สิวหัวช้าง คืออะไร
สิวหัวช้าง เกิดจากอะไร
สาเหตุหลักของการเกิดสิวหัวช้างก็คือ แบคทีเรีย น้ำมัน รวมถึงเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ที่เข้าไปอุดตันอยู่ในรูขุมขนจนเกิดการอักเสบและก่อตัวกลายเป็นสิวขึ้นมา และก็มีสาเหตุอื่นที่สนับสนุนร่วมด้วย เช่น
- ความผันผวนของฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนที่เกิดในวัยแรกรุ่น การตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน
- ภาวะของโรค เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome : PCOS)
- ยา เช่น ยาคุมกำเนิด สเตียรอยด์ หรือลิเธียม
- จุลินทรีย์ที่อยู่ในผิวหนัง (Microbiome) เนื่องจากแบคทีเรียบางชนิดสามารถทำให้เกิดการอักเสบและเกิดสิวได้
- ความเครียด ทำให้ร่างกายหลั่งสารแอนโดรเจน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
- กรรมพันธุ์ ที่ทำให้บางคนมีแนวโน้มเป็นสิวมากกว่าคนอื่น ๆ
- บางคนแพ้อาหารบางชนิด เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือผลิตภัณฑ์จากนม
บีบสิวหัวช้าง ทำได้ไหม
รักษาสิวหัวช้างยังไงดี
แม้ว่าสิวหัวช้างหรือสิวซีสต์จะรักษาได้ค่อนข้างยาก เพราะเป็นสิวชนิดรุนแรง แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าตัดสินใจไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังก็มักจะรักษาหาย โดยแพทย์จะจ่ายยาชนิดหลัก ๆ ที่รักษาสิว ดังนี้
- ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดสิวรุนแรง ทั้งยังสามารถป้องกันไม่ให้เกิดสิวซ้ำได้อีกด้วย
- Benzoyl Peroxide ยาตัวนี้จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตัน
- Retinoids รวมถึงผลิตภัณฑ์เฉพาะที่ที่มีเรตินอล เทรติโนอิน หรืออะดาพาลีน สารเหล่านี้จะประกอบไปด้วยวิตามินเอ และเป็นส่วนประกอบทั่วไปในการรักษาสิว ซึ่งแพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้ควบคู่ไปกับยาปฏิชีวนะหรือ Benzoyl Peroxide แต่ต้องศึกษาให้ดี เพราะ Retinoids ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน
- Spironolactone เป็นยาที่ช่วยลดปริมาณฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกาย ปรับฮอร์โมนให้สมดุลขึ้น แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์
- ยาคุมกำเนิด เป็นการช่วยปรับฮอร์โมนเช่นเดียวกับ Spironolactone โดยเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเล็กน้อย เพื่อทำให้สิวลดลง
จะเห็นได้ว่าการรักษาสิวหัวช้างนั้นจำเป็นต้องพบแพทย์และใช้ยาเฉพาะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย พยายามอย่ารักษาด้วยตัวเอง เพราะอาจผิดวิธีและทำให้สิวอาการหนักขึ้นได้
ป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวช้างได้ยังไงบ้าง
ก่อนที่จะเป็นสิวหัวช้าง วิธีการที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวช้าง เพื่อที่จะไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจหาวิธีรักษาในภายหลัง โดยการป้องกันมีดังนี้
- ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนและน้ำอุ่น หลังจากตื่นนอน ก่อนเข้านอน และหลังออกกำลังกายหรือเหงื่อออก โดยล้างด้วยนิ้วมือ ไม่ต้องใช้ฟองน้ำในการล้างหน้า เพราะอาจเป็นที่สะสมของแบคทีเรีย
- ทามอยส์เจอไรเซอร์สูตร Oil-Free เมื่อรู้สึกว่าผิวแห้ง
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนที่ไม่ก่อให้เกิดสิว
- อย่านอนหลับทั้ง ๆ ที่ยังแต่งหน้าอยู่
- พยายามไม่สัมผัสใบหน้า
- อย่าไปยุ่งกับสิวบนใบหน้า หรือพวกแผลตกสะเก็ด
- สระผมเป็นประจำ และรวบผมไม่ให้สัมผัสกับใบหน้า เพราะผมอาจมีความมันและสิ่งสกปรก
- พยายามอย่าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดสิวง่าย เช่น สถานที่ที่มีฝุ่นเยอะ ๆ หรือร้อนอบอ้าว
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง
สรุปก็คือ หากเป็นสิวหัวช้างห้ามบีบเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้สิวอักเสบรุนแรงมากยิ่งขึ้น ควรรักษาอย่างถูกวิธีโดยปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้สิวหายและไร้รอยแผลเป็น ที่สำคัญควรดูแลตัวเองและปรับพฤติกรรมด้วย เพื่อไม่ให้มีสิวหัวช้างบนใบหน้า เท่านี้หน้าสวย ๆ ก็กลับมาเป็นของเราแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก : medicalnewstoday.com, healthline.com, clevelandclinic.org