
รวมโรครังควานผิวหนังลูกเล็ก (Modernmom)
เด็กทารกวัยขวบปีแรก เป็นช่วงวัยที่ผิวหนัง ยังไม่แข็งแรงเท่าเด็กโตหรือผู้ใหญ่ ทำให้เกิดโรคผิวหนังที่แตกต่างจากคนวัยอื่น สำหรับปัญหาที่พบบ่อย พอจะแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 2 กลุ่ม คือกลุ่มโรคผิวหนังติดเชื้อ และกลุ่มโรคผิวหนังที่ไม่ติดเชื้อค่ะ
กลุ่มที่ 1 โรคผิวหนังติดเชื้อ
สำหรับโรคในกลุ่มนี้ที่พบบ่อยในเด็กเล็ก คือ
เชื้อที่อยู่บนผิวหนังปกติและในจมูก (Staphylococcus Aureus หรือ Streptococcus) โรคนี้อาจเกิดขึ้นบนผิวหนังปกติ หรือเกิดแทรกซ้อนร่วมกับโรคผิวหนังชนิดอื่นก็ได้ โดยมีสาเหตุเกิดจากเชื้อที่พบได้บนผิวหนังปกติหรือเชื้อที่อาศัยอยู่ในจมูก เมื่อผิวหนังมีร่องรอยจากการเกา จะเกิดการติดเชื้อและเกิดโรคนี้ขึ้น
สังเกตอาการเบื้องต้น ผิวหนังอักเสบ เป็นผื่นแดง ต่อมาเป็นตุ่มน้ำใส ๆ ขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ได้ ตุ่มน้ำจะแตกกลายเป็นน้ำเหลือง ส่วนมากมักเข้าใจกันว่าเป็นน้ำเหลืองเสีย ถ้าเด็กเกามาก ๆ เชื้อก็จะลุกลามลึกลงไป ทำให้เป็นแผลพุพอง เมื่อหายแล้วอาจกลายเป็นแผลเป็นได้
วิธีรักษาและป้องกัน
เราเรียกโรคนี้ว่า Staphylococcal Scalded Skin Syndrome (4S) พบมากในเด็กทารก เป็นผลให้เด็กสูญเสียเกลือแร่ทางผิวหนังเป็นจำนวนมาก
สังเกตอาการ เชื้อแบคทีเรียตัวนี้ทำให้ผิวหนังพองและลอกแดงเป็นปื้นใหญ่ๆ คล้ายน้ำร้อนลวก จะมีผื่นรอบ ๆ ปากและจมูก
วิธีรักษาและป้องกัน ส่วนใหญ่ต้องแอดมิด เพื่อความปลอดภัย ถ้าเป็นไม่มากอาจให้ยาปฏิชีวนะเพื่อทำลายเชื้อ ป้องกันเชื้อปล่อยพิษออกมาอีก
สำหรับเด็ดเล็กมักพบโรคนี้ร่วมกับผื่นแพ้ ผ้าอ้อม เพราะผิวหนังเด็กจะอักเสบจากการแพ้ และอับชื้น ทำให้เชื้อรากลุ่มแคนดิดาแทรกซ้อน สังเกตอาการ มีผื่นแดงจัด มักมีตุ่มใสและตุ่มหนองกระจายออกไปจากบริเวณที่เป็น ส่วนมากเชื้อจะอยู่ในทางเดินอาหาร ในช่องปากของทารก ลักษณะเป็นฝ้าขาว ๆ คล้ายคราบนม แต่จะติดแน่นกว่า
เด็กที่กินยาปฏิชีวนะนาน ๆ จะทำให้เชื้อรานี้ เพิ่มจำนวนมากขึ้น ถ่ายอุจจาระออกมาสัมผัสกับผื่นอับชื้นหรือผื่นผ้าอ้อม ทำให้เชื้อเติบโตและกลายเป็นผื่นลูกลามมากขึ้นได้ ถ้าทารกมีอาการท้องเสีย ให้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่อง ผื่นผ้าอ้อมทายาแก้แพ้ผ้าอ้อมแล้วไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อตรวจดูว่ายังมีเชื้อราอยู่หรือไม่
วิธีรักษาและป้องกัน
หรือทารกอาจติดเชื้อเกลื้อน ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง ติดจากพ่อแม่คนเลี้ยงที่เป็นโรคนี้ โดยเฉพาะแม่ที่มีเชื้อเกลื้อนบริเวณหน้าอกใต้ราวนม เวลาให้นมลูก เชื้อก็ติดต่อไปที่หน้า คิ้ว หน้าผากลูกได้มีลักษณะเป็นดวงขาว ๆ มีขุยบาง ๆ มีขอบเขตค่อนข้างชัดเจน
วิธีการรักษาและป้องกัน ควรรักษาแม่หรือคนรอบข้างที่เป็นพร้อมกันกับเด็กด้วย โดยใช้ยาทาฆ่าเชื้อรา และรักษาความสะอาดไม่ควรให้มีเหงื่อหมักหมมทำให้เชื้อไม่หายขาด เป็น ๆ หาย ๆ ได้
กลุ่มที่ 2 ผิวหนังอักเสบที่ไม่ติดเชื้อ
เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กขวบปีแรก และเป็นปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่ควรทราบ เพื่อให้การดูแลเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์
