ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
เป็นอีกหนึ่งคนที่งานล้นมืออย่างมาก ไม่ว่าจะเปิดทีวีไปช่วงไหน ๆ ก็ต้องเห็นพิธีกรชื่อดังอย่าง ดีเจนุ้ย แต่ก่อนที่จะมาเป็นพิธีกรดังอย่างวันนี้ ดีเจนุ้ยเคยเป็นนักข่าวสายบันเทิงมาก่อน ลงข่าวจนโดนสายตรงโทร. มาด่าเพียบ แถมเจอโทร. ขู่อีกด้วย เคยแอบซ่อนกล้องเข้าไปทำข่าวจน รปภ. ของบริษัทนั้นโดนไล่ออก แม้ปัจจุบันจะโด่งดังแล้ว แต่ก็ไม่วายมีข่าวเมาท์ว่าหยิ่งมาก เวลาไปไหนมาไหนต้องปิดบังหน้าตาตลอด
งานนี้ ดีเจนุ้ย ขอเปิดใจชี้แจงข่าวเมาท์ดังกล่าว ผ่านรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง One31 พร้อมเผยเบื้องหลังก่อนจะมาเป็นดีเจนุ้ยอย่างทุกวันนี้ อีกทั้งการถือพรหมจรรย์มาตั้งแต่เด็ก สามารถหยุดฟ้าหยุดฝนได้ อีเวนต์ไหนสนใจจ้างได้เลย รวมถึงประสบการณ์เจอโรคจิตบนรถไฟฟ้าอีกด้วย
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
ก่อนจะมาเป็นเป็นดีเจนุ้ย เคยเป็นนักข่าวมาก่อน ?
ดีเจนุ้ย : นุ้ยเป็นนักข่าวบันเทิง แต่สามารถบุกไปโรงพัก โรงพยาบาล ศาล วัด อะไรพวกนี้ได้
ข่าวไหนที่ภูมิใจที่สุด ?
ดีเจนุ้ย : ข่าวที่ตนซ่อนกล้อง แล้วไปสถานีโทรทัศน์รายการหนึ่ง เพื่อจะไปถามความคืบหน้าความรักของนางสาวไทยคนหนึ่ง
เห็นว่าข่าวนี้ทำให้ยามโดนไล่ออกเลย ?
ดีเจนุ้ย : ใช่ครับ แล้วนางงามคนนั้นก็โทร. ด่าเจ้าของบริษัท เราก็เลยตัดสินใจว่าอยู่ไม่ได้แล้ว ถึงขั้นไล่ยามออก แถมโทร. ด่าเจ้าของบริษัท เราเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ เลยลาออกก่อน นุ้ยรู้สึกมาตลอด นุ้ยเลยหยุดทำข่าวบันเทิงเลย
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
แล้วตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?
ดีเจนุ้ย : ความที่สมัยนั้นคนดังไม่อยากพูดเรื่องความรักเท่าไร แต่เรารู้สึกว่าเขามาบอกเราว่าจะสัมภาษณ์อย่างหนึ่ง สุดท้ายมาบอกอีกอย่างหนึ่ง เราไม่ได้โทษคนทำงาน ก็เลยโทร. ไปหาคนที่คิดรายการขึ้นมา บอกว่าอย่าทำแบบนี้เลย
เหมือนนุ้ยเคยไปพูดข่าว แล้วโดนพี่ เป็ก สัณณ์ชัย สายตรงเลย รู้สึกอย่างไรบ้าง ?
ดีเจนุ้ย : ใช่ ๆ คือนุ้ยโดนสายตรงเยอะมาก ตอนพี่เป็กโทร. มาก็กลัว เราก็ขอโทษไป แต่นุ้ยไม่ได้เจอแค่พี่เป็กนะ นุ้ยเคยเจอสายโทร. มาขู่เลยนะ แบบว่านุ้ยถามเขาว่าได้เบอร์มาจากไหน เขาบอกไม่ต้องรู้หรอก นุ้ยบอกพี่ใจเย็น ๆ นะ เขาบอกผมใจเย็น ถ้าผมใจร้อนคุณก็รู้ผมเป็นยังไง ตอนนั้นก็ยืนสั่นอยู่ในลิฟต์ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เน้นความน่ารักสดใส นายมาบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องแรงมากก็ได้ ตอนแรกเราอินกับการจัดรายการเต็มที่ แฉก็คือแฉ พอนายมาบอกเราก็ดึงความเป็นตัวเรากลับมา เน้นความสนุก จนปีหลัง ๆ นุ้ยเบื่อข่าวบันเทิง แต่บอกใครไม่ได้ ณ ตอนนั้นนุ้ยยังนั่งอยู่ในตำแหน่งแฉแต่เช้าอยู่ จนวันหนึ่งเราตัดสินใจเซย์กู้ดบาย
เห็นว่ามาทำงานแรก ๆ โดนแอนตี้จากแฟนคลับ ?
