x close

กระต่าย - ครูไพบูลย์ เล่าเส้นทางรักกลางมรสุม จุดเริ่มต้นจากความเมตตา-สงสาร

           กระต่าย พรรณนิภา - ครูไพบูลย์ แสงเดือน เล่าเรื่องราวความรักท่ามกลางมรสุมถล่มหนัก กับจุดเริ่มต้นจากความเมตตา ใกล้ชิด และสงสาร

             ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่องของ ครูไพบูลย์ แสงเดือน และ กระต่าย พรรณนิภา ซึ่งหลังจากที่ทั้งคู่ออกมาเปิดตัวยอมรับว่ามีลูกแล้วก็เจอกับมรสุมชีวิตลูกใหญ่เลยทีเดียว โดยล่าสุด (24 พฤศจิกายน 2564) ทั้งสองคนได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีเป็กกี้ ศรีธัญญา และใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

- ช่วงเวลาหนึ่งมันมีข่าวที่เรียกว่า คนก็ให้ความสนใจมาก เพราะว่ากระต่ายมีน้ำมีนวลขึ้นตอนนั้นหลายคนก็พุ่งเป้าไปว่าท้องหรือไม่ท้องสุดท้ายก็ออกมาแถลงข่าวว่าท้อง สถานการณ์ตอนนั้นเป็นไงบ้าง ?

           ครูไพบูลย์ : มันค่อนข้างเครียดมากเพราะว่าที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราไม่อยากเปิดเผยช่วงเวลานั้น น้องทำงานด้วยและอีกอย่างเราจะมีคนที่ต้องมองเราว่าตอนนี้ด้วยอายุและวัย มันเหมาะสมหรือยัง มันสมควรที่จะมีได้หรือยัง ที่จริงแล้วทุกคนถ้ามันบรรลุนิติภาวะโดยการจดทะเบียนสมรสถือว่าเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้อง ครอบครัวทั้งสองฝ่ายยอมรับมันไม่ผิดอยู่แล้ว มันบรรลุนิติภาวะ แต่น้องเค้ามีคนที่ติดตามเยอะ ๆ มีคนที่เครซี่เค้ามาก  ถึงขั้นว่าฉันต้องได้ใกล้ชิดได้เจอศิลปินคนนี้สักครั้งหนึ่ง แต่ถ้าเรามาบอกว่าน้องมีครอบครัวแล้วมันอาจจะเป็นเรื่องที่เป็นผลลบมากเกินไปก็เลยยังไม่เปิดตัว

- พอเปิดตัวคิดไหมว่ามันจะเดินทางมาถึงจุดนี้ ?

           ครูไพบูลย์ : ไม่เคยคิดว่ามันจะรุนแรงถึงขนาดแบบนี้ เพราะว่าเราตั้งใจว่า มันเป็นเรื่องเรื่องครอบครัวของเรา

- แล้วกระต่ายล่ะ พอเปิดตัวปุ๊บเป็นอีกเรื่องเลยบานปลายไปใหญ่โตมากตอนนั้นรู้สึกไง ?

           กระต่าย : เครียดมากเลยค่ะ เราก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ค่ะเพราะปกติแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็ไม่มีคิดเรื่องอะไรแบบนี้ แต่พอเจอแบบนี้เราก็เครียดแล้วก็มีร้องไห้ มีขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ก็เครียดหนักมาก

           ครูไพบูลย์ : ช่วงนั้นเราเครียดเพราะวันที่เราออกมาเปิดตัวเราแฮปปี้มาก วันที่ 1 สิงหา ที่เรามาแถลงข่าวว่าเรายอมรับนะว่าเรามีน้องแล้วเราก็คบหากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็มีจดทะเบียนสมรสกัน แต่หลังจากนั้นมีฟีดแบกอีกแบบหนึ่งที่มีเรื่องราวดราม่าที่ผ่านรายการต่าง ๆ

           กระต่าย : แต่ที่จริงก็ว่าจะเปิดตัวอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าเราแค่รอเวลาที่เหมาะสม

- ในช่วงแรก ๆ หลายคนก็รู้สึกนะว่าแบบว่าที่ยังไม่ได้ออกมาบอกเหมือนกับว่าทั้งสองคนตั้งใจจะปิดหรือว่าปกปิดเอาไว้หรือเปล่า ?

