x close

ซินแสเป็นหนึ่ง เล่าเส้นทางชีวิต เคยโดนด่ากลางอีเวนต์ ไม่ดูดวงตัวเองเหรอ !?

            ซินแสเป็นหนึ่ง เปิดใจเล่าเรื่องราวชีวิต กับเส้นทางสู่การเป็นซินแส เคยตกอับ เหลือเงิน 50 บาท ช่วยคนผิดจนโดนโจมตี น้ำตาตกใน ถูกด่ากลางงานอีเวนต์

            หากเอ่ยชื่อ ซินแสเป็นหนึ่ง เชื่อว่าคงแทบไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเขาเป็นซินแสที่ดาราดังหลายคนต่างใช้บริการในการปรึกษาเรื่องราวต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นซินแสที่ฮอตสุด ๆ ถ้าใครจะดูดวงต้องจองคิวข้ามปีกันเลยทีเดียว โดยล่าสุด (20 มิถุนายน 2562) ซินแสเป็นหนึ่ง ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร

- เขาบอกว่าดูดวงแม่นมาก ดาราต้องแย่งคิวกันจริงไหม ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : จริง ๆ ต้องบอกว่าแต่ละคนที่มาพี่ ๆ น้อง ๆ มากกว่า ด้วยความแม่นเนี่ย อย่าใช้คำว่าแม่นเลย เราแนะนำแนวทางให้ทุกคนสบายใจ

- ถ้าไม่ใช่ดารา คนธรรมดาต้องจองคิวข้ามปีจริงไหม ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : เรื่องการจองคิวคนจากปีที่แล้วจะได้มาดูในปีนี้ เพราะมันถูกจองข้ามปีอันนี้คือเรื่องจริง ปีนี้เรารับคิวเพื่อที่จะรันไว้ปีหน้าแล้ว

- เห็นว่ามีถึงขั้นประมูลคิวกันจริงไหม ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : ไม่จริง ไปเอาข่าวมาจากไหน ไม่มีถึงขั้นประมูล ไม่จริง

- เห็นว่าก่อนจะเป็นซินแสเคยทำงานประจำในตำแหน่งใหญ่ในบริษัทโต ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : จริง ๆ เราทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาด วางแผนกลยุทธ์ทั้งหมดในเรื่องของการตลาดเชิงรุก มันเป็นอาชีพที่เราทำมานานก่อนหน้าที่จะเป็นหมอดู เราก็จะวิเคราะห์ยอดขาย วิเคราะห์ว่าจะทำยังไงให้ยอดขายเราเกิดนั่นคืออาชีพของเราในอดีต จริง ๆ ต้องบอกว่าเป็นคนขยัน อาจจะมีความสามารถ แต่ไม่มีวุฒิภาวะ เพราะวัยเด็ก เวลาประสบความสำเร็จตั้งแต่วัยรุ่นส่วนใหญ่จะขาดความนิ่งและประสบการณ์ ซึ่งในยุคนั้นเราอาจจะโตเร็วไปแล้วแมเนจเงินไม่เป็น อยากมี อยากได้ อยากเป็น ซื้อทุกสิ่งอย่าง จนสุดท้ายเราเจ๊ง เพราะว่าเราแมเนจชีวิตไม่เป็น

- ตอนนั้นอาจารย์ทุ่มไปกับอะไรบ้าง ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : ในอดีตเราจะไปหมดกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ อะไรก็ตามที่ทำให้ทุกคนมองว่าดูดี เราทำหมด ฉันเกิดทุ่มกว่า ๆ ก็เลยทุ่มอย่างเดียว ด้วยชีวิตเองก็เลยล้มเหลวจากสิ่งเหล่านี้ไม่เหลืออะไรเลย

