x close

เลี้ยงลูกตามธรรมชาติ แบบ สุวัจนี พานิชชีวะ

กิ๊ก สุวัจนี

กิ๊ก สุวัจนี

เลี้ยงลูกตามธรรมชาติที่ลูกเป็น แบบไม่มากไปและไม่น้อยไป สุวัจนี พานิชชีวะ (Woman\'s Story)

           ช่วงนี้ลูกเข้าโรงเรียน เค้าจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปโรงเรียน เราก็ต้องบอกลูกว่าเด็กแต่ละคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง อย่างลูกก็มีหน้าที่เรียนหนังสือ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็มีหน้าที่ทำงาน ทุกคนมีหน้าที่เป็นของตัวเอง

           วางมือจากตำแหน่งนางร้ายอันดับหนึ่งของวงการละครไปเสียนานนะคะ สำหรับ กิ๊ก สุวัจนี พานิชชีวะ ที่ไปทำหน้าที่ศรีภรรยาที่แสนดี กับคุณแม่ที่ต้องดูแลลูกสาวทั้งสองอยู่พักใหญ่ หลังจากได้จัดการบริหารเวลาให้ลูก ๆ เรียบร้อย ทำให้คุณแม่กิ๊กพร้อมกลับมาคืนตำแหน่งนางร้ายหน้าสวยกันอีกครั้ง ซึ่งช่วงนี้เธอก็กำลังมีงานละครที่กำลังออนแอร์อยู่ด้วยค่ะ นั่นก็คือละครเรื่อง ไทรโศก ติดตามผลงานของเธอกันให้หายคิดถึงได้เลยนะคะ

           ส่วนเรื่องราวการดูแลลูกสาววัยน่ารักทั้งสองของเธอนั่นคือ "นัองธัญย่า" กับ "น้องธาช่า" ของคุณแม่กิ๊กจะเป็นเช่นไร เรามาติดตามไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ..

มีน้องสองคนแล้ว แบบนี้ช่วงตั้งครรภ์มีอาการแพ้แตกต่างกัน อย่างไรบ้างคะ

           กิ๊ก สุวัจนี : ไม่แตกต่างนะคะ (หัวเราะ) เพราะกิ๊กไม่แพ้ท้องเลยจริง ๆ นะ ก็รู้สึกว่ากินได้ทุกอย่างเลยค่ะ แล้วน้องก็ไม่มีอะไรตื่นเต้น คือหมายถึงว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยค่ะ (ยิ้ม)

มีการดูแลร่างกายหรือบำรุงอะไรเป็นพิเศษบ้างมั้ยคะ

           กิ๊ก สุวัจนี : ช่วงมีลูกก็จะพยายามไม่ทานพวกชากาแฟค่ะ พอท้องชากาแฟนี่คือ จบเลย หรืออะไรก็ตามที่เค้าห้ามกันก็จะไม่ทานเลย จะทานแต่อาหารที่มีประโยชน์พวกน้ำมันปลาวิตามินต่างๆ จากที่ผู้ใหญ่เตรียมไว้ให้บ้าง แล้วก็มีที่ไปเดินซื้อเองด้วยบ้าง แต่กิ๊กจะทานได้ทุกอย่างก็เลยสบายหน่อยค่ะ เรื่องอาหารส่วนใหญ่จะเน้นผักกับปลา กิ๊กจะทานปลาเยอะ เพราะได้ยินมาว่าถ้าทานปลามากๆ ลูกออกมาจะฉลาด

ทราบมาว่าเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แบบนี้มีวิธีการเลี้ยงดูยังไงบ้างคะ

           กิ๊ก สุวัจนี : จริง ๆ ก็เลี้ยงตามสัญชาตญาณของตัวเองค่ะ (หัวเราะ) เลี้ยงแบบถ้าคิดว่าอะไรมันใช่..ก็ให้ลูกทำ แต่ถ้าไม่ใช่พี่ก็จะบอกว่าไม่ได้ จะไม่โกหกลูก จะพูดอะไรตรง ๆ มากกว่า คือเลี้ยงตามธรรมชาติที่เกิดขึ้น ของลูกในแบบที่ไม่มากจนเกินไปแล้วก็ไม่น้อยจนเกินไปค่ะ

