ปั้นจั่น ปรมะ รับห่าง ฐิสา วริฏฐิสา จริง ไม่เกี่ยวมือที่สาม ชี้เพราะต่างฝ่ายต่างยุ่ง แจงมือลั่นลงรูปวิดีโอคอลคุยสาวอื่นเป็นแค่เพื่อน โอดดราม่ารุมเร้าแต่ไม่คิดออกจากวงการ - แจงข่าวโดนโยงพระเอกเคาะห้องนักข่าวหวังกินตับ
หลังจากศึกษาดูใจกันมาได้สักพัก ก็ดูท่าว่าความสัมพันธ์ของคู่
ปั้นจั่น ปรมะ และ
ฐิสา วริฏฐิสา จะถึงคราวสะดุดซะแล้ว หลังฝ่ายชายมือลั่นลงภาพวิดีโอคอลคุยกับสาวอื่น แถมยังอันฟอลโลอินสตาแกรมของฝ่ายหญิงไป จนคนแอบมองว่าสาวคนดังกล่าวคือมือที่สามที่ทำให้รักครั้งนี้สะดุดหรือเปล่า
ปั้นจั่น ปรมะ
ฐิสา วริฏฐิสา
ล่าสุด (21 พฤศจิกายน 2562) หนุ่มปั้นจั่น ก็ได้ออกมาเปิดใจเคลียร์ถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยเปิดเผยว่า เรื่องรูปนั้นเป็นอุบัติเหตุ ตอนนั้นจำได้ตีกอล์ฟอยู่แล้วกำลังจะโพสต์รูปรูปหนึ่ง แล้วมันดันไปมือลั่น ก็กลายเป็นรูปนั้น แล้วตนเป็นคนที่วิดีโอคอลคุยกับเพื่อนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง บางคนอยู่อเมริกา บางคนอยู่ไทย ก็รีบลบเลย เพราะว่าเดี๋ยวเพื่อนจะเดือดร้อนด้วย เราจะเดือดร้อนด้วย ก็ขอโทษเพื่อนไปเรียบร้อยแล้ว
ปั้นจั่น ปรมะ
ยืนยันสาวคนนั้นไม่ใช่มือที่สาม ?
ปั้นจั่น ปรมะ : มันไม่มีมือที่สามอยู่แล้วครับ มันไม่มีทางเป็นไปได้
คนคิดว่าคนนี้คือสาวคนใหม่ ?
ปั้นจั่น ปรมะ : คือต้องบอกว่ามือที่สามมันไม่เกิดขึ้น เพราะว่าผมยังไม่ได้มีแฟนหรือคบกับใคร
คนที่จีบอยู่ยังไม่ตกลง ?
ปั้นจั่น ปรมะ : ที่จริงต้องบอกว่ามันเป็นเวลาที่ดีนะครับ สิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมดตั้งแต่ตอนแรก ผมพูดด้วยความจริงใจและผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ มาโดยตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรารู้จักกันมากขึ้น เรียนรู้กันมากขึ้น ด้วยหน้าที่การงาน อาจจะเวลาหรือจังหวะไม่พอดี ทำให้เราไม่ค่อยได้คุยกัน ห่างกันไปบ้าง ถามว่ามิตรภาพความเป็นพี่น้องยังอยู่ไหม แน่นอนผมยังหวังดีกับน้องเขา รู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นข่าวอะไร ก็ยังเป็นกำลังใจและคอยติดตามอยู่ตลอด
ตอนนี้ไม่ได้จีบเป็นแฟนแล้ว ?