- ที่บอกว่าเปย์จนหมด ตอนนั้นรายได้เข้ามาเยอะขนาดไหน ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : ต้องบอกว่าเยอะมาก รวย รุ่งในยุคนั้น มันเยอะจนทำให้เราเปลี่ยนรถได้ ทำให้เราสามารถซื้ออะไรได้เยอะแยะมากมายในสมัยนั้น สุดท้ายพอวันที่มันปิดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเราไม่มีเงินเหลือเลย มีเงินอยู่ในตัว 50 บาท แล้วเราจะต้องไปยืมเพื่อนอีก 70 บาท เพื่อมาเข้าในแบงก์ให้ได้ 100 บาท แล้วกดออกมาคืนเพื่อนไป 50 บาท มันเกิดความผิดพลาดจากการวางแผนในชีวิต เราอยากจะฝากทุกคนว่าถ้าคุณมี คุณควรจะเก็บ ควรแมเนจให้ดี

- ณ ตอนนั้นเป็นช่วง 20 ปีมาแล้ว มีบ้าน มีรถ เจออุปสรรค แต่ก็เจอคู่ชีวิตด้วยเหรออาจารย์ ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : ในจังหวะที่เราล้มเหลวไม่มีอะไรเลยตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ ติดต่อเพื่อนที่เขาเป็นช่างแต่งหน้า แล้วบอกเพื่อนว่าวันนี้ฉันล้มแล้วนะไม่มีเงินเหลือสักบาท ฉันอยากขออาศัยอยู่ด้วย เพื่อนคนนี้บอกอาจารย์ว่า เป็นหนึ่ง ถ้ามึงจะขึ้นมาเนี่ยกูมีข้าวให้กินทุกมื้อนะ แต่ไม่มีเงินให้มึง มึงจะมาไหม แต่ทุกคนที่เราโทร. ไปจะบอกว่าภรรยาไม่ให้มาบ้าง บ้านแน่นบ้าง แต่คนนี้บอกเราแบบนี้ เราเลยตัดสินใจว่าฉันจะดิ้นรนขึ้นมา ก็เลยมากรุงเทพฯ ปรากฏว่าด้วยความที่เรายังมีความดีหลงเหลืออยู่กับเพื่อนกับพี่หลาย ๆ คน ก็เลยไปขอทำงานกับน้องคนหนึ่ง เป็นบริษัทเกี่ยวกับเว็บไซต์แล้วก็วางแผนอะไรก็ตาม เขาบอกโอเค พี่คนเดียวผมดูแลได้ เขาก็เลยให้อาจารย์ไปทำงานกับเขา แล้วอาจารย์ก็เอาความรู้ทั้งหมดมาวางแผนต่าง ๆ จนได้งานใหญ่มางานหนึ่ง เป็นงานที่ต้องลงภาคใต้ อาจารย์ก็เลยต้องฟอร์มทีมขึ้นมา อาจารย์ก็เลยประกาศรับสมัครงาน ก็มีคนหนึ่งที่เตะตา ต้องใจ เราก็เลยนัดสัมภาษณ์ประมาณทุ่มครึ่ง ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง สุดท้ายก็นั่งคุยกัน เรารู้สึกว่าเขามีอะไรดีนะ ก็เลยตัดสินใจรับไปทำงาน แล้วเขากำลังจะลุกกลับ ฉันบอกเดี๋ยวก่อนอยู่เป็นเพื่อนกันก่อน เดี๋ยวจะพาไปทานดริงก์ แล้วพอนั่งปุ๊บอยู่ ๆ ฉันก็อยากร้องเพลงให้เขาฟัง เขาก็ตบมือให้ฉัน คือมันเป็นการเทสต์ว่าเขาทนเราได้ไหม หลังจากนั้นเราก็ไปร่วมงานกัน อาจารย์ก็เล่าชีวิตให้เขาฟังหมดเลย จนเขารู้ว่าเราไม่มีที่อยู่ เขาเด็กกว่า 2 ปี

