเทศ (แม่ศรีเมืองนี่ไม่ธรรมดา แววออกตั้งแต่เด็ก) ก็ชนะระดับประเทศ ด้านการสื่อสารการแสดงยอดเยี่ยม จากนั้นก็มีโมเดลลิ่งติดต่อไปถ่ายโฆษณา ก็เริ่มจากถ่ายโฆษณา ทำพิธีกรบ้างประปราย ร่วมงานกับ เจ เอส แอล คุณต้น ลาวัลย์ เมตตาให้ลองทำงานพิธีกรก็สนุกดีค่ะ

          จนมาถึง อาปิ่น (ณัฎฐนันท์ ฉวีวงษ์) เจอในโฆษณาล่าสุด ท่านก็เห็นว่าพอจะเป็น ศรีเมือง ที่เรียบร้อยได้ ก็เลยให้ พี่หนึ่งที่เป็นโมเดลลิ่งติดต่อมา โชคดีมากพี่หนึ่งเคยเจอหนูตอนอายุ 15-16 แล้วเขายังเซฟเบอร์คุณแม่หนูอยู่ เขาก็ติดต่อมาว่า อาปิ่น ที.วี.ซีน สนใจ ก็ได้เล่นละครเรื่องแรก "ขุนศึก" ค่ะ"














        
       ความประทับใจ นักแสดงด้วยกันใน "ขุนศึก"

          "ตั้งแต่วันแรกที่ไปฟิตติ้ง ซึ่งเจอทุกท่านนะคะ ประทับใจทุกคนในความอบอุ่นที่มีให้กันค่ะ แต่ด้วยความที่ พี่พลอย นั่งติดอยู่กับคุณแม่หนู แล้วหนูเนี่ย ปลื้มพี่พลอยอยู่แล้ว คุณแม่ก็บอกว่าหนูปลื้ม แล้วเวลาหนูเจอเขาหัวใจหนูจะ "ตึ่ก ตึ่ก...ตึ่ก ตึ่ก" แล้วก็จะพูดไม่ถูกไม่รู้จะทักอะไรเขาดี ชมเขาว่าสวย แล้วเขาจะว่าเรายอเขาหรือเปล่าอะไรอย่างเนี้ย ก็เลยได้แต่นั่งเงียบ หัวใจเต้นตึ่ก ๆ อยู่ข้างใน แต่พอคุณแม่ไปบอกตอนลับหลังหนู พี่พลอยก็ "ไหนน้องใหม่ยินดีต้อนรับ" เข้ามากอด เราก็แบบใจชื้นขึ้นมาเลย เขาน่ารัก พี่เบ็นซ์ เล่นเก่งมาก และก็น่ารักมากด้วย คอยช่วยหนูนุ่งผ้า (หัวเราะ) ความจริงพี่เขาไม่ต้องก็ได้ แต่พี่เบ็นซ์ช่วย

          เราก็ตื่น ๆ เหมือนกัน เดินไปตรงไหนก็เจอ พี่อั้ม เจอ พี่โก เจอ พี่น็อต พี่กิ๊ฟท์ พี่เบ็นซ์ พี่พลอย พี่โดนัท เจอแม่อิ๊ด แม่อี๊ด อาต่าย อาหนิง อาเอก โอ้โฮ ระดับมหากาฬทั้งนั้น แต่ละคนเป็นตำนานทั้งนั้นเลย โชคดีมากที่ได้เห็นการทำงานที่เป็นมืออาชีพมากในเรื่องบท อารมณ์ความเข้าใจในตัวละคร หนูจะไม่ค่อยเจอทางฝรั่งอาหนิง จะเจออาเอกเพราะเราเป็นพ่อ - ลูกกัน ถ้าคุณพ่อหนูยังอยู่นี่โอ้ คงปลื้มน่าดูเลยค่ะ เพราะคุณพ่อชอบ สรพงศ์ ชาตรี มาก ดูหนัง ดูละครที่อาเอกแสดงตลอด ถ้ารู้คงดีใจมาก ๆ เลย"


            ถ้าให้เลือกเป็นตัวละครใน "ขุนศึก"

          "อยากเป็น เอื้อยแตง (หัวเราะ ตอบพลันทันที) ดูเฮี้ยวมาก ๆ หนูว่าน่าจะสนุกดี เห็น พี่โดนัท เล่นหนูยังสนุกเลย หนูซนเฮี้ยว แต่ไม่โผงผางแบบเอื้อยแตง เอื้อยแตงมีสบถบ้าง "อุบ๊ะ" โน่น นี่ ตอนพี่โดนัทโดนพี่กิ๊ฟท์แกล้ง ยันหัวอะไรอย่างเนี้ย ตล๊กตลก คิดว่าเป็นเอื้อยแตงน่าจะสนุกดีและความรักของเอื้อยแตงก็ดีนะคะ เขาก็รัก พี่เสมา ไม่ได้ร้ายใส่คนอื่น รักก็คือรัก และพูดความจริง อย่าง ดวงแข พูดไม่ดี ก็บอกพี่เสมาตรง ๆ หนูว่าเป็นตัวละครที่มีสีสันและน่ารักดี"