           ครูไพบูลย์ : ตอนแรกมันไม่ถือว่าต้องปกปิด แต่มันยังไม่ถึงเวลามันยังไม่ถึงเวลาอันสมควร เอาเป็นว่าเราคุยกันตลอด  เพราะว่าทุกคนในครอบครัวรวมถึงองค์กรเราจะรู้แล้วว่าตอนนี้มีน้องนะ แต่เราพยายามทำงานแล้วก็รักษาภาพมันเป็นส่วนของศิลปินไม่อยากให้เขามองว่าทำไมมีน้องแล้วมีลูกเราอุตส่าห์ติดตามเราอุตส่าห์ชอบ

- ทุกอย่างทั้งสองคนก็ค่อย ๆ ที่จะบอก ค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับแฟนคลับด้วยกับคนที่จะรู้เรื่องราวของเรา ?

           ครูไพบูลย์ : ตัดสินใจแถลงเลยครับ แถลงข่าวให้ทราบว่าตอนนี้เราคบกันแล้วก็มีน้องด้วยกันตอนนี้น้องก็ได้ 5 เดือนแล้ว

- หลังจากแถลงข่าวไปกระต่ายมีผลกระทบอะไรกับเรื่องงานบ้าง ?

           กระต่าย : เยอะเลยค่ะ ทั้งช่องยูทูบแล้วก็ร้านอาหาร ก็โดนปิดกิจการไปช่วงหนึ่งเพราะมีคนมาถ่ายรีวิวว่าอย่างงั้นอย่างงี้ก็ว่าให้เรา ก็เลยต้องปิดนิดนึงเพราะว่าให้มันผ่านกระแสช่วงนี้ไปก่อน

           ครูไพบูลย์ : มันมีช่วงหนึ่งช่วงแรง ๆ เลยนะครับ ช่วงสองสามเดือนแรกคือนอกจากยูทูบผมทำเพลงใหม่ไม่ได้เป็นเดือนเลย ทำลงก็โดนด่า แล้วเขามีตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อดิสไลก์หรือว่าเป็นบูลลี่ เราไม่อยากทำอะไรเลย ร้านอาหารเปิดตั้งแต่ มิถุนา-กรกฎา แล้วพอมาเจอแบบนี้ก็ต้องไปปิดก็เกือบเดือน ช่วงแรง ๆ มีบางคนเข้ามาทานอาหารก็บอกทำยังไงก็ได้ให้ร้านเราไม่ได้พักสักแป๊บนึงแล้วมาปรับปรุงเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น

- ตอนนั้นความรู้สึกเราเป็นยังไงบ้างคะ ที่เราคิดว่าการที่เราบอกความจริงไปมันจะโล่ง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด ?

           ครูไพบูลย์ : อันนี้มันเป็นเรื่องที่มันเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันเลยและพอมันเกิดขึ้นเราต้องทำใจและยอมรับพยายามคุยกันให้ดีที่สุด พยายามอย่าเพิ่งใช้อารมณ์กับคนอื่น หมายถึงทั้งกับคนที่มาคอมเม้นท์

- กระต่ายเป็นยังไงบ้างกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ?

           กระต่าย : เครียดมากค่ะ เปิดในโลกออนไลน์ก็จะมีคนมาด่าเรา ทักแชตมาก็มี หนูก็เครียด

- เห็นว่าต้องขังตัวเองไว้ในห้อง ?

           กระต่าย : ใช่ค่ะ ไม่อยากออกไปเจอใคร มันเหมือนกับเราเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก เป็นอยู่ช่วงแรก ๆ 1-2 อาทิตย์

- ครูไพบูลย์พูดอะไรกับน้อง ที่น้องเครียดหนัก ?