- อาจารย์เคยเจ็บมาแล้ว อาจารย์ไม่กลัวเหรอ ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : ตราบใดที่ผมยังมีอยู่ฉันก็ไม่กลัว เราจะกลัวทำไมในเมื่อชีวิตเราต้องเผชิญอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง เจ็บกี่ครั้งก็ไม่เท่ากับการได้ลอง จนปิดจ๊อบงานประมาณ 2-3 เดือนได้ เขารู้ว่าเราไม่มีที่อยู่ เพราะเราไปอยู่กับเพื่อน พอหลังจากเสร็จงานเขาบอกเราว่า พี่ครับ มาอยู่กับผมไหม จริง ๆ เรารู้สึกดีกับเขาตลอดเวลาเดือนครึ่งแล้วล่ะ เขาบอกว่าไม่ต้องกลัวนะมาอยู่กับเขาไม่ต้องเช่าบ้าน ไม่ต้องอะไรเลย เราก็ช่วย ๆ กันไป

- แล้วทำไมช่วงลำบากต้องหนีไปภูชี้ฟ้า ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : ช่วงนั้นเป็นจังหวะน้ำท่วมใหญ่ งานทุกอย่างยกเลิกหมด จากเงินที่เรามีน้อยนิด แล้วมีการซื้อรถเพื่อมาใช้ในจังหวะนั้นพอดี พอน้ำท่วมปุ๊บทุกอย่างพังหมด พอรถเสียเงินก็ไม่มี สุดท้ายเราต้องหนีน้ำ ทางคู่ชีวิตเขาบอกอาจารย์ว่าเราไปอยู่ภูเขาภูชี้ฟ้าไหมเขามีที่อยู่

- ทำไมคุณซิ้นจุดประกายให้อาจารย์ดูดวง ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : พอวันนึงที่เราไปอยู่บนภูชี้ฟ้ารายได้ก็ไม่มี เงินก็ไม่เหลือ แล้วซิ้นเขาจะรู้ว่าเราชอบทำนาย ทายทัก เขาบอกว่าพี่มันจะถึงเวลาแล้วนะ เพราะตอนนี้ข้างบนมันไม่มีอะไรทำ ลองทำไหม แต่เราปฏิเสธเนื่องจากตัวเราเองเป็นนักการตลาด พอมาทำแบบนี้มันรับไม่ได้ จนสุดท้ายเขาบอกว่าให้พี่คิดดูเรามีความสามารถติดตัว อีกส่วนหนึ่งคือการได้ช่วยคนถือว่าดีนะ เราเลยตัดสินใจลุกขึ้นมา ตอนนั้นมีคอมพิวเตอร์เก่าอยู่ตัวหนึ่ง แล้วสัญญาณอินเทอร์เน็ตใช้ได้เดือนนึง ก็เลยตัดสินใจมาโพสต์ว่าใครอยากดูลายเซ็น ใครอยากดูอะไรเนี่ยติดต่อเข้ามาได้เลย แล้วแต่จะให้ แล้วเราก็โพสต์ทั้งวันทั้งคืนก็ไม่มีใครเข้ามาเลย จนมีคนหนึ่งเข้ามาบอกว่าอยากได้ลายเซ็น เราก็ทำให้เขาแล้วให้เลขบัญชีเขาไป เราบอกขอบคุณมากนะ 25 บาท โอนเข้ามา เราก็บอกว่าแล้วแต่จะให้ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไร หลังจากนั้นก็มี 5 บาท 10 บาท โอนเข้ามาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเรารู้สึกว่ามันไม่พอแล้วนะ รถจะต้องซ่อม ชีวิตยังต้องอยู่ อะไรต่าง ๆ มันไม่ไหวแล้ว จนอาจารย์ไปเห็นกระดาษรีมหนึ่ง แล้วมาปรินต์เป็นใบปลิวว่ารับดูลายเซ็น พอเช้ามาเราก็ลงไปในตัวเมืองเชียงราย เป็นถนนคนเดิน คนเยอะมาก ฉันหันไปเห็นป้าตั้งโต๊ะรับดูดวง ฉันน้ำตาตกเลยนะ ฉันจะไม่แย่งอาชีพเขาแน่ ซิ้นก็เอาใบปลิวไปเดินแจกเอง พอเช้ามาก็มีสายโทร. เข้ามาบอกว่าได้รับใบปลิวอยากจะดูลายเซ็น เขาก็โอนเงินมาให้ 1,000 บาท มันได้ค่าอินเทอร์เน็ต ขอบคุณมาก ๆ เลย