ปั้นจั่น ปรมะ : คือเราไม่ได้คุยกันมาสักพักแล้วนะครับ ต่างคนต่างยุ่งด้วย ผมก็กำลังเตรียมตัวเรื่องงานบวชด้วย ก็เหมือนยิ่งใกล้บวชยิ่งมีปัญหามารุมเร้า ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะผมเองก็มีปัญหาของผมเหมือนกันในเรื่องที่ผมต้องจัดระบบความคิดของตัวเอง แต่มันเป็นสิ่งที่มันไม่จำเป็นต้องเล่าให้แฟน ๆ หรือคนข้างนอกรู้ว่าตัวเราเองรู้สึกยังไง ผมอยากพูดมานานแล้ว คือผมไม่เคยออกมาพูดแก้ตัวอะไร เพราะผมรู้ว่าการแก้ตัวมันไม่ใช่การทำให้คนที่เขาไม่ชอบเรากลับมาชอบเราได้ ฉะนั้นไม่ว่าผมจะทำอะไรก็แล้วแต่มันก็เป็นข่าว และมันก็ถูกว่า ถูกโยงอะไร
ฉะนั้นสิ่งที่ผมทำได้ก็คือทำใจและเข้าใจมันให้มากที่สุด ผมไม่ติดค้างอะไรเลยสำหรับคนที่ว่าผม ผมไม่เคยโกรธด้วย เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้รู้จักผมถึงครึ่งด้วยซ้ำ หรือว่าใครที่ว่าผมหรือไปว่าน้องหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่มีใครรู้จักเรา ตอนเราคุยกันไม่มีใครรู้ว่าเราคุยกันยังไง ฉะนั้นไม่มีใครมาตัดสินเราได้ว่าเราผิดหรือถูก ไม่มีใครรู้ความจริง มันเป็นแค่เรื่องของคนสองคนที่รู้กันเท่านั้น ถ้าผลสรุปมันจะเป็นยังไง แต่มิตรภาพมันยังคงอยู่ นั่นคือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของความสัมพันธ์
ปั้นจั่น ปรมะ
อะไรที่ทำให้เราเลิกคุยกัน ?
ปั้นจั่น ปรมะ : อันนั้นขอเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นสิ่งที่เราเข้าใจกันและกัน แต่เอาเป็นว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องของมิตรภาพที่ดี เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน
ความรักมันเคยเกิดขึ้นไหม ?
ปั้นจั่น ปรมะ : เราอย่าไปเจาะถึงขั้นนั้นเลยครับ เดี๋ยวเป็นประเด็นเปล่า ๆ แต่อย่างที่บอกไปทุกครั้ง เราก็ทำเต็มที่ เราทุกคนทำเต็มที่และคาดหวังให้มันดี แต่เมื่อมันไม่ใช่ มันไม่ดี หรือมันจะเปลี่ยนไปในแง่มุมไหน เราแค่ต้องยอมรับมัน และคนอื่นก็ควรจะยอมรับกับเราด้วย ไม่ใช่มานั่งว่าเราหรือว่าใคร
ความรู้สึกเหมือนคนอกหักไหม ?
ปั้นจั่น ปรมะ : ผมว่าทุกคนมันมี จะให้ผมมานั่งหัวเราะยิ้มแย้มหรืออะไร แต่ The show must go on ผมต้องทำงาน ต้องเดินออกไปและยิ้มให้กับทุกคน แฟน ๆ คนทำงาน ผมว่าตอนนี้ประเด็นใหญ่ที่สุดของการทำงานในวงการ สิ่งที่เหนื่อยที่สุดคือข่าวการที่ถูกคนอื่นคอมเมนต์ ผมกล้าพูดเลยว่า ณ ตอนนี้ ไม่ว่าใครสะดุด ไม่ว่าใครล้มนิดหนึ่ง ก็โดนถล่ม ฉะนั้นผมไม่พูดถึงคนอื่นดีกว่า คนที่เป็นนักแสดงอดทนมากนะ ถึงแม้ว่าโอเค มันเป็นอาชีพของประชาชน เป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าเกิดว่ามองในมุมหนึ่ง ก็ต้องเห็นใจเราสักนิดหนึ่ง คนคนหนึ่งมันก็เป็นคนธรรมดา บางทีมันก็เป็นตัวตลกของคนอื่น บางทีก็ถูกคนอื่นว่าด่าทอทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รู้จักเราถึงครึ่งหนึ่ง ฉะนั้นบางทีจะว่าหรือจะพิจารณาใคร ไปรู้จักเขาก่อนไหม
ฐิสา วริฏฐิสา
แสดงว่าเราไม่โอเคกับกระแสที่ตีกลับมา ?