มีการเสริมพัฒนาการของน้องๆ ยังไงบ้างคะ

           กิ๊ก สุวัจนี : มีไปเรียนเสริมอะไรต่าง ๆ เหมือนกัน อย่างลูกคนโตเค้าอยากเรียนบัลเล่ต์ก็มีไปเรียนบัลเล่ต์ กับเปียโน แล้วก็มีพาไปเรียนพวกลิตเติ้ล จิม เพราะลูกๆ เค้าชอบนะคะ แต่ก่อนที่จะไปกี๊กก็จะดูก่อนว่าถ้าไปเรียนแล้วมันดียังไง มันช่วยในเรื่องอะไร แล้วทำอะไรได้บ้าง แล้วก็ให้พัฒนาการของเด็กดียังไงบ้าง ถึงจะพาไป อีกหนึ่งเหตุผลที่พาไปก็เพราะว่าเวลาที่เค้าต้องไปโรงเรียนจริง ๆ ลูกจะได้ไม่ต้องร้องงอแงมาก คือกิ๊กก็สงสารเค้า ก็เลยพยายามให้ลูกไปเจอผู้คนบ้าง พอเจอบ่อย ๆ เค้าก็จะเริ่มชิน เวลาเข้าเรียนก็จะไม่ร้องนาน ซึ่งตอนนี้จะมีเรียนเสริมทักษะนิ ดๆ หน่อย ๆ อย่าง ลิตเติ้ล จิม, จิมโบรี, บัลเล่ต์, เปียโน แล้วลูกคนเล็กก็จะมีฝึกเรียนโฟนิกอะไรของเค้าไปค่ะ

ลูกตั้งสองคนเลี้ยงยากรีเปล่าคะ

           กิ๊ก สุวัจนี : เลี้ยงยากมั้ยเหรอคะ กิ๊กคิดว่าคงไม่เกินความสามารถนะคะ มีความรู้สึกว่าก็น่าจะเอาอยู่ (หัวเราะ) เพราะเราก็ไม่ได้เลี้ยงลูกแบบตามใจมากจนเกินไป เวลาเราดู เค้าก็จะหยุดนะ คือก็ไม่ถึงกับเป็นเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องค่ะ เป็นเด็กที่มีเหตุผลเหมือนกัน ซึ่งลูกสองคนก็จะมีนิสัยที่ไม่เหมือนกันนะคะ อย่างธัญย่าลูกคนโตเค้าจะเป็นคนมีเหตุผล แต่อย่างน้องคนเล็กเค้าก็จะห้าวๆ เฮี้ยวๆ หน่อย เกเรเหมือนกัน แต่ก็ยังมองไม่ออก เพราะเค้ายังเล็กอยู่ค่ะ

ลูกสองคนมีวีรกรรมอะไรให้คุณแม่ต้องปวดหัวบ้างไหมคะ

           กิ๊ก สุวัจนี : มีค่ะ ก็อย่างคนเล็กพอเห็นกิ๊กทาลิปติกอยู่ หรือว่าทาอายแชโดว์ เค้าก็จะเอาปากกาเมจิกมาทาตาของเค้าบ้างค่ะ (หัวเราะ) เอาเมจิกของตัวเองมาเขียนตาแล้วก็เอามาวาดแก้มอะไรแบบนี้ ส่วนคนโตพอเห็นรูปแมวก็เอาเมจิกมาเขียนหน้าน้องแต่งเป็นหนวดแมว คือตัวเองไม่เลอะนะ แต่น้องเลอะ (หัวเราะ) อะไรทำนองนี้แหละค่ะ