- แล้วพอมีชื่อเสียงคนก็มองว่าอาจารย์เพี้ยน ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : คำว่าเพี้ยนทุกคนที่ตามไอจีจะเห็นว่าใส่วิกมั่ง ร้องเพลงมั่ง เรามีความรู้สึกในแต่ละวัน เราทำให้ทุกคนมีความสุข ในรูปแบบของเรา

- ทำไมตอนนั้นถึงไปช่วยพ่อค้าหวยกำมะลอ ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : เราเห็นเขาเป็นคนดี แล้วเห็นป้ายรวยปลอมอยู่ในร้านเขา แล้วลูกศิษย์บอกว่าเขาเป็นคนดีนะ เอาป้ายจริงไปให้เขา หลากหลายรายการออกเรื่องราวของเขา เราเลยบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าเขาเป็นคนดีเราก็เอาป้ายของจริงไปให้เขาดีกว่า

- แต่พอเรื่องจริงเปิดเผยอาจารย์โดนหนักมาก ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : เราโดนถล่มเลย แต่ต้องขอบคุณทุก ๆ คน มันคือข้อผิดพลาดในชีวิต เรื่องคอมเมนต์เราแคร์ทุกคน ทุกข้อความที่เราได้รับ เราเสียใจมาก เรารู้สึกว่ามันแรงจริง ๆ

- เห็นว่าจุดหนึ่งอยากจะเลิกเป็นหมอดู ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : จริง ๆ ต้องบอกว่ามันเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตที่เราเคยล้มมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นล้มในเรื่องธุรกิจ พอวันนี้เราล้ม เรามีความรู้สึกทั้งประเทศเนี่ยมันเกิดเหตุการณ์ความไม่เข้าใจเกิดขึ้น เสียใจมาก

- เห็นว่าข่าวออกวันเดียวเจอด่ากลางงาน ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : หลังจากเกิดเรื่องก็มีงานใหญ่ เราเลยโทร. ไปปรึกษาผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่า พี่ ถ้าอาจารย์ยกเลิกงานจะเป็นยังไงบ้าง พี่เขาตอบกลับมาว่า เขายังไม่ยกเลิกเธอเลย เธอจะไปยกเลิกเขาทำไม เธอต้องสู้สิ ก็เลยตัดสินใจไป เรานั่งรถไปขอไปว่าอย่าให้มีอะไรมาปะทะเลย พอเดินเข้าไปมีคนกลุ่มหนึ่งเดินสวนออกมาแล้วพูดใส่อาจารย์ว่าไม่ดูดวงตัวเองเลยเหรอ คือน้ำตาตกในนะ

            ซิ้น : ผมเดินไปบอกเขาว่าถ้าพี่ไม่ทำก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องมีผมแล้ว ก็ไปเลย

- ความรู้สึกเป็นยังไง ?

            ซินแสเป็นหนึ่ง : โดนระลอกที่หนักที่สุดในชีวิต เราต้องขึ้นไปอยู่บนเวทีท่ามกลางคนเป็นพันคน แล้วมาได้ยินกับสิ่งที่คนที่เรารักบอกว่าเจอเรื่องราวแบบนี้ เราก็เลยตัดสินใจคว้าไมค์เลยแล้วเดินขึ้นเวทีทำให้ดีที่สุด

            ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-15.00 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ซินแสเป็นหนึ่ง เล่าเส้นทางชีวิต เคยโดนด่ากลางอีเวนต์ ไม่ดูดวงตัวเองเหรอ !? อัปเดตล่าสุด 21 มิถุนายน 2562 เวลา 11:34:27 4,293 อ่าน
TOP