           ครูไพบูลย์ : ส่วนใหญ่จะกอดและให้กำลังใจ มันอาจจะเป็นพายุ อาจจะเข้าช่วงพายุใหญ่เดี๋ยวเราก็ผ่านมันได้ อยู่ที่ว่าเราจะนิ่งแล้วปล่อยให้มันซัดผ่านไปก่อน

- ตอนที่ดิ่งมันเศร้าแค่ไหน ?

           กระต่าย : สุด ๆ เลยค่ะชีวิต เพราะว่าหนูไม่คิดว่าหนูจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ หนูทะเลาะกับเขาเลยนะ ว่าทำไมมันเป็นอย่างนี้ เขาก็เข้ามากอดเราแล้วก็บอกว่าให้สู้ ๆ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป

- เห็นบอกว่ากระต่ายก็มีแพลนที่อยากจะมีลูกตั้งแต่ปี 63 ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเราอยากจะมีลูก ?

           กระต่าย : ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราอยากมีครอบครัว อยากมีคนมาเติมเต็มคำว่าครอบครัวของเราให้มันสมบูรณ์แบบ ทีนี้ก็คุยกันว่าอยากได้ลูกแฝดนะ ทีนี้ก็ว่าจะไปทำแล้ว แต่มีน้องเพลินเพลงก่อนก็เลยไม่ได้ทำค่ะ

- แต่ว่าแฟน ๆ หลายคนก็รู้สึกว่า สำหรับน้องมันเร็วไปไหมอายุ 17-18 ไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนอย่างวัยรุ่นคนอื่นหรอ ?

           กระต่าย : ในความคิดหนู หนูพร้อมแล้วค่ะ พร้อมที่จะมีครอบครัวแล้ว ถามว่าเร็วมั้ยก็ในชีวิตของเราในความคิดของเราคิดว่าพร้อมแล้วที่เราจะมีลูกแล้วก็สร้างอนาคต สร้างทุกสิ่งทุกอย่างไว้เพื่อตัวเองแล้วก็ลูกเรา

- อยากจะไปใช้ชีวิตวัยรุ่นมั้ย ไม่อยากไปเที่ยวแบบว่าใช้ชีวิตอย่างวัยรุ่นคนอื่นหรอ เรารู้สึกยังไงบ้าง ?

           กระต่าย : ในส่วนตัวหนูไม่ค่อยชอบเที่ยวเท่าไหร่ค่ะ ส่วนมากก็จะอยู่แต่กับยูทูบดูโทรศัพท์

           ครูไพบูลย์ : เพราะตั้งแต่อายุ 15 ก็เริ่มมีงานคอนเสิร์ตงานเพลง ถามว่าได้ใช้ชีวิตความเป็นวัยรุ่นไหม เราอยู่กับการทำงาน ทีนี้เราคุยกันว่าปี 63 ถ้าเรามีลูกแล้ว สัก 2 คน หลังจากนั้นหนูจะมีชีวิตที่เป็นส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น

           กระต่าย : แต่เขาก็พาเที่ยวตลอด อยากไปผับใช่ไหม เขาก็จะพาไป ถ้าอยากไปทะเลอะไรแบบนี้เค้าก็จะพาไปหมดเลย

           ครูไพบูลย์ : ที่จริงแล้วชีวิตความเป็นวัยรุ่นมันไม่สำคัญเท่ากับความเป็นตัวเองและครอบครัวที่มันสมบูรณ์แบบ สมบูรณ์แบบไม่ได้หมายความว่าดีพร้อมนะ หมายความว่าเราต้องเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์คือมีครอบครัวมีฐานะการเงินอาชีพแล้วก็มีเวลาให้กับสุขภาพ

- หลายคนที่มองจากรอบนอกมองว่าความรักครั้งนี้เป็นความรักที่ไม่เหมาะสม อาจารย์ว่าไง ?

           ครูไพบูลย์ : เขาอาจจะมองหรือว่าเสพข่าวอีกมุมหนึ่ง ที่จริงแล้วผมลาออกจากราชการออกจากครูตั้งแต่ปี 61 ซึ่งมันนานมาแล้ว และเราเพิ่งคบกันจริงจังคือช่วงต้นปี 63 ตอนนั้นคือเริ่มหึงหวง เริ่มมีแอบสงสัยเขาคุยกับใคร

           กระต่าย : ช่วงนั้นหนูอกหักพอดี ก็เลยไปปรึกษาเขา ว่าความคิดผู้ชายทำไมคิดแบบนี้ มันคิดยังไงมันเป็นอะไร

- ทำไมเราถึงตัดสินใจปรึกษาเขา ?

