x close

เตรียมผิวให้ชุ่มชื้น ก่อนเปิดประตูรับลมหนาว




เตรียมผิวให้ชุ่มชื้นก่อนเปิดประตูรับลมหนาว (เฮลธ์ พลัส)
โดย พญ.พนิดา บุญเสถียรวงค์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ประจำแผนกผิวหนัง ณรวีคลินิก

           ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงลมหนาวแวะมาเคาะประตูบ้านอีกแล้ว ถ้าห้ามไม่ให้เปิดรับคงห้ามไม่ได้แน่ ๆ แต่ก่อนที่ลมหนาวจะมาพรากเอาความชุ่มชื้นผิวไปจากเรานั้น เนเน่คิดว่าเราคงต้องหันหลังกลับมาเตรียมผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้นกันหน่อยแล้ว

           ความชุ่มชื่นผิว เกิดขึ้นได้อย่างไร

           อย่างที่ทราบกันดีว่า ผิวหนังคนเรามี 2 ชั้น คือผิวชั้นในกับผิวชั้นนอก แต่ขอเน้นที่ผิวชั้นนอก อันเป็นตัวกลางให้เกิดความชุ่มชื้นผิว เพราะประกอบด้วย NMF (Natural Moisturizing Factor) อันประกอบไปด้วย Free-aminoacid, lactic acid, urea และเกลือ NMF คือ สารประกอบที่ละลายน้ำได้ และพบเฉพาะชั้นผิวหนังส่วนบนสุด ทำหน้าที่ในการดึงน้ำจากบรรยากาศเข้าสู่ผิวชั้นนอกสุด และมีโคลเอนไซม์ ซึ่งเป็นเซลล์ชั้นบนสุดที่ไม่มี nucleus และส่วนประกอบอื่นๆ ของเซลล์ โดยปกติโคเอนไซม์จะมีโปรตีนและไขมันอยู่รอบๆ เพื่อเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ได้ผิวหนัง มากไปกว่านั้นยังมีส่วนประกอบอื่นๆ ของ NMF อันได้แก่ กรดอะมิโน Hyaulunic acid, Ceramides, Cholesterol, Fatty acid เป็นต้น ซึ่งเปรียบเหมือนเกราะปกป้องและเก็บกักความชุ่มชื้นเอาไว้ สามารถหาได้จากน้ำมันพืชและสัตว์บางชนิด

           ผิวขาดความชุ่มชื้นจะรู้ได้อย่างไร

           สาว ๆ ในเมืองใหญ่มักมีปัญหาเรื่องผิวขาดความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่า เพราะต้องเผชิญกับฝุ่นละออง มลพิษรอบตัว ซึ่งการที่จะมีผิวชุ่มชื้นได้นั้น จะต้องมีลักษณะที่ตึง เพราะผิวที่ตึงจะสะท้อนแสงมีมันเงา นุ่มเนียนเรียบลื่น ไม่มีขุย ไม่พบริ้วรอยตื้นๆ หากผิวขาดความชุ่มชื้นแล้วก็จะสังเกตได้ คือ ผิวจะขรุขระ หนาตัวขึ้น ไม่เรียบเนียน ลอกเป็นขุยและคัน มีภาวะผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อหรือเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร เพราะโดยปกติผิวจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณ 10-20% ซึ่งเมื่อผิวขาดน้ำหรือขาดความชุ่มชื้น ปัญหาดังกล่าวก็จะมาเยือนทันที

           ปัจจัยที่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น

           ถ้าจะพิจารณาดูแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำออกจากผิวมากกว่าปกติ ได้แก่ ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ อาจจะช่วงฤดูหนาวหรือในห้องแอร์ ซึ่งทำให้เกิดน้ำระเหยออกไปจากผิวมากกว่าปกติได้ การอาบน้ำนานหรือน้ำร้อนจัด การฟอกสบู่มากเกินไป เพราะกรดในสบู่ ทำให้สารก่อความชุ่มชื้นผิวตามธรรมชาติถูกชะล้างออกไป โรคภูมิแพ้หรือผิวหนังอักเสบ ซึ่งพวกนี้มักจะมีปัญหาเรื่องผิวแห้ง แสบแดง บางคนเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ใช้ครีมผลิตภัณฑ์ผิดวิธีหรือผิดกับสภาพผิว นอกจากนี้โรคประจำตัวต่าง ๆ ก็ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้ อาทิ เบาหวาน ไทรอยด์ ขาดสารอาหาร รวมถึงสาวๆ ที่กำลังลดน้ำหนักด้วย

           เติมความชุ่มชื้นผิวหาได้จากที่ไหนบ้าง

           อาหารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวต้องเป็นอาหารในกลุ่มที่ให้ Free Fatty acid ได้แก่ โอเมก้า 3 ซึ่งร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ แต่ได้จากน้ำมันปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีนหรือจากน้ำมันพืชและสัตว์บางชนิด EPO (Evening primrose oil), Borate oil, Flaxseed oil ดื่มน้ำอย่างน้อย 2.5 ลิตร ต่อวัน ทานผักผลไม้ที่ให้น้ำมาก เช่น สับปะรด แอปเปิ้ล ส้ม มะละกอ แคนตาลูป อาหารในกลุ่มโปรตีนจากสัตว์หรือไข่แดง นมถั่ว

           การทาครีมบำรุงช่วยได้จริงหรือ

           การทาครีมบำรุงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิวได้จริง เพราะมีส่วนประกอบของมอยส์เจอไรเซอร์ ทำหน้าที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวชั้นนอกสุด และเติมเต็มช่องระหว่างเซลล์ผิวชั้นนอกสุด รวมถึงเก็บกักการสูญเสียน้ำออกจากผิว นอกจากนี้ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น แวกซ์และปิโตรลาตัม (วาสลีน) ก็ยังมีกลไกในการเก็บกัก หรือป้องกันการระเหยของน้ำออกจากผิวไปให้น้อยที่สุด เปรียบเสมือนการทาครีม เทียบเท่ากับการห่อหุ้มผิวด้วยแผ่นฟิล์ม ทำให้น้ำจากผิวระเหยไปน้อยลง

           ลมหนาวมาเยือนแล้ว ปกป้องผิวอย่างไรดี

           1. ใส่เสื้อผ้าแขนยาว ขายาว หมวก ให้มิดชิด เพื่อลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว

           2. ไม่อาบน้ำร้อนหรือเย็นเกินไป

           3. ใช้สบู่แต่น้อย หรือฟอกเฉพาะที่ เช่น หน้า รักแร้ อวัยวะเพศ ขาหนีบ หลัง มือเท้า

           4. หมั่นทาครีมบำรุงบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

           5. ควรเลือกเสื้อผ้าฝ้าย ในกรณีที่ผิวแพ้ง่ายหรือคันง่าย





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เตรียมผิวให้ชุ่มชื้น ก่อนเปิดประตูรับลมหนาว อัปเดตล่าสุด 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 11:08:02 1,042 อ่าน
TOP