เป็นห่วงอะไรในตัวลูกเป็นพิเศษบ้างมั้ยคะ

           กิ๊ก สุวัจนี : ถ้าเป็นตอนนี้ก็คงจะเป็นเรื่องการเข้าโรงเรียนนะคะ คิดว่าพ่อแม่หลายคนก็คงเป็น ช่วงลูกเข้าโรงเรียน เพราะเป็นช่วงที่เป็นการตัดสินใจของกิ๊กเหมือนกัน ว่าอยากให้ลูกเข้าเรียนในโรงเรียนประเภทไหน จะไปเรียนแบบอินเตอร์ฯ หรือว่าเรียนโรงเรียนไทยนี่แหละ แล้วกิ๊กว่าลูกก็ต้องมีการปรับตัวเหมือนกัน อย่างคนโตเค้าต้องไปสอบเข้าโรงเรียน ซึ่งเค้าไม่รู้ว่าการสอบคืออะไร กิ๊กก็ต้องมานั่งอธิบาย แจกแจงให้เค้าเข้าใจ อย่างคนเล็กตอนนี้ก็จะมีปัญหาตรงที่ว่าเค้าเพิ่งเข้าเรียน ก็จะไม่รู้ว่าที่นี่คืออะไร มาทำไม แล้วทำไมต้องมา เราก็ต้องบอกลูกว่าเด็กแต่ละคนก็มีหน้าที่ของตัวเองอย่างลูกก็มีหน้าที่เรียนหนังสือ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็มีหน้าที่ทำงาน พอถึงเวลาก็จะไปรับกลับบ้าน ทุกคนมีหน้าที่เป็นของตัวเองเค้าจะฟังแล้วก็ค่อย ๆ รู้ไปค่ะ

ช่วงนี้จะเห็นว่ากลับมารับงานแสดงแล้ว อย่างนี้ต้องมีพี่เลี้ยงให้ลูกด้วยรึเปล่าคะ

           กิ๊ก สุวัจนี : จะเป็นคุณยายค่ะ (ยิ้ม) ท่านก็จะสแตนบายรออยู่ แล้วคุณยายก็จะมาอยู่ที่บ้านพี่วันจันทร์ถึงศุกร์ ส่วนเสาร์ อาทิตย์ ท่านก็จะกลับบ้านของท่าน คือท่านก็จะช่วยดูแลทุกอย่างแทนให้ ถ้าไม่มีท่านก็แย่ เหมือนกันค่ะ เพราะว่าเราก็ไม่ได้ไว้ใจใครมากนัก แต่ถ้ามีท่านกิ๊กก็สามารถรับงานได้แล้วลูกๆ ก็เริ่มไปโรงเรียนก็ทำให้มีความสบายใจมากขึ้น ซึ่งตอนแรกยังไม่ได้ไปโรงเรียนอะไรเลย พี่ก็ต้องไปปูทางไว้ให้ก่อนเข้าโรงเรียนนี้นะ ไปรับส่งแบบนี้ ๆ นะ กิ๊กถึงจะไปทำงานของกิ๊กได้ ทีนี้ก็หมดห่วงละ

วางแผนอนาคตของลูกสองคนไว้ ยังไงบ้างคะ

           กิ๊ก สุวัจนี : ไม่ได้วางแผนอนาคตอะไรนะคะ กิ๊กว่าถ้าลูกชอบอะไรก็ให้ทำอันนั่นแหละ ชอบอะไรก็คงสนับสนุนไปในแนวทางนั้นค่ะ แต่ว่าถ้าเป็นไปได้กิ๊กก็อยากให้ลูกเรียนสูงที่สุด ยังไม่ต้องคิดจะทำอะไรทั้งสิ้น อยากให้เค้าเรียนมาก ๆ เค้าจะได้อยู่ในโลกของความเป็นจริงว่าคนที่ทำงานข้างนอกเป็นยังไง เพราะใจกิ๊กก็ไม่ได้อยากให้ลูกเข้ามาทำงานในวงการนี้เลย คือตัวเรารู้ว่าการเข้ามาในวงการบันเทิงมันเหนื่อย แล้วมันก็ต้องเป็นคนที่รักงานด้านนี้จริงๆ แล้วกิ๊กก็คิดว่าลูกเค้าน่าจะมีทางที่ดีกว่านี้ ที่เป็นอาชีพอื่น อาจจะไปช่วยเหลือคนอื่นได้มากกว่ากิ๊กก็ได้ ซึ่งตรงนี้ก็คงต้องปล่อยให้เค้าไปตามทางของเค้าค่ะ แต่เราก็ต้องคอยตบให้เข้าลู่เข้าทางนะคะ ต้องมีคุยกันด้วย (ยิ้ม)



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 11 ฉบับที่ 247 1-15 กรกฎาคม พ.ศ.2553
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ช่อง 3

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เลี้ยงลูกตามธรรมชาติ แบบ สุวัจนี พานิชชีวะ อัปเดตล่าสุด 31 สิงหาคม 2553 เวลา 16:01:36
TOP