           กระต่าย : เขาคือผู้ใหญ่ที่ดูแลหนู  เขาสามารถให้ความอบอุ่น สั่งสอนหนูได้ทุกอย่าง

- กระต่ายเขามาปรึกษาอาจารย์ว่าไงคะ ?

           ครูไพบูลย์ : จริง ๆ แล้วก็ห้าม เราไม่อยากให้มีตั้งแต่แรกเลย ผมก็เคยผ่านชีวิตแบบมีแฟนก็ค่อนข้างที่จะมาเรื่อย ๆ มันไม่มีความสุขเลย สุดท้ายรัก เลิกรา หย่าร้าง  แต่ถ้ามันหย่าร้างกันไปแล้วจบกันด้วยดีมันจะแฮปปี้เป็นเพื่อน เป็นพี่ แต่เมื่อไหร่จบกันด้วยคติจบกันด้วยความไม่พึงพอใจมันก็จะเป็นปัญหา ผมเลยบอกว่าอย่าเพิ่งมีเลย รอให้พร้อม ผมจะบอกว่าให้หาเงินก่อน หาเงินให้ได้เยอะ ๆ ผมเป็นคนที่เครียดในเรื่องของการวางแผนเรื่องการเงินมาก ผมวางแผนให้นะครับ ทั้งครอบครัวน้องแล้วการเงินน้อง เวลารับงานจะเคลียร์กับเด็กทุกคนในค่ายก็เหมือนกัน ผมบอกว่าจะเกิดอะไรก็แล้วแต่หาเงินได้เยอะก่อน เมื่อไหร่ที่เรามีเงินมีฐานะทางการเงิน ครอบครัว คนรัก มาทีหลังแล้วมันจะสมบูรณ์แบบ

- แล้วอาจารย์มารักกันได้ ?

           ครูไพบูลย์ : เป็นความเมตตาแบบมันเห็นอกเห็นใจกัน เกิดจากความใกล้ชิดและความสงสาร บางครั้งน้องครอบครัวน้อง แม่ไม่สบายเขาไม่มีคนดูแลบ้าง ผมก็ต้องไปช่วยอาหยิบยื่นได้ก็เข้าไปช่วย  คุณพ่อคุณแม่มีปัญหาเรื่องการเงินเป็นหนี้เราก็น้องเอาตรงนี้ไปช่วยพ่อช่วยแม่ ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่จะไม่โอเค มีช่วงนึง ช่วงแรกตั้งแต่ตอนไปคอนเสิร์ตใหม่ ๆ คุณแม่บอกว่าไม่อยากให้คบกับใคร ไม่อยากให้มีเรื่องชู้สาว ให้โสดก่อน ถ้ามีแม้แต่กับครูหรือกับใครก็แล้วแต่แม่จะให้เลิกทำเลย ให้กลับไปเรียนเหมือนเดิม เราจึงเซฟตัวเองมาก ทำงานก็จะคุยกันเฉพาะเรื่องงาน

- แอบได้ยินว่าแอบไปหึงเขา เริ่มตอนไหน ?

           ครูไพบูลย์ : ช่วงเขามีเริ่มมีเพื่อนผู้ชายคุย ต้นปี 63 เริ่มรู้สึกแล้วว่าเราไม่มีใคร เราเคว้งคว้างมานาน คุยมาเรื่อย ๆ มันไม่มีความจริงจังเลย สุดท้ายเราอายุผ่านไปแล้วจะตั้งหลักยังไงได้ก็เริ่มหา พอดีน้องอยู่ใกล้ อยู่บ้านใกล้กันไปซื้อบ้านใกล้กัน ความใกล้ชิดเพิ่มขึ้น เรารู้สึกว่าเค้ามาเติมเต็มในส่วนที่เราขาดไป และเค้าก็รักแม่ รักลูกของเรา รักทุกคนในครอบครัว แม้แต่พี่ชายผมเค้าจะสนิทกับทุกคนในครอบครัวผมมาก

- เราเป็นนักร้องแฟนคลับหล่อ ๆ ก็เยอะ ทำไมต้องเป็นครูไพบูลย์ ทำไมเปิดใจให้ ?