ดีเจนุ้ย : ใช่ จะบอกว่าแฉแต่เช้าตอนนั้นดังมาก แล้วพี่กฤษณ์กับพี่มดดำก็ทำได้ดีมาก ซึ่งถ้าคนอื่นมาจัดแทน เขาจะรับไม่ได้ ก็จะ SMS มาถามว่ามานั่งในช่วงเวลานี้ได้ไง คือนุ้ยเป็นดีเจใหม่ โนเนมไม่มีใครรู้จัก พอเข้าไปนั่งปุ๊บ 1 ปีเต็ม ๆ ไม่ใช่แค่ด่าผ่าน SMS นะ ก็คือด่านุ้ยเป็นกระทู้พันทิป แบบเธอเป็นใคร หัวเราะน่ารำคาญมาก ตอนนั้นก็นอยด์ ท้อ แต่ผู้ใหญ่ก็ให้โอกาสเราพิสูจน์ตัวเองต่อ แล้วหลังจาก 1 ปีผ่านไป คนเดินเข้ามาขอบันทึกเสียงหัวเราะหน่อยได้ไหม หัวเราะให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
กว่าจะมาถึงวันนี้ มีคนเมาท์เยอะมากว่าอยากเป็นดาราจนตัวสั่น ?
ดีเจนุ้ย : ถามว่าชอบงานในวงการบันเทิงไหม คือชอบงานในวงการตั้งแต่เด็ก ๆ มีความใฝ่ฝันที่จะเข้าวงการบันเทิง แต่พอส่องกระจกดูหน้าตัวเองก็ตกใจ ลำพังตัวเองยังตกใจ คนอื่นก็คงตกใจแน่ ๆ เมื่อก่อนอยากเป็นนักร้อง มีพี่โบ สุนิตา เป็นไอดอล พี่โบบอกเขาเป็นนักร้องเพราะความฝัน นุ้ยก็มีความฝัน นุ้ยเคยประกวดเดอะสตาร์ไม่ปี 1 ก็ปี 2 คือเราเป็นคนมีความฝันแต่ไม่พยายาม พอดึกไปก็กลับบ้าน เวที AF ก็เคยไป ตอนนั้นเป็นนักข่าวแล้ว
อย่างนุ้ยชอบเจอโรคจิตใช่ไหม ?
ดีเจนุ้ย : ไม่คิดว่าตัวเองจะเจอเซ็กส์โฟน ถ้าเป็นยุคนี้จะรับสายฟังแล้วสู้กับมัน แต่ยุคนั้นมันตกใจ เรายังเด็กอยู่ คือตอนนั้นเขาไม่พูด พอรับก็ครางเลย สักพักเราก็วางแล้วเขาก็โทร. มาอีก เราก็ตัดสินใจโพสต์เบอร์ไปเลย แล้วแฟน ๆ ที่ติดตามเราก็โทร. ไปด่าเขา จนเขาปิดเบอร์หนี และมารู้ตอนหลังว่าเป็นแฟนคลับคนหนึ่งของคลื่นวิทยุเรา เหมือนมีอาการทางจิต
แล้วอะไรที่บอกว่าเขาเป็นมิจฉาชีพ ?
ดีเจนุ้ย : เขามาบอกคนที่คลื่นว่าเขาตาบอด แล้วคนในคลื่นพยายามจะช่วยเขา แล้วเขาก็ไปงานคลื่นด้วยสมัยก่อน แต่ก็มานั่งคิดว่าทำไมตาบอดแล้วเดินได้ แต่เขาไม่ได้หลอกเงินหลอกทองอะไรเรา นอกจากใครอยากจะช่วยเขาเอง
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
พอเราเจออะไรแบบนี้ เรามีวิธีการจัดการไหม?