ปั้นจั่น ปรมะ : มันไม่เกี่ยวกับกระแสบูลลี่หรอก แต่ผมโดนมาตลอดในปีนี้ เข้าใจไหมหน้ามือเป็นหลังมือ ทำอะไรก็ผิด จากสามีแห่งชาติ กลายเป็นไอ้ปั้นไปแล้ว บางทีคำหยาบก็มากกว่านี้ด้วยซ้ำ จนผมเลิกอ่าน บางทีก็มีแวะเข้าไปท่องเน็ตบ้าง แต่ว่าก็เข้าใจ แต่ตอนนี้เวลาเราเห็นข่าวคนอื่นที่โดนหรือเพื่อนคนอื่นที่โดน เราจะมองย้อนกลับมาดูว่า อีกหน่อยคงไม่มีใครกล้าพูด กล้าทำอะไร ไม่มีใครกล้าสร้างสรรค์อะไร คือมองให้มันเป็นเรื่องวาไรตี้ มองให้มันเป็นเรื่องสนุก
คนในวงการเขาก็ไม่อยากจะซีเรียส แต่พอพวกคุณทำให้มันซีเรียส บางทีผมก็พูดตรง ๆ ว่ากำแพงมันมีเกิดขึ้น ตัวผมเองไม่อยากเป็นข่าวเลย อยากจะทำงานแล้วเดินกลับบ้านด้วยซ้ำ ทำงานสร้างสรรค์ผลงานให้คนที่ชอบดูผลงานผม ดูละครผม ดูรายการผม แล้วผมก็กลับบ้าน ผมไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น แต่ในเมื่อวงจรมันเป็นแบบนี้ ดาราก็ต้องมากับสื่อ มาพูดนั่นนี่ มันก็ยังจำเป็นที่ต้องอยู่ต้องพูด วันนี้ถ้าผมกลับบ้านไม่พูดไม่อะไร ก็เขียนไปอีกว่าปั้นจั่นหนี หรืออะไร แต่เราไม่หนีหรอก เราก็มาพูดความจริง
ท้อหรือเหนื่อยบ้างไหม ?
ปั้นจั่น ปรมะ : เหนื่อยครับ พอตอนนี้คิดอยู่อย่างเดียวคือทำงานเพื่อครอบครัว และมันเป็นอาชีพที่เราถนัดที่สุด เราทำงานตรงนี้มาทั้งชีวิตแล้ว ถ้ายังมีคนดู มีคนรัก มีแฟนละครที่ดูอยู่ ผมก็ยังทำงานต่อไป
ยังไม่ถึงขั้นคิดพักงานในวงการหรือออกจากวงการ ?
ปั้นจั่น ปรมะ : ใครก็อยากมาอยู่ในจุดนี้นะ ฉะนั้นเราก้าวมาทั้งตัวแล้ว เราก็ต้องคุมพื้นที่ของเราให้ดี สุดท้ายแล้วผมยังรักในการแสดงอยู่ ความเหนื่อยมันมี แต่เวลามันจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง คือบวชทุกคนก็มาบอกว่าบวชหนีปัญหาหรือเปล่า ไม่ใช่นะ ผมเตรียมบวชตั้งแต่ต้นปีแล้ว ผมไม่ได้หนีปัญหา
ปั้นจั่น ปรมะ
สาเหตุที่หยุดความสัมพันธ์ ทำให้ต้องอันฟอลโลไอจีฐิสาหรือเปล่า ?
ปั้นจั่น ปรมะ : ไม่เกี่ยวครับ ที่ผมอันฟอลโล เพราะผมไม่ต้องการที่จะเสพข่าวในวงการบันเทิงอะไรให้มากนัก ผมไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนในวงการเลยสักคน ผมไม่ได้เรียกว่าตัดขาด คือผมรักวงการนี้ ชอบอาชีพนี้ แต่บางทีผมรู้สึกว่าผมอาจจะอยู่กับมันไม่ได้ แต่ผมก็ต้องอยู่ เพราะพ่อแม่ผมก็ยังต้องกิน และผมยังมีแฟน ๆ ที่รักผม
เลิกเสพสื่อทางโซเชียลไป ?