           กระต่าย : ที่เปิดใจเพราะเค้าเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง เป็นคนอบอุ่น สามารถช่วยเหลือเราซัพพอร์ตเราได้ตลอดเวลา ไม่ว่าแม่หนูจะป่วยหรือว่าหนูจะเป็นอะไรเค้าจะพาและซัพพอร์ตเราตลอดเวลา เริ่มแรกคุณแม่ห้ามไม่ให้คบกัน ตอนที่รู้กันตอนปี 63 ด่าว่าทำไมเธอทำแบบนี้ ทำไมมีแฟนเร็วจัง สุดท้ายก็โอเคคุยกันอะไรกัน

- เอาชนะใจคุณแม่ได้ยังไง เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่คุณแม่จะไม่ให้ทำงานแล้ว ?

           ครูไพบูลย์ : เพราะผมให้ใจและให้ทุกอย่าง อย่างเรื่องเงินผมจะให้เห็นเป็นอันดับแรกเลยว่า คุณแม่ครับวันนี้เราได้เท่านี้นะครับ แล้วผมแบ่งน้องเท่านี้ ค่าใช้จ่ายผมทุกเดือนเท่านี้นะครับ เราชัดเจนแล้วแม่รู้สึกว่าเราเคลียร์ เวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นผมก็บอกว่าครอบครัวผมมีแค่นี้นะ มีพี่ชาย มีแม่ เพราะว่าคุณพ่อผมก็เสียนานแล้ว เราเกิดมาจากความยากจน เราเลยเห็นอกเห็นใจกัน ผมเลยวางแผนว่าถ้าเราไปซื้อบ้านใกล้ ๆ กัน น้องก็ได้ทำงาน เริ่มไปหาคุณแม่แล้วช่วงปี 63

- ใช้เวลาในการพิสูจน์ความรักน้องกระต่ายกับคุณแม่นานมั้ย ?

           ครูไพบูลย์ : ขั้นแรกมันเป็นเรื่องของความจริงใจในการทำงานก่อน ทำงานซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อกัน หลังจากนั้นพอรู้ว่าเราแอบชอบหรือมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันคุณแม่ก็เริ่มมองแล้วว่าหนูพร้อมมั้ย อนาคตจะเป็นยังไง ถ้าวันนึงไม่มีกระแสแล้วไม่มีเพลงแล้วจะอยู่ยังไงต่อ แล้วครูจะจริงใจมั้ย เพราะตอนนั้นผมก็มีไปเรื่อย ๆ คุยไปเรื่อย ๆ แม่จะพูดกับผมว่าครูหยุดได้หรือยัง

- สมัยก่อนเจ้าชู้ ?

           ครูไพบูลย์ : ไม่ได้เจ้าชู้ครับ ก็เหมือนผู้ชายทั่วไป เราไม่มีใคร เราจะไปไหนกับใครจะคุยกับใคร ตอนนั้นที่คุณแม่ถามผมก็ยังไม่มั่นใจ ก็มีทะเลาะกัน คุณแม่จะเข้าข้างกระต่ายดีมาก เวลาผมพูดอะไรไปสุดท้ายก็ไปแอบคุยกันสองคน ระแวงคุณแม่ว่าเค้าจะชอบเราหรือเปล่าจะโอเคกับเราหรือเปล่า

- ก่อนจะตกลงคบกับครูไพบูลย์รู้หรือเปล่าว่าเค้ามีครอบครัวมาก่อนแล้ว ?

           กระต่าย : รู้ค่ะรู้ เรื่องนี้เราก็คุยกัน

           ครูไพบูลย์ : มันเป็นเรื่องจบไปแล้วตั้งแต่ 3 ปี ที่จริงตอนนั้นแม่กับน้องจะเซฟน้องมาก ไม่ให้ใกล้เวลาทำงานจะไปด้วยตลอด

- คุณแม่ของน้องกระต่ายแสกนอย่างหนัก ?