ดีเจนุ้ย : นี่ไงโพสต์เบอร์ไปเลย ถ้าโรคจิตอย่างเดียว เราอย่าไปกลัวเขา นุ้ยเคยเจอบนรถไฟฟ้าด้วย คือมีผู้หญิง 2 คน เขากรี๊ดแล้ววิ่งไปอีกโบกี้หนึ่ง เราก็ไปนั่ง แล้วเขาก็ถือโทรศัพท์มานั่งข้าง ๆ เราเลย แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหัวเราะ แล้วเราก็มองไปที่โทรศัพท์เขาเป็นคลิปหนังกำลังภายใน เป็นคิวบู๊กำลังแทงกันอยู่ ทางเราก็ตกใจ แต่ต้องตั้งสติ แต่ถ้าเป็นยุคนี้นุ้ยจะตะโกนเลยว่า "อีโรคจิต" แต่กลายเป็นว่าเราดูคลิปกับเขาไปด้วยพักหนึ่ง มันก็เลยตกใจเรา ว่าทำไมเราไม่ตกใจเหมือนผู้หญิง 2 คนนั้น
อะไรแบบนี้คิดว่าเป็นบททดสอบเราไหม ที่เราบอกว่าเราถือพรหมจรรย์ ?
ดีเจนุ้ย : ถือตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ เป็นบททดสอบที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต หลายครั้งที่เราเดินผ่านกระจกก็รู้สึกว่าเราสวยนะ ดูดี แต่เราเป็นบททดสอบของชีวิต และเป็นบททดสอบที่เราเชื่อว่าเบื้องบนทดสอบเราให้อดทน เพื่อแลกกับความสำเร็จ
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
คิดว่าการถือพรหมจรรย์นี้ เหมือนเป็นบุญส่งมาหาเราหรือเปล่า เกี่ยวไหม ?
ดีเจนุ้ย : นุ้ยไม่รู้นะ แต่ว่ามันมีอะไรพิเศษ ๆ ไม่งั้นเขาจะเอาไปแห่กันหรอ คือเขาต้องเลือกคนบริสุทธิ์ก่อนจะไปทำพิธี พูดไปก็เป็นปมของนุ้ย ถ้าวันใดเราพลาดขึ้นมาก็เลยไม่อยากเชื่ออะไรมากมาย แต่ว่าเราสามารถหยุดฟ้า หยุดฝนได้ อีเวนต์ไหนอยากไล่ฝน นุ้ยรับสตาร์ตที่ 3 แสนบาท งานรอดทั้งงาน แลกกับเงินแค่นี้ถือว่าคุ้ม
มีอีกข่าวหนึ่งที่เขาเมาท์กันว่า พอดังแล้วทำตัวเป็นเซเลบ ปิดหน้า ปิดตา เดินตลาดไม่ได้ ?
ดีเจนุ้ย : ไม่ได้หยิ่ง ตอนนี้เวลาไปไหนมาไหน นุ้ยชอบใส่แมสเอาไว้ เวลาขึ้นเครื่องบิน แล้วมีคนเดินมาบอกว่าจำได้นะใส่ทำไม โอ้ย ไม่ต้องใส่หรอก รู้อยู่แล้วว่าใคร แต่เจตนาของนุ้ยคือ นุ้ยไอมาประมาณ 1 เดือน ก็คือนุ้ยพักผ่อนน้อย ป่วยง่าย ก็ฉีดวัคซีนไว้ตลอดเพราะไม่อยากให้ป่วยหนัก ไปหาหมอฉีดยาแล้วกำลังจะหายก็ป่วยซ้ำไปอีก ก็เลยไปไหนมาไหนจะใส่แมส แต่เราก็เข้าใจแฟน ๆ ที่เขาคิดว่าเราหลีกเลี่ยงเขาหรือเปล่า หรือเราไม่อยากคุยกับเขาหรือเปล่า ไม่ใช่นะคะคือเราไม่สบาย ป่วยง่าย เราเลยจำเป็นต้องใส่แมสเอาไว้
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.30 - 14.30 น. ทางช่อง One31 หรือ Facebook Page : คุยแซ่บShow และรับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