            หัวใจรักของหวานหวาน เมื่อเทียบกับศรีเมือง

          "ความรักของ ศรีเมือง ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมและเป็นบวก" เคยถามพี่โค้ช แอ็กติ้ง ว่า "แล้วทำไมผู้ชายในอโยธยา ไม่มีใครจีบศรีเมืองมั่งเหรอ คืออยากรู้ไงคะ พี่เขาบอก ศรีเมืองเป็นลูกสาว พันอิน ที่ดุ เฮี้ยบ ให้อยู่แต่ในบ้าน ไปตลาดนิดหน่อย แล้วรีบเข้าบ้าน เพราะฉะนั้นผู้ชายคนเดียวที่เจอก็คือ เสมา เพราะเขามาบ้านเรา และอยู่ที่บ้านเราด้วย เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ศรีเมืองจะปลื้มพี่เสมา ความปลื้มความศรัทธาเพราะพี่สมา รักชาติ และจิตใจดี เราก็ชื่นชมอยากดูแล แต่ไม่ใช่อารมณ์ที่อยากจะชิงมาจาก แม่หญิงเรไร

          แต่ถ้าตัวหนู หนูคิดว่าด้วยเหตุผลและอารมณ์ ผู้หญิงจะใช้อารมณ์เยอะ แต่ที่มองเห็นเพื่อน ๆ รอบกายใช้อารมณ์กันเยอะเนี่ย ก็จะแบบจบ อะไรก็ไม่รู้อ่ะ คือมันต้องมีเหตุผลด้วย อย่างเขาไม่ดี เพื่อนหนูมาบ่นให้ฟังว่า แฟนไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ไม่ดีอย่างโง้น อ้าว...ไม่ดีอย่างนั้นก็เลิกซิ คือความรักที่หนูบอกว่าต้องมีเหตุนั่นคือ ศรัทธาที่เขาเป็นคนดี เขาดูแลเราดี เป็นสุภาพบุรุษหรือเปล่า ไม่ใช่แบบเอะอะ เจอกันไม่กี่ครั้งมาจับมือ อย่างนี้เราก็อ่ะ รู้แล้วว่าไม่ใช่ผู้ชายที่ดีอย่างที่คิด แปลว่าเรารีบ เขาฉวยโอกาสหรือเปล่า หรือคบเล่น ๆ โปรโมชั่น รักต้องมีเหตุผลด้วยนิดหนึ่ง อย่าใช้แต่อารมณ์เพียงอย่างเดียว คนเราพื้นฐานครอบครัวไม่เหมือนกัน เราก็อาจจะมีมุมที่เขาไม่ชอบ เขาอาจจะมีมุมที่เราไม่ชอบ เราก็ปรับตัว และถ้ายอมรับกันได้ก็โอเค.คบกันต่อ แต่ถ้ายอมรับไม่ได้ เราพร้อมที่จะแก้ไขไหม หรือไม่ก็ต้องห่างกัน อะไรอย่างนี้"


            คนที่เข้ามาในชีวิต หวานหวาน อรุณณภา คงต้องถูกทดสอบกันนานทีเดียว

          หัวเราะเสียงใส "ก็ดูนิดหนึ่งค่ะ และคุณแม่โอเค.ไหม รักเรา ก็ต้องรักแม่เราด้วย เพราะเราอยู่กับแม่ ถ้าหนูจะคบใครเนี่ย ต้องให้คุณแม่สบายใจด้วย เกรงใจท่าน เพราะเราเป็นลูกสาวคนเดียว ถ้าทำให้คุณแม่ลำบากใจก็บาปเราอีก"


          เพียงเสี้ยวเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้เรารู้จักเธอมากขึ้น ดาวดวงใหม่ของไทยทีวีสีช่อง 3 "หวานหวาน" อรุณณภา พาณิชจรูญ














          ประวัติ หวานหวาน อรุณณภา พาณิชจรูญ

          ชื่อจริง อรุณณภา พาณิชจรูญ (หวานหวาน)

          ชื่อเดิม ณิศรา มานะวานิช (จุ๊กจิ๊ก)

