x close

ไขความลับ DHA ต่อสมองลูกน้อย

baby

ไขความลับ DHA ต่อสมองลูกน้อย
(M&C แม่และเด็ก)

             ความฉลาด หรือระดับอีคิว ของทารกมีปัจจัยเกี่ยวข้องอยู่ 2 ปัจจัยหลักคือ พันธุกรรม การเลี้ยงดู ซึ่งการเลี้ยงดูนั้นหมายรวมถึง การได้รับโภชนาการที่ดี การส่งเสริมพัฒนาการอย่างเหมาะสม

             เป็นที่ยอมรับกันว่า DHA (Docosahexaenoic acid) เป็นสารสำคัญที่ช่วยในการพัฒนาสมองทารกหรือพูดอีกนัยก็คือ DHA มีส่วนช่วยให้ทารกฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง 3 ขวบปีแรก สมองจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หากสมองได้รับสารอาหารที่จำเป็นและพอเพียงค่ะ

ทำไมต้องเป็น DHA

             DHA คือกรดไขมัน โอเมก้า 3 ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและประสาทตา เพราะในสมองและเซลล์ประสาทตาของคนเราประกอบด้วย กรดไขมันหลายชนิดค่ะ แต่ชนิดที่มีมากที่สุด คือ DHA โดยพบในกรดไขมันสมอง 40% และพบในประสาทตา 60%

แหล่งของดี DHA

             DHA เป็นกรดไขมันที่พบในน้ำนมแม่ ตามธรรมชาติทารกที่รับประทานนมแม่ได้อย่างน้อย 6 เดือน ก็จะได้รับสารนี้เช่นกันค่ะ ซึ่งในความจริงแล้ว สาร DHA ที่ได้รับจากนมแม่นั้น ธรรมชาติจะมีการปรับปริมาณให้เหมาะสม ตามวันเวลาเพื่อเขาไปปรับสมดุลในร่างกายของลูกน้อย ช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆ ได้ทำงานอย่างสมบูรณ์เต็มที่ และในขณะตั้งครรภ์ หากคุณแม่รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 อย่างพอเพียง สารนี้ก็จะสามารถส่งผ่านจากแม่สู่ลูกได้เช่นกันค่ะ

DHA ในแหล่งธรรมชาติ พบที่ได้ที่

             พบในอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และนอกจากนี้ยังพบสาร DHA ในปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาช่อน ปลาดุก ปลาจะละเม็ด ปลาสำลี ปลาตะเพียน และไข่แดง ฯ

             เด็กทารกจะได้รับ DHA จากมารดาในระหว่างที่อยู่ในครรภ์ ผ่านทางสารอาหารที่แม่ทานเข้าไป และยังจะได้รับ DHA จากนมมารดาเมื่อหลังคลอด สำหรับแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง

ปฏิบัติการ สร้างเสริม DHA

             อย่างที่ทราบกันว่า สมองของทารกจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 3 ขวบปีแรก ซึ่งการเจริญเติบโตของสมอง ก็จำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารเพื่อพัฒนาการที่ดี และเสริมสร้างความฉลาด ดังนั้นแล้ว คุณแม่ต้องปฏิบัติการเสริมสร้างความฉลาดให้ลูกด้วยการเสริม โภชนาการที่ดีดังนี้

             ขณะตั้งครรภ์คุณแม่ควรทานอาหารที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ที่พอเหมาะ สารนั้นจะได้ส่งผ่านไปยังทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ค่ะ ทารกน้อยก็จะได้รับสารนี้อย่างพอเพียง

             เมื่อคลอดทารกน้อยแล้ว หากเป็นไปได้คุณแม่ควรเลี้ยงลูกด้วยนมของตัวเอง อย่างน้อย 6 เดือนเพราะในนมมารดามีส่วนประกอบของ DHA โดยไม่จำเป็นต้องให้ลูกทานนมผสมที่มีส่วนประกอบของ สาร DHA เพราะอย่างที่กล่าวมาแล้วว่า ในน้ำนมแม่มีปริมาณ DHA ที่พอเพียงต่อความต้องการของทารกน้อยแล้ว

             ในขณะเดียวกันแม่ที่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เอง ควรเลือกนมผสมที่มีส่วนประกอบของสาร DHA เพื่อเพิ่มสารตัวนี้ให้พอเพียงต่อความเจริญเติบโตของสมอง ซึ่งสารประกอบของ DHA ในนมผสม สกัดมาจากสาหร่ายเซลล์เดียว น้ำมันปลา และไข่แดงสกัด

             ในช่วงครบขวบปี คุณแม่ควรให้ลูกได้รับสารอาหารที่พอเพียง เพิ่มสารอาหารที่มีสาร DHA ซึ่งพบมากในปลาทะเลน้ำลึก และปลาที่มีกรดไขมันสูง ตามที่กล่าวมา

             อย่างที่ทราบกันว่า ความฉลาดของทารกมาจากพันธุกรรมและการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม รวมถึงสภาพแวดล้อม และสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่ลูกได้สัมผัส ได้สื่อสารกับแม่ขณะที่เค้าดูดนมตั้งแต่แรกคลอด และการสัมผัสอย่างต่อเนื่องในเวลาต่อมา เพราะการสัมผัส มีส่วนช่วยในการกระตุ้น ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือรูป รส กลิ่น เสียง และการกระตุ้น ทำให้วงจรของสมองและประสาท สามารถเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทและเซลล์สมอง ของทารก โดยต้องถูกกระตุ้นซ้ำ ๆ ดังนั้นแล้วอย่าให้ความสำคัญเพียงโภชนาการอย่างเดียว แต่ควรให้ความสำคัญทุกองค์ประกอบด้วยนะคะ

เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไขความลับ DHA ต่อสมองลูกน้อย อัปเดตล่าสุด 12 กรกฎาคม 2553 เวลา 15:51:02 16,311 อ่าน
TOP