นับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรง ที่เกิดขึ้นใกล้ตัวของหลาย ๆ คน มากกว่าที่คิด สำหรับเหตุ #กราดยิงโคราช กรณีทหารนายหนึ่ง ก่อเหตุยิงคนตาย แล้วเข้าไปปล้นอาวุธสงครามมากราดยิงคนทั่วเมือง และหลบหนีไปในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งแม้เหตุการณ์จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่หลายคนก็ยังคงอยู่ในอาการช็อก โดยเฉพาะผู้ตกอยู่ในเหตุการณ์ และครอบครัว คนใกล้ชิด
ล่าสุด (9 กุมภาพันธ์ 2563) นางเอกสาว ออม สุชาร์ ที่มีคนในครอบครัวติดอยู่ในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ก็ได้ออกมาเปิดใจกับ ไนน์เอ็นเตอร์เทน ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
- เมื่อวานดูในกรุ๊ปไลน์ครอบครัว เกิดอะไรขึ้นเขาก็ส่งภาพ ส่งคลิป เหมือนมีการคุยกันว่าน้องอยู่ที่ไหน เราเห็นก็ประมวลได้ว่า มีอาของเรา 1 คน กับลูกของอาอีก 2 คน อยู่ในนั้น
- เหตุการณ์คือ อาจะไปรับน้อง 2 คน ที่ห้าง ตอน 5 โมงเย็น ขับรถเข้าไปก็เห็นยามคนแรกโดนยิง เขาก็ตกใจแล้ว แต่เขาโดนต้อนเข้าไปในลานจอดรถชั้น G แล้วก็เห็นยามอีกคนโดนยิงอีก เขาก็เข้าไปช่วย แล้วได้ยินเสียงประกาศให้หาที่ซ่อน จึงได้ไปหลบในห้องน้ำ
- จากนั้นอาก็รีบโทร. หาลูกว่าให้หลบ คือน้องคนหนึ่งหลบในห้องน้ำ อีกคนหลบในร้านเสื้อผ้า ไม่มีใครได้เจอกัน เขาก็จะถ่ายรูปส่งมาในกรุ๊ปว่าใครอยู่ตรงไหน เหมือนบอกตำแหน่งตัวเอง
- เราก็ตกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นก็รุนแรงแล้ว มันเหมือนอะไรที่เกินความควบคุมจริง ๆ แล้วไทยไม่เคยมีอะไรแบบนี้ เราก็ตกใจ เพราะคนในครอบครัวเราอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย
- คนในครอบครัวได้ออกมาตอนเกือบ 5 ทุ่ม ติดอยู่ตั้งแต่ 5 โมงเย็น คือน้องออกมารอคุณแม่อยู่หน้าห้าง เห็นเขายิงกัน ก็รีบกลับเข้าไปในห้าง หาที่หลบซ่อน แยกย้าย
- ด้วยความที่มันเรียลไทม์มาก เพราะเราอยู่ในกรุ๊ป เขาก็ส่งรูปมาแจ้งเป็นระยะ เราก็ให้ส่งข่าวบอกเรื่อย ๆ
- ตอนนั้นเราถ่ายละครด้วย จิตใจก็ว้าวุ่นมาก ก็ติดตามในกรุ๊ปเพราะมันเรียลไทม์ที่สุด และถามจากคนในกองว่าตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว เพราะทุกคนก็คอยอัปเดตกันตลอด
- ที่น้องออกมาได้คือเขาจับตัวประกันอยู่ข้างบน ตำรวจก็เข้าไปต้อนคนให้ออกมา น้องคนหนึ่ง 16 คนหนึ่ง 18 ยังเป็นวัยมัธยมอยู่เลย กลับมาบ้านก็ร้องไห้ เขาคงจะกลัวมาก ๆ แม้ไม่ได้ถูกจับเป็นตัวประกัน แต่ก็อยู่ในเหตุการณ์ เป็นเด็กผู้หญิง 2 คน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต้องอยู่กับคนอื่น และได้ยินเสียงปืนตลอดเวลา
- เราเป็นคนโคราชด้วย รู้สึกสะเทือนใจจริง ๆ กับเรื่องนี้ ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร แต่คิดถึงพฤติกรรมลอกเลียนแบบในสังคม เพราะสื่อสมัยนี้มันเห็นได้ง่าย มันก็อาจจะเป็นไปได้ในคนที่มีภาวะเครียดมาก ๆ แล้วออกไม่ได้จริง ๆ อะไรมันก็เกินคาดเดาแล้ว
- ถึงเราจะระวังตัวแค่ไหน ถึงเราจะไปห้างปกติ ก็คิดว่าเราไม่ได้อยู่ในจุดที่เสี่ยงแล้วนะ สมัยเด็ก ๆ คุณพ่อก็จะบอกว่า อย่าเอาตัวเองไปอยู่ในที่เสี่ยง แต่ใครจะคิดว่าห้างเป็นจุดเสี่ยง
- คิดว่าสถานการณ์นี้น่าจะเป็นเครื่องสะท้อนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสภาวะสังคมไทย ว่าความรุนแรง ความกดดัน มันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว แล้วคนเราเลือกหาทางออกไม่เหมือนกัน
- คุณพ่อคุณแม่ก็อยู่ที่โคราช อยู่นอกห้าง แต่ก็ขับรถอยู่บริเวณนั้นเหมือนกัน คือบ้านอยู่อำเภอพิมาย แต่วันนั้นก็เข้าเมืองมา ก็โทร. บอกแม่ รีบกลับอำเภอเรา
- คิดว่าเจ้าหน้าที่เขาก็ทำงานกันเต็มที่แล้ว แต่ด้วยคนร้ายเขาไม่ใช่คนธรรมดา เป็นมืออาชีพ ความชำนาญย่อมมากกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว เหตุมันเลยสะเทือนใจได้ถึงขนาดนี้
- ก็เป็นกำลังใจให้ทุกคน เหตุการณ์นี้คนที่สะเทือนใจไม่ใช่แค่คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุหรือครอบครัวของผู้เสียหาย แต่คิดว่าคนไทยทุกคนที่ได้ยินข่าวนี้ มันเป็นครั้งแรกของอาชญากรรมแบบนี้ในเมืองไทย มองว่ามันก็สะท้อนอะไรหลาย ๆ อย่างในยุคนี้เหมือนกัน