ปั้นจั่น ปรมะ : ผมก็เลิกเสพสื่อทางโซเชียล ผมพูดตรง ๆ อย่างเรื่องพลาด ผมก็อยากตบกบาลตัวเอง อยากชกหน้าตัวเองให้ปากแตกไปเลย แต่ว่ามันพลาดอะ และให้เขาด่าอีกแล้ว มันเหนื่อย ผมท้อนะ ผมพูดจริง ๆ เดี๋ยวปีหน้าค่อยทำกันใหม่แล้วกัน แต่ปีนี้เป็นปีที่แบบแย่มาก เรื่องโลกซึมเศร้า โรคอะไร ไม่ต้องมานั่งอ้างกันแล้ว เพราะไม่มีใครเขาเชื่อหรอก ถึงพูดไปใครก็ไม่เชื่อ ไม่ต้องถามว่าเข้าข่ายเลย พูดไปเดี๋ยวเขาก็หาว่าสำออยอีก ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำได้สำหรับคนในวงการนะครับ แข็งแกร่งที่สุด อดทนที่สุด และระวังที่สุด ระวังแล้วระวังอีก ระวังจนผมก็พูดตรง ๆ ว่าผมเองก็ปิดช่องทางทุกอย่างยกเว้นไอจี ถ้าเกิดว่าไม่มีลูกค้า ผมลบแอคเคานต์ไปแล้ว ผมพอแล้วจริง ๆ ผมไม่ได้เข็ด ผมเพลียกับโซเชียล ความบูลลี่ที่มันหนักหนาสาหัสมาก คุณเป็นใครก็ไม่รู้
ปั้นจั่น ปรมะ
ถามถึงข่าวลือพระเอก พระรอง อดีตเป็นนักร้อง ไปเคาะห้องนักข่าวหวังจะกินตับ คนโยงว่าเป็นเรา ?
ปั้นจั่น ปรมะ : อันนี้ที่จริงยังไงดีอะ เขาเรียกว่าความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก ประเด็นคือมันตลกมาก มันไม่มีเค้าที่จะเป็นเรา แต่สุดท้ายผมคงเป็นประเด็นหรือเป็นที่รักของชาวเน็ตมั้ง ก็คงไปเขียน ปจ. ก็มีอยู่คนเดียวก็คือปั้นจั่น ทีหลังไม่ต้อง ปจ. เขียน ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย ไปเลย ให้แม่กูรู้ไปเลย ว่ากูไปขึ้นห้องนักข่าว แล้วไปเจอมันตั้มกับฝรั่ง แต่ทั้งหมดทั้งมวลเอาเป็นว่าข่าวอะไรก็ไม่รู้ ถ้าเกิดว่ามีข้อมูลของผมจริงก็พูดได้เลย มีรูปหรืออะไรก็มาพูดได้เลย เพราะข่าวนี้มั่วมาก ๆ ผมไม่ได้ขึ้นห้องใครทั้งนั้น ถ้าผมจะไปจบอย่างนั้นนะ ผมไปอาบอบนวดดีกว่า ผมพูดตรง ๆ นักแสดงนะครับ อาบอบนวดปลอดภัยที่สุดครับ
อยากตีปากคนที่ปล่อยข่าวลือไหม ?
ปั้นจั่น ปรมะ : ไม่ตีปากหรอกครับ เพราะเอาจริง ๆ ดาราก็กลัวทุกคนแหละ เพราะเดี๋ยวนี้ทั้งกล้องทั้งอะไร
ต้องเช็กดวงตัวเองไหม เพราะเราโดนเกี่ยวกับโซเชียลเยอะ ?
ปั้นจั่น ปรมะ : ที่จริงเขาบอกว่าตุลาคมก็จะพ้นแล้วนะ แต่ว่ามันก็ยังมาตลอด กลับบ้านกินยานอนแล้วกัน ตอนนี้ก็สวดมนต์ สุดท้ายแล้วความฟุ้งซ่านมันก็ยังมีอยู่ แต่ว่ารู้ตัวว่าต้องทำอะไร ณ วันนี้โตขึ้น จากประสบการณ์ โดนด่ามาเยอะก็โตขึ้น ระวังขึ้น นี่ขนาดระวังแล้วก็ยังซวย
ภาพจาก Instagram punjanprama, thivaritthisa