แพท ณปภา : เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงเลยค่ะ และถ้าได้เจอตัวพี่มดดำ แพทก็คงต้องถามเขาด้วยว่าเอาข้อมูลมาจากไหน คือมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะหมอส่วนใหญ่ที่แพทเจอเขาก็เป็นหมอผู้หญิง แพทงงมาก เพื่อนแพทบางคนถึงขนาดตั้งข้อสงสัยเลยนะว่ามันเป็นการโปรโมตอะไรหรือเปล่า ที่จะใช้ชื่อแพทเพื่อโยงไปถึงคลินิกนู่นนั่นนี่ หรือบางทีพี่มดดำเขาอาจจะได้ข้อมูลมาผิด ๆ ซึ่งตอนนี้ก็คงต้องรอเจอตัวพี่มดดำค่ะ แต่โดยปกติแล้วเรื่องข้อมูลต่าง ๆ พวกนี้ พี่มดดำเขาเป๊ะนะ แต่สำหรับเรื่องนี้แพทยืนยันเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงค่ะ
พอมีข่าวนี้ออกมาคนก็เลยฟันธงทันทีเลยว่าเราโสดแล้ว ?
แพท ณปภา : โสดแน่นอนอยู่แล้วค่ะ เพราะเราแยกกันอยู่ชัดเจน แต่เราแค่คงสถานะพ่อแม่เอาไว้เหมือนเดิม
พี่เบนซ์เขาได้ถามไหมเกี่ยวกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ?
แพท ณปภา : ไม่ถามค่ะ แพทรู้สึกว่าพี่เบนซ์เขาค่อนข้างเข้าใจแพท เพราะถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แพทต้องคุยกับเขาคนแรก หรือต่อให้วันหนึ่งถ้าหากพี่เบนซ์เขาจะมีความรักครั้งใหม่ แพทก็อยากให้พี่เบนซ์บอกแพทด้วยเหมือนกัน เนื่องจากว่าลูกของเราสองคนค่อนข้างรู้เรื่องแล้ว และมันก็เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเขาด้วย
สถานะของเรากับพี่เบนซ์ชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าไม่ใช่สามีภรรยา ?
แพท ณปภา : ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เราก็ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันเลยค่ะ และสิ่งที่เราคุยกันโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นแค่เรื่องทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเป็นสามีภรรยา อีกอย่างเราเองก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตั้งแต่แรกด้วย ถ้าหากว่าหลังจากนี้เกิดมีข่าวว่าแพทหรือพี่เบนซ์จะมีแฟนใหม่ ก็ไม่ต้องแปลกใจค่ะ สามารถทำได้ แพทให้โอกาสทุกคน รวมถึงพี่เบนซ์ด้วย
เราสองคนเคยจับเข่าคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังไหม ?
แพท ณปภา : ก็คือพอวันนั้นพอเราพูดออกไปแล้ว และมันไม่ได้มีฟีดแบ็กบวกหรือลบกลับมา เราก็เลยตีความได้ว่ามันน่าจะเป็นอย่างนี้ ซึ่งถ้าถามถึงระยะเวลาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ มันก็ผ่านมานานพอสมควรแล้วนะคะ ที่จะทำให้มันชัดเจนด้วยตัวของมันเอง
สถานะเป็นแบบนี้ สิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกเราตกลงกันอย่างไร ?
แพท ณปภา : แพทก็บอกกับพี่เบนซ์ไปตรง ๆ ว่าแพทขอเป็นคนกำหนด เพราะแพทก็เลี้ยงเขามาตลอดระยะเวลาหลายปี และแพทก็มีแพลนของแพทเอาไว้ชัดเจนแล้ว ดังนั้นแพทจึงต้องขอร้องให้พี่เบนซ์เขาช่วยทำตามแพลนของแพท ซึ่งแพลนนี้มันจะชัดเจนจริง ๆ ในช่วงเดือนกันยายน เพราะเป็นช่วงที่น้องเข้าเรียนพอดี ดังนั้นเราจึงต้องมานั่งคุยกันจริงจังอีกทีว่าจะรับ-ส่งลูกกันยังไง
เรื่องค่าใช้จ่ายตกลงกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ?