พบได้บ่อยในเด็กทารกวัยขวบปีแรก ประมาณร้อยละ 60 (พบได้ร้อยละ 85 ในเด็กที่อายุไม่เกิน 5 ปี) เป็นโรคเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ โดยมีประวัติส่วนตัวหรือครอบครัวเป็นโรคในกลุ่มภูมิแพ้ เช่น ผื่น ภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคแพ้อากาศ และเยื่อจมูกอักเสบ
สังเกตอาการ เด็กที่เป็นโรคนี้จะเริ่มมีอาการเมื่ออายุ 2-3 เดือนถึง 2 ปี โดยมีผื่นแดงที่แก้ม 2 ข้าง และด้านนอกของแขนขา และลำตัว ผิวหนังแห้ง มีอาการคันมาก ทำให้ระคายเคืองได้ง่ายจากการเสียดสี แม้แต่น้ำลายหรือเหงื่อของตัวเด็กเอง
วิธีรักษาและป้องกัน
พบได้ในทารกวัย 3-12 สัปดาห์ โดยจะมีผื่นบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น ศีรษะ คิ้ว แก้ม ใบหู ซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ รวมถึงข้อพับแขนขา โรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่สันนิษฐานว่า อาจเกิดจากปฏิกิริยาต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อราชนิดหนึ่ง ที่ชอบผิวหนังที่มีไขมันมาก ประกอบกับทารกวัยนี้ ต่อมไขมันจะถูกกระตุ้นให้เจริญเติบโตมากกว่าเด็กโต
สังเกตอาการ มีผื่นเป็นขุยแห้ง ๆ สีน้ำตาลปนเหลือง เริ่มจากศีรษะ คิ้ว ต่อมาเพิ่มขึ้นตามตำแหน่งที่มีต่อมไขมันมาก เด็กจะไม่ค่อยคัน ไม่ค่อยเกาหรืองอแง
วิธีการรักษาและป้องกัน
สำหรับบริเวณศีรษะใช้น้ำมันหรือน้ำมันมะกอกทาทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วสระออกด้วยแชมพูเด็ก การถูเบา ๆ จะช่วยให้สะเก็ดหลุดได้ง่ายขึ้น ถ้าเป็นมากควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อ่อนๆ (1% Hydrocortisone) ทาเช่นเดียวกับทาผื่นแดงและขุยในตำแหน่งอื่นที่กล่าวมาข้างต้น
Note! โรคนี้คุณแม่บางท่านอาจเข้าใจว่าเป็นผื่นภูมิแพ้ แต่ต่างกันที่โรคนี้จะไม่ค่อยมีอาการคันเหมือนผื่นภูมิแพ้ และเริ่มเป็นได้เร็วกว่า (ส่วนใหญ่มักเริ่มภายในเดือนแรก) ส่วนผื่นภูมิแพ้มักเริ่มในช่วงอายุ 2-3 เดือนขึ้นไป และที่สำคัญผื่นผิวหนังจากต่อมไขมันอักเสบจะหายเร็วกว่าผื่นภูมิแพ้ โดยมักจะหายก่อนอายุ 6 เดือน (ประมาณ 3-4 เดือน)
เป็นผื่นที่เกิดขึ้นบริเวณที่นุ่งผ้าอ้อม จากการระคายเคืองหรือแพ้สารสัมผัส พบบ่อยในเด็กทารกอายุ 3-18 เดือน โดยเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น การสัมผัสกับสารระคายเคือง โดยเฉพาะจากปัสสาวะและอุจจาระที่มีน้ำย่อยโปรตีนและไขมัน ร่วมกับความเปียกขึ้นของผ้าอ้อมเป็นเวลานาน ยิ่งเป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่คุณภาพไม่ดีซึมซับได้น้อย และคุณแม่หรือพี่เลี้ยงละเลย ปล่อยให้หมักหมมปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเวลานาน
สังเกตอาการ ดูจากผื่นสีแดงตามบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับผ้าอ้อม ได้แก่ ต้นขาด้านใน อวัยวะเพศ ท้องน้อยช่วงล่าง และก้น ส่วนที่นูน ส่วนบริเวณซอกขาที่อยู่ลึกเข้าไปจะไม่มีผื่น เพราะไม่สัมผัสกับผ้าอ้อม ถ้าเป็นมากจะเป็นแผลถลอก และอาจติดเชื้อจนกลายเป็นตุ่มน้ำหรือตุ่มหนองได้
วิธีการรักษาและดูแล
โรคผิวหนังสำหรับเบบี๋วัยขวบปีแรก เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปด้วยวิธีการสังเกตแต่ละโรคข้างต้น คงช่วยให้คุณแม่ดูแลลูกในเบื้องต้นได้ และช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ทำให้ลูกไม่ต้องเผชิญหน้ากับโรคเหล่านี้นานเกินไปค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.16 No.182 ธันวาคม 2553