           ครูไพบูลย์ : ใช่ครับ คือตอนนั้นถ้าคบครูหรืออะไรแม่บอกให้เลิกทำงาน กลับไปเรียนอย่างเดียวเลย แม่ก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่ากลับไปเรียน แต่ด้วยผมบอกว่าขอร้องเองเลยว่าน้องจะดังนะแม่ ผมมั่นใจเลยว่าน้องจะดังให้ทำงานต่อไปด้วยกัน แม่กับพ่อก็ต้องไปด้วย แม่ พี่ชาย พ่อ ทุกคนไปกับน้องหมดเลย

- ทุกคนมีอดีตเป็นของตัวเอง แต่ว่าเคลียร์จบหมดแล้ว?

           ครูไพบูลย์ : หมดแล้วครับ

- อายุห่างกัน 12-13 ปี มีเรื่องทะเลาะเถียงกันมั้ย ?

           ครูไพบูลย์ : ก็มี บางทีเค้าจะมีคิดเหมือนเด็ก ทำไมต้องคิดอย่าเพิ่ง

           กระต่าย : แกคิดหัวโบราณอะค่ะ ก็ไม่ทันศัพท์ของวัยรุ่น แล้วก็จะแบบอิหยัง คืออิหยังนิ บางครั้งแกไม่ทันอะไรแบบนี้ เราเป็นคนอธิบาย พออธิบายบางครั้งก็ไม่เข้าใจก็เครียด

           ครูไพบูลย์ : เหมือนจะหยอกเราแต่มุกมันแป๊ก บางทีเค้าดูอะไรอยู่ดี ๆ นี่เห็นมั้ย บางทีเค้าไปดูข่าวที่เป็นกระแส ผมก็อีหยัง

- การคบกันกระต่ายมีข้อตกลงกับครูไพบูลย์ด้วย ?

           กระต่าย : ข้อตกลงของหนูตอนที่คบกันตอนแรกคือขอตังค์เดือนละ 50,000 ได้มั้ยจะไปซื้อเสื้อผ้า อันนี้ขอเฉพาะจากเงินเดือน บางทีเราอยากได้ถ้าใส่ไม่ได้ก็เก็บไว้ในตู้

           ครูไพบูลย์ : มันก็ไม่ได้ เราไม่ได้มีเงินซัพพอร์ตไรขนาดนั้น แต่ตอนแรก ๆ ก็หนักใจ

           กระต่าย : ตอนแรก ๆ ก็ให้อยู่ค่ะ

           ครูไพบูลย์ : ตึบอยู่ครับ เดือนแรกให้เลยครับ ต่อมาเริ่มไม้ให้แล้วครับ มันไม่จำเป็นแล้วนะครับ

- เคยถามมั้ยทำไมต้องซื้อเสื้อผ้า 50,000 ?

           ครูไพบูลย์ : ถามครับ ผมบอกไม่จำเป็น เค้าบอกว่าใส่แล้วคนจำได้ ถ่ายรูปลงคนจำได้ เดี๋ยวเค้ามาแซะหนูอีกว่าใส่แต่ชุดเดิม พวกของแบรนด์เนมก็ตามโอกาสเราไม่ได้ไปซีเรียสอะไร ส่วนใหญ่น้องจะชุดร้องเพลงมากกว่า

           กระต่าย : แฟชั่น เราใส่ชุดนี้ถ่าย MV เราก็เปลี่ยนไปอีกชุดนึง

           ครูไพบูลย์ : แต่ข้อเสนอของเค้าก็ได้แค่เดือนเดียว หลังจากนั้นไม่ไหวแล้ว

           ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็ม ๆ ได้ในรายการ "คุยแซ่บShow" ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา 13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กระต่าย - ครูไพบูลย์ เล่าเส้นทางรักกลางมรสุม จุดเริ่มต้นจากความเมตตา-สงสาร อัปเดตล่าสุด 24 พฤศจิกายน 2564 เวลา 22:54:43 22,301 อ่าน
TOP