หม่อมเอ็ม อรรถพล โต้ข่าวทิ้งพ่อ-แม่เร่ขายไอศกรีม บอกแม่อยู่คนละที่แต่โทรหากันทุกวัน ตั้งใจทำงานช่วยพ่อ-แม่ปลดหนี้ รับรู้สึกแย่ที่คนไม่เข้าใจ วอนดูตัวเองให้ดีก่อนมาตัดสินกัน
ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญู ทิ้งพ่อ-แม่ให้ลำบากต้องเร่ขายไอศกรีมอยู่ต่างจังหวัดเสียแล้ว สำหรับนักแสดงหนุ่ม หม่อมเอ็ม อรรถพล ลูกชายตลกชื่อดัง หม่อมเหยิน งานนี้เจ้าตัวเลยต้องออกมาขอเคลียร์กันให้ชัด ๆ โดยวานนี้ (6 พฤศจิกายน) หม่อมเอ็ม อรรถพล ได้เผยคำชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะมีคนเห็นพ่อของเขาขายไอศกรีมอยู่ต่างจังหวัด ในขณะที่เขาเองทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ คนอาจมองว่าพ่อลำบาก แต่จริง ๆ พ่อนั้นอยากอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดอยู่แล้วและไม่อยากอยู่เฉย ๆ จึงทำไอศกรีมมาขายตามตลาดนัด แม้พ่อเขาจะอายุเยอะแล้วแต่ก็ยังแข็งแรงดี
ส่วนตัวแล้วจริง ๆ เขาไม่อยากให้พ่อทำอะไรแบบนี้ แต่พ่อก็มีความคิดอีกแบบ ตัวเองยังมีแรงอยู่ก็อยากทำงาน ไม่อยากอยู่เฉย ๆ เพราะเบื่อ ก่อนหน้านี้ไปอยู่ญี่ปุ่นมา 6 ปีแกก็ไปหาเงิน พอกลับมางานละครงานตลกก็ไม่ได้มีมากเหมือนแต่ก่อน ก็เลยไปต่างจังหวัด
ยืนยันว่าไม่ใช่ไม่อยากเลี้ยงพ่อ-แม่ ทางบ้านก็มีหนี้สินภาระที่ต้องเคลียร์หลายอย่าง บ้านก็มีหนี้อยู่ 3 ล้ายบาท จึงต้องช่วยกันทำช่วยกันหา ไม่อายที่พ่อทำแบบนี้ ส่วนตัวเขาก็ช่วยแบ่งเบาภาระค่างวดรถ ค่าเทอมหลาน แค่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่านั้น ก็มีหลายคนที่เข้าใจ แต่หลายคนก็มองเขาว่าเป็นลูกที่ไม่ดี แต่ไม่เสียใจที่คนมองเช่นนี้เพราะไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเองและครอบครัว นอกจากนี้คุณพ่อก็บอกว่าอย่าไปสนใจ ที่บ้านกำลังปรับปรุงใหม่ถ้าเอาพ่อ-แม่มาอยู่ตอนนี้คงไม่สะดวก เพราะบ้านมันฝุ่นเยอะ เขาก็พยายามช่วยพ่อปลดหนี้
หม่อมเอ็ม อรรถพล ยังเผยว่า เขาไม่ได้รู้สึกน้อยใจ แต่รู้สึกแย่ที่คนไม่เข้าใจ รายได้หลักเขามีละครประจำคือน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ตอนนี้ถ่ายละครอยู่ 2 เรื่อง ทำงานทุกวัน ไม่ได้ไปหาพ่อหาแม่ ส่วนใหญ่เราแยกกันอยู่ แต่โทรคุยกันทุกวัน มีแพลนเอาท่านมาอยู่ด้วย อยากอยู่กันเป็นครอบครัวเหมือนคนอื่นเขา พ่อไม่ได้ขอโทษอะไร และบอกว่าประมาณปีหน้าจะเลิกขายไอศกรีมแล้ว แม่เขาก็มีโรคเบาหวาน ความดัน และมีแนวโน้มฟอกไต บางครั้งการเดินทางของเขาต้องผ่านอะไรเยอะ ตัวเองก็ไม่ได้มีเงินมาก ไม่ได้ร่ำรวย เก็บเงินสักก้อนทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน สุดท้ายเขาขอแค่ว่า ก่อนจะตัดสินเขาดูให้ดีก่อน อยากให้ทุกคนมองเขาในทางที่ถูกต้อง มองที่บ้านเขาในทางที่ถูกต้องด้วย
ภาพจาก Thai2
ข้อมูลจากสำนักข่าว INN