แพท ณปภา : เราตกลงว่าจะแชร์กันค่ะ ซึ่งพี่เบนซ์เป็นคุณพ่อที่น่ารักมาก รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนของโรงเรียน เพราะพี่เบนซ์เขาเสนอมาว่าเดี๋ยวเรื่องนี้เราค่อยมานั่งคุยกันอีกทีหนึ่ง (ยิ้ม)
พี่เบนซ์เขาเข้าใจใช่ไหมที่เราขอสิทธิ์ดูแลลูกเป็นหลัก ?
แพท ณปภา : ก็คิดว่าพี่เบนซ์น่าจะเข้าใจค่ะ เพราะแพทเองก็เต็มที่มาตลอด 2 ปี รวมถึงตัวแพทเองก็เข้าใจพี่เบนซ์เช่นกันว่าเขาเองก็อยากจะมีเวลาที่ได้เล่นกับลูก จริง ๆ แพทก็อยากให้พี่เบนซ์มางานด้วยกันนะ ให้เขามาเล่นกับลูก เขาสามารถมากับน้องได้ทุกงาน อย่างงานวันเกิดลูกที่ผ่านมา แพทก็ดีใจที่เขาถามว่าจะจัดงานไหม จะมีฉลองหรือเปล่า ดีใจที่พี่เบนซ์มาหาเขาที่บ้านค่ะ (ยิ้ม)
ณ ตอนนี้ ตัวเราเองมองความรักอย่างไรบ้าง ?
แพท ณปภา : แพทไม่ได้มองใคร ไม่ได้คิดถึงความรัก และก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องชู้สาวอะไรเลย เพราะตอนนี้แพทรักงานกับรักลูกของแพทมากกว่า ชีวิตของแพทตอนนี้แพทให้ลูกทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนคนที่จะเข้ามาเอาจริง ๆ นะคะ คำถามนี้ก็เป็นคำถามที่แพทถามตัวเองเหมือนกันว่าจะมีใครที่รักลูกเราเท่ากับเรา หรือเท่ากับพ่อของลูกเราไหม ซึ่งแพทก็ยังมองเรื่องนี้ไม่ออก มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้แพทยังไม่คิดที่จะมองใครค่ะ
สรุปตอนนี้เราสามารถใช้คำว่าสิ้นสุดชีวิตคู่ได้แล้วหรือยัง ?
แพท ณปภา : แพทก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ ณ ตอนนี้แพทกับพี่เบนซ์เราไม่ได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเลย มันนานมาก ๆ แล้ว และสิ่งที่เราทำตอนนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการแชร์เรื่องของคุณพ่อคุณแม่มากกว่า
ตัวเราเองเตรียมคำตอบไว้ให้กับน้องเรซซิ่งยังไงบ้าง ?
แพท ณปภา : ยากอีกแล้ว แพทคิดทุกวันเลยค่ะว่าจะพูดกับเขายังไง เพราะถ้าหากมันถึงวันที่เขาไปโรงเรียน มันจะต้องมีคนถามเขาแน่นอนว่าอะไรเป็นยังไงบ้าง ซึ่งเรื่องปกปิดลูกอันนี้แพทไม่ทำอยู่แล้ว แต่แพทจะพูดกับลูกยังไงนั่นคือเรื่องที่สำคัญกว่า เพราะตัวแพทเองก็คิดถึงเรื่องนี้ทุกวัน มันยากมากจริง ๆ ค่ะ
ได้มีโอกาสปรึกษาเพื่อน ๆ ที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวบ้างไหม ?
แพท ณปภา : คนที่แพทขอคำปรึกษาก็ไม่ใช่คนไกลตัว แต่เป็นคนใกล้ตัวที่เจอกันทุก ๆ วันนี่แหละ ซึ่งเขาก็แนะนำว่ามันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละคู่ มันเป็นการตัดสินใจของคู่ใครคู่มันมากกว่า
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN