ภาพจาก Instagram boompanadda
ทำเอาหลายคนเซอร์ไพรส์ไม่น้อย สำหรับข่าวดีของคุณแม่ บุ๋ม ปนัดดา หลังเพิ่งคลอดลูกชาย น้องอเล็กซ์ ซึ่งหลังคลอดได้ 1 วัน แม่บุ๋มก็เดินออกมาแถลงข่าวเปิดใจทันที เรียกว่าสตรองจริงอะไรจริง พร้อมเล่าโมเมนต์ตอนคลอด และตอบคำถามที่หลายคนสงสัย ดังนี้
- คลอดเมื่อวานนี้ 11.11 น. ไม่ใช่ฤกษ์ดีอะไร แม่ชอบช้อปปิ้ง (หัวเราะ) คือเป็นวันที่ 22/11 พอดี จึงเลือกเวลานี้ ก็มีซินแสบอกว่าเลขดี ก็รู้สึกว่าดีจัง
- ตอนแรกคิดว่าไม่ตื่นเต้น เพราะเป็นคนที่ 2 เราก็เคยผ่าคลอดมาแล้ว พอถึงเวลาจริงตื่นเต้นมาก เพราะก็ 16 ปีแล้ว พอดูของใช้เด็กก็รู้สึกว่าเปลี่ยนไปมาก เทคโนโลยีต่าง ๆ ของคุณหมอก็เปลี่ยนไป ตื่นเต้นมากแต่เราก็มั่นใจในคุณหมอ
- ตอนนั้นบล็อกหลังเราไม่รู้สึกอะไร แต่พอคุณพ่อบอกว่าน้องออกมาแล้ว พอได้ยินเสียงร้องเขา เราใจฟูมาก รอคอยเขามานานแล้ว น้ำตาไหลเลย เราได้เห็นเขาในที่สุด ก็ถามว่าครบ 32 ไหม ผิวเหมือนใคร พ่อหรือแม่ พอเห็นจริงก็มองว่าแบบไหนก็ได้ หล่อทั้งหมดสำหรับแม่
- ชื่อตามคุณพ่อเขา ตามนามสกุลชื่อ อนันท์ อนันทวรรณ แต่เราชอบเล่นโซเชียล ก็บอกพ่อว่าไม่ได้หรอก เดี๋ยวกลายเป็น Anan แอ่นแอ๊น (หัวเราะ) เดี๋ยวเพื่อนล้อ เลยต้องมีชื่อเล่นภาษาอังกฤษ น้องอเล็กซ์
- หน้าเหมือนใครยังไม่แน่ใจ เพราะเด็กเพิ่งคลอดก็หน้าเหมือนกันหมด แต่น้องมีปานที่ข้อมือ ก็เลยจะรู้ว่าลูกเราแน่นอน น้องก็ผิวขาวเหมือนแม่
- คุณยายบุ๋ม 50 แล้ว ก็ยังมีลูกได้อยู่ คิดว่าตระกูลเราติดลูกง่าย คิดว่าถ้ามาก็มา แต่ด้วยวัย 46 พอท้องปุ๊บ เราก็ต้องคิดว่าลูกจะปกติไหม ช่วงแรกเลยยังไม่กล้าบอกใคร เพราะถ้าเขาไม่ปกติ อย่างน้อยเราก็เสียใจแค่ในครอบครัว แต่ถ้าเขาไม่ได้อยู่กับเรา ก็อาจจะมีคนมาซ้ำเติม ว่าปล่อยให้ท้องตอนอายุเยอะ แต่เราก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ถ้าใครทักก็บอก แต่ไม่มีใครสังเกตเลย อาจเพราะเราอวบ พอเราอวบขึ้นก็อาจจะไม่มีใครกล้าทัก
ภาพจาก Instagram boompanadda
- ใจจริงเราอยากให้เป็นโมเมนต์ที่เขาคลอดออกมาสมบูรณ์แล้วค่อยบอกทุกคน พอมาถึงโรงพยาบาล ถามว่าขั้นตอนต้องมากกว่าคนอื่นไหม ก็นิดนึง หลังรู้ว่าคลอดก็ต้องตรวจว่าน้องปกติไหม มีตรวจผลเลือด ส่งไปที่สหรัฐอเมริกา คือต้องลุ้นตลอด ตอนนั้นที่เป็นโควิด 19 ก็ท้องอยู่ 5 เดือน แพทย์ก็รุมเยอะมาก เราก็กินยาทั่วไปไม่ได้ น้ำหนักก็ลงไป 5 กก. ตอนนั้นก็เครียดมากพอสมควร
- ตอนลงพื้นที่ช่วงน้ำท่วม ทีมงานไม่ทราบเลยว่าบุ๋มท้อง มองว่าเป็นเรื่องปกติที่เราลงพื้นที่ต้องลุยน้ำ ก็จะโทษทีมงานไม่ได้ว่าพาบุ๋มไปแบบนั้น คุณหมอให้ทำตัวปกติ เราก็เลยทำตัวปกติไง แต่คุณหมอก็ดุว่าไปลงน้ำเหรอ หมอให้ทำตัวปกติ แต่ปกติของชาวบ้านทั่วไป ไม่ใช่แบบปนัดดา
- ที่ไม่ได้บอกใคร ไม่ได้ถือเคล็ดขนาดนั้น อยากทำตัวปกติไม่ให้ใครมาคอยห้ามเวลาเราทำอะไร แล้วก็ห่วงเรื่องร่างกายน้อง ถ้าเสียใจก็อยากให้รู้แค่พวกเราก่อน แต่พอใกล้คลอดก็บอกทีมงาน ทุกคนก็ตกใจ