          วัน/เดือน/ปีเกิด 21/06/2533 ภูมิลำเนา กรุงเทพฯ รพ.บำรุงราษฎร์

          พี่น้อง ลูกคนเดียว

          เชื้อชาติ ไทย-จีน-มอญ (คุณพ่อ จีน-มอญ / คุณแม่ ไทย-จีน)

          สัญชาติ ไทย

          การศึกษา อนุบาล โรงเรียนประภามนตรี

             - ชั้นประถม (ป.1-ป.6) และ มัธยมต้น (ม.1-ม.3) เซนต์โยเซฟ (บางนา)
             - มัธยมปลาย (ม.4-ม.6) อัสสัมชัญ (สมุทรปราการ)
             - ปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมอับดับ 2 (เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เดือนกรกฎาคมนี้)

          ผู้ชายหล่อคนแรก คุณพ่ออยู่แล้ว (จำฟังใจว่าป้าหนิง เพื่อนคุณแม่ชอบแกล้งจะเอาคุณพ่อณรงค์ของเธอไป และชมคุณพ่อหล่อตลอด คุณพ่อจบ วิศวะฯ เท่ แมน หวานหวานเลยฝังใจมาตั้งแต่เด็ก)

          ผู้หญิงสวยคนแรก ก็ต้องคุณแม่แน่นอน หวานหวานแอบพูดถึงคุณแม่ว่าสมัยสาว ๆ ชอบแต่งตัวผมยาวเลยกลางหลัง ตัดผมแล้วยังเลยไปถึงกัน เล่นกีตาร์ สาวนิยมกระโปรงสั้นคุณแม่นุ่งยาว เขาฮิตกระโปรงยาว คุณแม่หวานหวานนุ่งสั้น เป็นไงล่ะ สาว ม.เกษตรศาสตร์เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว พอโตขึ้นมาหน่อยก็เป็นเจ้าหญิงไดอาน่า ท่านสวยแต่ ดวงตาท่านเศร้า

          ชุดนอนที่ใช่ เดรสตัวเดียว แขนยาว มีปก ลายทาง

          สไตล์การแต่งตัวที่ชอบ ชอบใส่เสื้อมีปก ถ้าเสื้อปกแขนยาว ก็ใส่ขาสั้น แต่ถ้าชอบจริง ๆ เลย เสื้อกล้าม กางเกงยีนส์ ใส่ได้หมดทั้งกางเกง กระโปรง

          ธรรมชาติที่หลงใหล ทะเล

          คนดังระดับโลกสุดปลื้ม ซาร่าห์ เวสท์ (Sarah West) กัปตัน เรือประจัญบานของอเมริการุ่นใหม่ล่าสุดที่มีเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เป็นผู้หญิงคุมอาวุธ คุมทหาร แสดงว่าเข้าองมีจิตวิทยาสูงมาก รวมทั้งเรื่องกรรม เป็นผู้หญิงที่เก่งมาก ๆ อีกคนหนึ่งที่หนูฟังใจมาตั้งแต่เด็กคือ เจ้าหญิงไดอาน่า ความรู้สึกหลัก ๆ คือสงสารท่านมาก

          ดอกไม้สุดโปรด กุหลาบ

          สัตว์เลี้ยงสุดเลิฟ ม้า โลมา

          สีโดนใจ ชมพู แดง ขาว ดำ

          ผลไม้ที่ชอบ เชอร์รี่ สละ แอปเปิ้ลเขียว สตอรอว์เบอร์รี่ มะม่วงแรด ลิ้นจี้

          ผลไม้ที่ไม่ชอบ ทุเรียน (แต่คุณแม่ชอบมากกกกก)

          อาหารหลัก ส้มตำไทยพริก 2 เม็ด สลัดน้ำ ยำญี่ปุ่น

          ผักที่กินได้ กินได้ทั้งผักสดและผักลวกจิ้มน้ำพริก มะระ มะรุม กระเจี๊ยบ ใบชะพลู (555 ผักพื้นบ้านหวานหวานทานได้หมด)

          ผักที่ไม่กิน ใบบัวบก - ใบมะม่วงอ่อน (มะม่วงหิมพานต์)

          เนื้อสัตว์ที่ชอบ ปลา เนื้อแกะ

          จุดเด่นบนใบหน้าที่ถูกชมบ่อย ๆ หน้าผาก กับ ตา



ที่มา



ปีที่ 38 วันที่ 13-26 มิถุนายน 2555 Vol.1830







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หวานหวาน อรุณณภา กับบทบาท แม่ศรีเมือง ของ พี่เสมา อัปเดตล่าสุด 22 มิถุนายน 2555 เวลา 14:50:57 7,782 อ่าน
TOP