- ตอนอยู่ในห้องคลอด ถามว่ารู้สึกยังไงบ้าง จะคลอดแล้ว เขาก็บอก "เดี๋ยวรอคนต่อไป" เราก็บอกว่าเดี๋ยว คนนี้ยังอยู่ในท้อง ก็เครียดเลย อายุเราก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว พอก่อน
- เขาอยากได้ลูกชายอยู่แล้ว เขาทำอสังหาริมทรัพย์ มีที่เยอะ พอพาลูกสาวไปเขาก็ไม่ค่อยลุยเท่าไร ส่วนเรากับสามีคือสายลุย ก็อยากมีคนลุยไปด้วยกัน
- ลูก ๆ ก็อยากจะลาเรียนมาเฝ้า แต่เราบอกว่ารอเลิกเรียนค่อยมาก็ได้ ส่วนน้องอันดา เขาตัดสินใจลาเรียนครั้งแรกเพื่อการนี้ คือมาเฝ้าน้องตลอด เดินตามไม่ห่าง ไม่สนแม่ด้วยซ้ำ
- ตอนจะมีน้องก็ถามว่าเขาโอเคไหม เขาก็บอกโอเคนะ แต่หนูต้องเป็นผู้จัดการมรดก แต่พอเขาเจอก็บอกว่าให้เป็นผู้จัดการมรดกก็ได้นะ แต่ต้องอายุ 18 ก่อน คือดูกฎหมายมาแล้วด้วย
ภาพจาก Instagram boompanadda
- ลูกจะชายหรือหญิงก็ได้ เราไม่สนว่าน้องจะเกิดมาเป็นยังไง สนว่าน้องจะมีความสุขกับชีวิตไหม
- น้องยังต้องอยู่ในตู้อบ มีภาวะหายใจเร็ว ต้องให้ออกซิเจน เลยยังไม่สามารถพามาเจอทุกคนได้ตอนนี้ ซึ่งคุณหมอว่าเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ ปกติจะหายได้เองใน 1-2 วัน ไม่ต้องเป็นกังวล
- ช่วงเดือนแรกอาจจะต้องยังพักงานก่อน แต่ก็มีงานพร้อม
- ตอนแรกที่เข้ามา นักข่าวดูตกใจว่าแม่เดินเข้ามาเองได้แล้ว เรียกว่าเป็น “มิติใหม่แห่งการคลอดไร้ตะเข็บ” รู้ว่าท้องวันจันทร์ คลอดวันอังคาร วันพุธแถลง
- เรื่องฟ้องคนคอมเมนต์ บางคนด่าไปก่อนโดยที่ยังไม่รู้ความจริง สามีก็บอกว่าไปสนใจโซเชียลทำไม อย่าไปสนใจคำพูดคนอื่น เรารู้ดีว่าเราเป็นยังไง โดยล่าสุดเราแจ้งความไปแล้ว 7-8 คน มีคนติดต่อมาว่าเป็นเฟซปลอม เรามองว่าคุณต้องไปแจ้งความเอง ส่วนเราก็แจ้งความในส่วนของเรา
- ดาราหลายคนติดต่อมา บอกว่าบุ๋มอย่ายอม ที่ผ่านมาเราไม่อยากมีเรื่อง ให้อภัยตลอด แต่หลายคนบอกว่าให้ช่วยสร้างบรรทัดฐานให้หน่อย ว่าไม่ใช่จะด่าอะไรก็ได้ บุ๋มผิดอะไรที่มีลูกกับสามีตัวเอง แล้วโดนด่า ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ก่อนคลอด คนรอบข้างก็บอกว่าอย่ายอม แฟนคลับก็ช่วยเก็บข้อมูล ก็ฟ้องแล้ว เราแค่รู้สึกแย่ว่าทำไมเขาต้องว่าเราแรงขนาดนี้
- คือพอเจอเรื่องแบบนี้เราก็พยายามตัดให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบลูก เพราะเราต้องเอาเขาเป็นหลัก เรื่องนี้ทำให้เครียดเหมือนกัน ทำให้มดลูกบีบแรงขึ้น
- จากประสบการณ์ชีวิต ทุก ๆ ครั้งเราก็คาดหวังแต่ความสุข แต่ประสบการณ์มันสอนว่า แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด มีความสุขในแต่ละวันให้มากที่สุด ชีวิตคนเรามันสั้นเหลือเกิน บุ๋มก็ขอแค่เป็น บุ๋ม ปนัดดา คนนี้เหมือนเดิม ที่ทำงานเพื่อครอบครัว เพื่อลูก ๆ และประชาชนแบบนี้ต่อไป อยู่ไปอย่างนี้ในแต่ละวันให้ดีที่สุดพอแล้ว
